เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 237 ทำพิธีเซ่นไหว้
บทที่ 237 ทำพิธีเซ่นไหว้
ถึงแม้ว่าช่วงนี้จี้จิ่งเชินจะอยู่ที่ปราสาทตลอด ไม่ได้ออกไปไหน แต่แรงกดดันจากบริษัทเอ็มไอกรุ๊ปกับบริษัทหวู่ซือก็ยังไม่หยุด จนกระทั่งเรื่องจากคราวก่อนก็ยิ่งหนักกว่าเดิมเสียอีก
ไม่นาน บริษัทหวู่ซือก็ถูกรับซื้อไป และหายไปจากตลาด
เจี่ยงเนี่ยนเหยากับเจียงหยู่เทียนก็ถูกตระกูลหวู่ไล่ออกจากคฤหาสน์ แม้กระทั่งรถก็ถูกยึดไป
ทั้งสองคนเดินท่ามกลางลมหนาว และได้เดินมาถึงใจกลางเมืองอย่างไม่รู้ตัว
เจียงหยู่เทียนมองไปรอบๆ กำลังมองหาที่พักสำหรับคืนนี้
ขั้นด้วยแม่น้ำ ก็จะมองเห็นพิพิธภัณฑ์เหว่ยชี ในแววตาก็มีแสงแวบเข้ามา
เจี่ยงเนี่ยนเหยาที่เห็น ก็หันหน้ามายิ้มแหยๆ
“เหว่ยชี?ฉันนี่ถึงจะเป็นภรรยาของเขา แต่ตอนนี้ล่ะ พวกเรานั่งตากลมหนาว ไม่มีอะไรติดตัวเลย ไม่รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะนอนที่ตรงไหน คงหลับอย่างสบายๆไปแล้ว!”
เธอเหล่มองเล็กน้อย แล้วเบ้ปากพลางพูดขึ้นว่า “พิพิธภัณฑ์นี้ดูแล้ว ก็ขัดตาซะจริงๆ!”
เจียงหยู่เทียนที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาว่า “ขัดตา?เธอก็เผามันซะสิ!”
“เผา?”
คำพูดของเขาทำให้เจี่ยงเนี่ยนเหยาตกใจจนเบิกตาโพลง
เจียงหยู่เทียนเหล่ตาไปมองเธอเล็กน้อย“ไม่กล้าเหรอ?ไม่ใช่เธอบอกว่าเธอตกต่ำจนถึงที่สุดแล้วหรอ?หรือว่าเธอจะยอมทนดูเวินเที๋ยนเที๋ยนแย่งของที่เป็นของเธอไปงั้นหรอ?”
“เธอคิดให้ดีๆนะ บางทีถ้าไม่มีเวินเที๋ยนเที๋ยน และถ้าบางทีที่ตรงนี้มันไม่ได้เป็นพิพิธภัณฑ์หลอกๆ แต่เป็นที่ของเธอเองล่ะ เธอต้องการอะไร?พิพิธภัณฑ์หลังนี้จะตั้งอยู่ตรงนี้ ทิ่มแทงเธอไปตลอดชีวิต”
ปกติเจี่ยงเนี่ยนเหยาเป็นคนที่รับการยุแยงไม่ได้
ถูกเจียงหยู่เทียนพูดมาแบบนี้แล้ว เธอก็โกรธขึ้นมาทันทีพลางพูดขึ้นว่า “ทำไมฉันจะไม่กล้า?มันก็แค่ห้องสมุดหลังหนึ่งเองหนิ?ยังไงตอนนี้ฉันก็หนีไม่ได้แล้วด้วย เผาก็เผาสิ!”
เธอกัดฟันไว้แน่น แล้วมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบที่ที่จะลงมือได้ จึงเดินไปที่ร้านขายของ
เจียงหยู่เทียนที่อยู่ข้างๆก็ไม่เข้าไปขวาง กลับยิ้มและมองไปที่เธอ
เธออยากเผาพิพิธภัณฑ์หลังนี้มานานแล้ว แต่อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ไม่ได้ จะทำให้จี้จิ่งเชินโกรธไม่ได้
แต่ในมือเธอมีเจี่ยงเนี่ยนเหยาที่จะช่วยลงมือ มันดีกว่าเธอคิดเสียอีก
ไม่กี่นาทีต่อมา เจี่ยงเนี่ยนเหยาก็ใช้เงินที่มีอยู่ติดตัวตอนนี้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนหนึ่งจากร้านขายของที่อยู่ข้างๆจนหมดตัว แล้วเดินไปที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
ประตูบานใหญ่ถูกล็อกไว้ เธอเปิดไม่ด้ เธอจึงทุบขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากข้างนอกซะเลย จากนั้นจุดไฟแช็คที่อยู่ในมือ แล้วปามันลงไป
ชั่วพริบตา เปลวไฟสีแดงก็ถูกจุดขึ้น แอลกอฮอล์นั้นเร่งให้เกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้นอีก และเผาไหม้อย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นาน พิพิธภัณฑ์ก็ถูกเผาไหม้
กลางดึก เปลวไฟนั้นโหมหนักมาก
ตอนแรก ไม่มีใครสังเกตถึงการกระทำนี้
จนกระทั่งเปลวไฟนั้นลามสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะมีคนพบว่าพิพิธภัณฑ์นั้นไฟไหม้ จากนั้นก็มีคนหลายคนเตรียมที่จะดับไฟ
ตอนที่คนมาช่วยดับไฟมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตัวต้นเหตุเจี่ยงเนี่ยนเหยากับเจียงหยู่เทียนก็ค่อยๆแอบหลบออกไป
หลังจากที่จี้จิ่งเชินรู้ข่าวนี้แล้ว เขาก็รีบไปที่พิพิธภัณฑ์กลางดึก
หลังจากที่เผาไหม้ไปหลายชั่วโมง ท่ามกลางเปลวไฟพิพิธภัณฑ์ก็เหลือแค่เสา คนหลายร้อยคนร่วมแรงร่วมใจกัน สุดท้ายจึงจะดับไฟได้
จี้จิ่งเชินก้มหน้าลง สีหน้าดูโกรธมาก แต่แววตากลับดูสงบลง
แต่พ่อบ้านกับจงหลีที่ยืนอยู่ข้างๆกลับรู้ว่า ท่าทางแบบนี้ของจี้จิ่งเชินนั้น เป็นอะไรที่อันตรายมาก
ใครๆก็รู้ว่าพิพิธภัณฑ์หลังนี้อยู่ในใจของจี้จิ่งเชิน แต่ตอนนี้กลับถูกเผาไหม้ไปแล้ว
และผ่านการตรวจสอบมาแล้ว นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่มีคนตั้งใจวางเพลิง!
“สืบเจอแล้วยัง?”เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ได้ฟังเสียงของเขา จงหลีก็รีบเดินเข้ามาใกล้
“ดูจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งตรงทางเดิน เมื่อคืนเจี่ยงเนี่ยนเหยากับเจียงหยู่เทียนได้ผ่านมาทางนี้ครับ และเจียงหยู่เทียนก็ได้ซื้อแอลกอฮอล์จากร้านสะดวกซื้อมาหลายขวดด้วย คนที่จุดไฟก็น่าจะเป็นเธอ”
จี้จิ่งเชินกำหมัดไว้แน่น เพราะใช้แรงมากเกินไปเสียงจากข้อต่อกระดูกจึงดังขึ้น
“ให้คนไปหาตัวเขามาเดี๋ยวนี้!”
“ครับ”
จงหลีมองไปที่เขาอย่างระมัดระวัง กลัวว่าตอนนี้จะทำให้จี้จิ่งเชินโกรธ
“ตั้งแต่เมื่อคืน เธอคงจะรู้ว่าฉันต้องตามหาตัวเธอแน่ เลยรีบหลบหนีไป จนตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ”
จี้จิ่งเชินหันมา แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาจนน่ากลัว
“หลังจากเจอตัวเธอแล้ว อย่างพึ่งแจ้งตำรวจ ส่งตัวมาให้ฉันก่อน ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
พอได้ยินประโยคนี้ จงหลีก็สะดุ้งโหยงไปทั้งตัว เขามองไปที่จี้จิ่งเชินอย่างระมัดระวัง กลับเห็นว่าแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธจนอยากจะฆ่า
วันถัดมา เรื่องที่พิพิธภัณฑ์เหว่ยชีไฟไหม้ ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินข่าวนี้แล้ว ก็รีบดูรายงานทั้งหมดอีกรอบ
หลายวันมานี้ เธอได้ไปที่ปราสาทมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธที่จะให้เข้าไป
ที่น่าตลกก็คือ เมื่อก่อนเธอทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะออกจากปราสาท แต่ตอนนี้ กลับทำทุกวิถีทางที่จะได้กลับเข้าไป
เธอคิดมาจนนับไม่ถ้วน หลังจากที่สงบลงแล้ว เธอก็ได้พบเงื่อนงำแล้ว
จี้จิ่งเชินไล่เธอออกไปตอนนี้ ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ เป็นเพราะอาการป่วยของเขา
เพราะไม่อยากทำร้ายเธอเอง จึงไล่เธอออกไป
ที่จี้จิ่งเชินทำแบบนี้มันไม่ใช่ครั้งแรก
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะเดาความคิดของจี้จิ่งเชินได้แล้ว แต่เธอก็ไม่เห็นหน้าของเขาอยู่ดี
ไม่ง่ายเลยที่ในข่าวจะเห็นจี้จิ่งเชินออกจากปราสาท เธอรีบออกจากบ้าน และตัดสินใจจะไปดักเขาที่หน้าปราสาท
คนขับรถพาเธอมาถึงหน้าประตูของปราสาท และก็เห็นรถของจี้จิ่งเชินที่ขับกลับเข้ามาจากข้างนอก
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบลงจากรถ แล้วซ่อนตัวไว้ จากนั้นค่อยๆแอบเดินตามหลังเขาไป
จี้จิ่งเชินลงจากรถ แล้วพูดกับพ่อบ้านพลางเดินเข้าไปข้างใน
“คุณท่าน ถ้าเจอตัวเจี่ยงเนี่ยนเหยาแล้ว จะจัดการยังไงดีครับ?”
เสียงของจี้จิ่งเชินทุ้มต่ำสุขุม ท่ามกลางลมฝนที่พัดมา
“แค่ส่งตัวให้ตำรวจสำหรับเธอมันยังน้อยไป”
เรื่องจากครั้งก่อน ทำให้จี้จิ่งเชินได้รับบทเรียน
การลงโทษคนบางคน จำเป็นจะต้องให้เขาดำเนินการด้วยตัวเอง ต้องรับรองได้ว่าจะไม่ส่งผลร้ายถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงจะได้
พ่อบ้านมองไปที่เขาอย่างกังวล
“คุณท่าน คุณใจเย็นก่อนครับ เพียงเพราะเจี่ยงเนี่ยนเหยามันไม่คุ้มกันเลยนะครับ”
อารมณ์ของจี้จิ่งเชินนั้นไม่คงที่อยู่แล้ว ราวกับว่าจะระเบิดได้ทุกเวลา
ยิ่งในตอนนี้ เจี่ยงเนี่ยนเหยายังมาแหย่เขาอีก แบบนี้มันไม่ใช่หาเรื่องตายหรอกหรอ?
พ่อบ้านกังวลว่าตอนนี้จี้จิ่งเชินจะทำเรื่องที่ไม่มีทางที่จะกลับตัวได้อีก
จี้จิ่งเชินหยุดลง แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเธออยากจะตาย งั้นฉันจะเป็นคนสงเคราะห์เธอเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินคำพูดของพวกเขา ก็ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว
จี้จิ่งเชินคงจะไม่……
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ของจี้จิ่งเชินก็ดังขึ้น
เขาหยุดลงตรงที่หน้าประตู หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดรับสาย
พอฟังไปได้สักพัก เขาก็ยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย
“เจอแล้วหรอ?ฉันจะไปด้วยตัวเอง”
พอพูดจบ เขาก็วางสายไป แล้วกลับหลังหันเดินออกไปข้างนอก
พ่อบ้านเดินตามเขาไปอย่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“คุณท่าน คุณจะทำอะไรหรอครับ?”
จี้จิ่งเชินยังคงเดินต่อไป
“เซ่นไหว้ให้พิพิธภัณฑ์ของภรรยาฉัน!”