เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 236 เสียดายที่ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว
บทที่236 เสียดายที่ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว
กลางดึก
พ่อบ้านตัดสายที่โทรเข้ามาจากตระกูลหล่อนอีกครั้ง และไม่สนใจคำขอของคุณนายหล่อนเลย
กล้าปฏิเสธตระกูลหล่อนหลายครั้งแบบนี้ คงจะมีแค่จี้จิ่งเชินเท่านั้นที่จะกล้าทำ
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปที่ชั้นสามอย่างกลุ้มใจ
นับตั้งแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ออกไปนั้น จี้จิ่งเชินก็ไม่ได้ออกจากปราสาทมาสามวันแล้ว และไม่ได้กินอะไรเลย
งานส่วนมากของบริษัทเขาก็ได้จัดการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้ามีงานไหนที่จำเป็นเขาก็จะคอยควบคุมทางไกลจากห้องหนังสือ เวลาที่เหลือในทุกๆวันเขาก็จะใช้รักษาอาการของเขาเป็นส่วนใหญ่
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ไม่ได้กินอะไรเป็นเวลานาน ร่างกายจะทนไหวได้อย่างไร?
พ่อบ้านคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจขึ้นไปดูสักหน่อย
เขาเดินขึ้นไปชั้นสาม แล้วเคาะประตูห้องหนังสือ
รออยู่นาน ประตูถึงจะถูกเปิดออก
พ่อบ้านที่เห็นหมอจางก็ถามขึ้นว่า “คุณท่านล่ะ?”
หมอจางชี้ไปยังข้างใน
“ตอนนี้พึ่งจะเสร็จขั้นตอนการรักษาไปหนึ่งขั้น ฉันเตรียมจะกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาอีก นายช่วยดูแลคุณจี้ด้วย ถ้ามีปัญหาอะไร อย่าลืมมารายงานฉันด้วย”
“รบกวนด้วยนะ หมอจาง”
พ่อบ้านมองเขาเดินจากไป จึงจะเดินเข้าไปข้างใน
ในห้องหนังสือนั้นเงียบสนิท ราวกับว่าแม้กระทั่งอากาศก็โดนหยุดเอาไว้
มีเพียงแค่โคมไฟขนาดเล็กบนโต๊ะ ที่ส่องแสงสลัวๆอยู่
เงามืดๆสลัวๆนั่งอยู่ที่โซฟา หลังของเขาพิงเข้ากับพนักพิงและเงยหน้าพิงไปกับขอบโซฟา เขาหลับตาลงอย่างเหน็ดเหนื่อย
พอพ่อบ้านเดินเข้ามาใกล้ ก็เห็นได้ถึงหยาดเหงื่อบนตัวของเขา แม้กระทั่งใบหน้าก็ดูซีดเผือด
ช่วงนี้ ทุกครั้งที่เขาเข้ามาหาจี้จิ่งเชิน ก็จะเห็นเขาในสภาพนี้ทุกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะเห็นแบบนี้อีกกี่ครั้ง เขาก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี
ขั้นตอนการรักษาของคุณท่านกับหมอจาง ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าจะให้คิด ก็คงพอจะเดาออกได้
ในเมื่อทำให้จี้จิ่งเชินเปลี่ยนไปในสภาพที่ดูแย่แบบนี้ ขั้นตอนการรักษาก็คงต้องยากลำบากแน่
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังจะเปิดปากพูด จี้จิ่งเชินก็ลืมตาขึ้นมาพอดี
“มีอะไร?”น้ำเสียงของเขานั้นแหบแห้ง และยังแฝงไปด้วยความเหนื่อยหอบ
พ่อบ้านรีบพยักหน้า
“ตระกูลหล่อนโทรมาอีกแล้วครับ คุณนายหล่อนบอกว่าจะคุยกับคุณท่าน แต่ถ้ายึดตามหลักที่คุณสั่งเอาไว้ ผมก็หาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงไปแล้ว แต่ก็คงทำแบบนี้ไปไม่ได้ตลอด”
ถ้าเป็นคนตระกูลหล่อนคนนั้นที่อารมณ์ร้อนละก็ บางทีอาจจะอีกไม่นาน ก็คงมาหาเรื่องถึงที่บ้านแน่
ถึงตอนนั้น คิดจะหลบก็หลบไม่พ้นแน่
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว จนระหว่างคิ้วยู่เล็กน้อย
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะหาเวลาคุยกับเธอให้ชัดเจนเอง”
พ่อบ้านพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณท่าน สามวันแล้วที่คุณท่านไม่กินอะไรเลย ผมให้พวกเขาเตรียมอาหารเอาไว้แล้ว คุณท่านทานก่อน อย่าให้ร่างกายทรุดโทรมไปเลย”
“ฉันไม่อยากกิน ให้พวกเขาเอาอาหารกลับไปเถอะ”
จี้จิ่งเชินตอบกลับเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
พ่อบ้านมองเขาอย่างเป็นกังวล แต่จี้จิ่งเชินพูดจบก็หลับตาลงอีกครั้ง แล้วพิงลงตรงโซฟา ไม่รู้ว่าหลับไปหรือยัง
เขาทำอะไรไม่ได้ จึงเดินจากไปอย่างเงียบๆ แล้วปิดประตูอย่างระมัดระวัง แล้วจึงไปบอกให้แม่ครัวเก็บอาหารที่เตรียมไว้กลับไป
แม่ครัวได้ยิน ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “จะเป็นแบบนี้ต่อไปได้ยังไง?อาการยังไม่ทันจะหายดี ร่างกายคงพังไปเสียก่อน”
พ่อบ้านถอนหายใจ
“คุณท่านไม่อยากกิน พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ?”
“ถ้าเป็นคุณเวินก็ดีน่ะสิ เธอต้องกล่อมให้คูณท่านกินข้าวได้แน่นอน……”
แม่ครัวพูดพลางมองไปที่พ่อบ้าน
พวกเขารู้ดีว่า มันเป็นไปไม่ได้
คุณท่านพึ่งจะไล่คุณเวินออกไปวันก่อนนี้เอง บางทีตอนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็คงจะเกลียดจี้จิ่งเชินไปแล้ว จะกลับมาได้ยังไงกัน?
พ่อบ้านโบกมือไปมาอย่างเหนื่อยใจ
“ช่างเถอะ เก็บของพวกนี้ไปก่อนดีกว่า ถ้าคุณท่านหิวละก็ คงจะลงมานั่นแหละ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด”
กลางดึก
จี้จิ่งเชินตกใจตื่นจากความฝัน
ในฝันเขาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สนใจไยดีเขาเลย และจับมือคนอื่น โอบเอว และยังจูบกับคนอื่นอีกด้วย
เขาเจ็บเหมือนมีดกรีดหัวใจ เหมือนใกล้จะตายเต็มที
ถึงเขาจะคุกเข่าขอร้องเธอ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่สนไยดีเขาเลย
คำพูดในวันนั้นที่เขาพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ย้อนกลับมาที่ตัวเขาทั้งหมด
เขาเจ็บปวดเจียนตาย
พอลืมตาขึ้นมาได้ ก็สูดหายใจเข้าออกฟอดใหญ่
ที่มุมตาก็มีหยดน้ำไหลออกมา เขาตกใจกลัวและมองไปที่ฝ้าเพดาน ในใจยังคงรู้สึกเจ็บปวด
เจ็บจนเกินคำบรรยาย ทุกวินาทีก็ร้องคร่ำครวญออกมา
หยาดเหงื่อไหลออกมาจากไรผมของเขา ทำให้ปลายผมของเขานั้นเปียกปอนไปหมด
จี้จิ่งเชินสูดหายใจเข้าลึก แต่กลับไม่ได้ทุเลาความเจ็บปวดในใจได้เลย
ตั้งแต่วันที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจากไป เขาก็ฝันถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ทุกคืน
เสียงของเธอ ดวงตาของเธอ และน้ำตาของเธอ
ไม่มีใครรู้ ว่าตอนที่เขาต้องไล่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปนั้นเขาหวาดกลัวมากแค่ไหน
ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนผิดหวัง แล้วจากไป
ถ้าหากเธอรอเวลาแปดเดือนนี้ไม่ไหว เขาจะทำยังไง?
ถ้าหากความฝันกลายเป็นความจริง แล้วเขาจะทำยังไง?
สิ่งที่เขามีอยู่หนึ่งเดียว ก็คือความรักของเวินเที๋ยนเที๋ยน……
จี้จิ่งเชินกำไว้แน่น ราวกับว่าไม่กล้าที่จะปล่อยวางเลย
หมากเกมนี้ จะไม่มีทางถอยหลังกลับได้
ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบจากความฝันนั้นหรือเปล่า ไม่กี่วันมานี้ จี้จิ่งเชินก็รู้สึกหิวขึ้นมา
ในห้องอาหาร
แม่ครัวยังจัดของที่อยู่ในตู้เย็น
เธอเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ออกมา แล้วจัดการเอาของที่หมดอายุหรือไม่ต้องการแล้วทิ้งไป
เธอกำลังจะหยิบของที่ไม่ใช้แล้วทิ้งนั้น พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นจี้จิ่งเชินกำลังเดินเข้ามา
เธออึ้งไปสักพัก แล้วรีบพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “คุณท่าน หิวแล้วหรอคะ?เดี๋ยวฉันจะทำอาหารให้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
พอจี้จิ่งเชินจะพูด ก็เหลือบไปเห็นเค้กสองก้อนที่วางอยู่บนโต๊ะ
เค้กที่ขนาดเท่าฝ่ามือ หน้าเค้กประดับไปด้วยผลไม้และครีม ดูสวยงามน่ารัก
จี้จิ่งเชินรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย
“นี่ซื้อมาจากไหน?”
แม่ครัวมองไปที่เค้ก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “นี่เป็นเค้กที่คุณเวินทำไว้ก่อนจะออกจากปราสาทไปหนึ่งวัน เตรียมไว้ให้คุณท่านน่ะค่ะ”
จี้จิ่งเชินรีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในใจสั่นเครือขึ้นมาทันที
เขามองไปที่แม่ครัว และกลับมามองเค้กที่อยู่บนโต๊ะ
“ให้ฉันเถอะ”
แม่ครัวได้ยิน ก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ไม่ได้ค่ะ คุณท่าน เค้กก้อนนี้หมดอายุแล้ว ฉันเตรียมจะเอามันไปทิ้งอยู่พอดี……”
จี้จิ่งเชินกลับขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “ให้ฉัน”
เขาพูดพลางโน้มตัวไปหยิบเค้กทั้งสองก้อนที่อยู่บนโต๊ะ
เค้กสีฟ้าและสีชมพู แค่เห็นก็รู้ว่าเตรียมไว้สำหรับคนสองคน
จี้จิ่งเชินประคองมันไว้ในมือ และดูอย่างละเอียด จึงค่อยๆแกะกล่องข้างนอกออก
แม่บ้านยืนอยู่อีกฝั่งอย่างกังวล อยากที่จะเข้าไปห้าม
“คุณท่าน นี่ นี่มันหมดอายุแล้วนะคะ”
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ฟัง เขากินเค้กทั้งสองก้อนลงไป
แม่ครัวเบิกตากว้างมองไปที่เขาอย่างตกตะลึง
จี้จิ่งเชินวางมีดกับซ้อมในมือลง เขากินเค้กทั้งสองก้อนจนเกลี้ยง
“อร่อยมาก”
เขาพูดขึ้น
ผ่านไปสักพัก ถึงจะพูดขึ้นอีกว่า “เสียดาย ที่ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว……”