เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 230 ความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง
บทที่230 ความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว คิดแล้วคิดอีก
หรือว่าจะเป็นเพราะครั้งที่แล้ว จี้จิ่งเชินพลั้งมือทำร้ายเธอครั้งนั้น
“ผมแนะนำอยากจะให้คุณเข้าร่วมระหว่างการรักษาของเขาด้วย แต่กลับถูกคุณจี้ปฏิเสธ ระดับความใส่ใจของเขาที่มีต่อคุณ ไกลเกินกว่าที่ผมคิดมาก”
เพราะกลัวว่าหลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนสังเกตเห็นแล้วจะจากไป จี้จิ่งเชินถึงกับสร้างอีกตัวตนขึ้นมา
อยู่ต่อหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็แสดงออกเหมือนคนปกติ
ที่จริงในระดับบางอย่างก็ถึงความสมดุลลึกๆ เพียงแค่ไม่ล้ำเส้น ก็จะไม่ระเบิด
แต่
“คุณลองจากเขาไปหรือยัง” หมอจางถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงเรื่องวันนั้นที่สนามบิน ก็พยักหน้า
หมอจางพูดอย่างเสียใจ “การกระตุ้นจากการกระทำหรือคำพูดใดใด ล้วนจะทำลายความสมดุลที่เขาสร้างขึ้นมาเองในตอนนี้ ดังนั้นถึงได้เปลี่ยนรุนแรง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกย้อนกลับไป
ครั้งแรกตอนที่เธอถูกคุณนายหล่อนบังคับให้ออกไป จี้จิ่งเชินแย่งเธอกลับมา ไม่ให้เธอออกไปจากนอกเขตปราสาท
ต่อมาเวินเที๋ยนเที๋ยนโกรธแล้วบอกว่าตัวเองยอมไปฝรั่งเศส และไม่ยอมอยู่ที่นี่ จี้จิ่งเชินก็ล็อกประตูห้องนอนไม่ให้เธอจากไป
สุดท้าย เธอแอบทำเชือกเตรียมจะหนี แล้วล้ำเส้นของจี้จิ่งเชินจริงๆ
ผลลัพธ์ของครั้งนี้คือ เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกล่ามด้วยกุญแจมือ
เดิมทีพวกนี้ล้วนเป็นสัญญาณ
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกเสียใจมาก
ถ้าเธอรู้เรื่องพวกนี้เร็วกว่านี้ จะไม่ทำให้จี้จิ่งเชินโกรธแน่นอน
“ตอนนี้ยังมีวิธีอะไรที่สามารถพอทุเลาหรือรักษาอาการของเขาในตอนนี้ได้ไหม”
“นี่คืออาการป่วยทางจิต ไม่ยาใดๆที่สามารถรักษาได้ วิธีเดียวก็คือให้เขาเชื่อใจคุณ อย่าทำเรื่องใดๆที่เป็นอันตรายต่อเขา และอย่าท้าทายความอดทนสุดท้ายของเขา”
เขาอธิบายหลายวิธีอย่างละเอียด แต่กลับให้เวินเที๋ยนเที๋ยนดำเนินการเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนจดจำอย่างละเอียด พยักหน้า
“ฉันรู้แล้ว”
เขากำลังกังวล แม้ก่อนหน้าที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเข้าไป ทำให้เขาวางใจอย่างนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขายังคงเป็นห่วงอย่างควบคุมไม่ได้
พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมา เขาก็รีบยืนตัวตรงแล้วเดินเข้าไป
“เป็นยังไงบ้าง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงคำพูดที่คุณหมอเพิ่งพูดเมื่อกี้ แล้วพูดปลอบ “ฉันปรึกษากับเขาดีแล้ว ขั้นตอนต่อไปฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณตลอด”
ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็ค่อยๆใจเย็นลง ยืนมือไปจับเวินเที๋ยนเที๋ยน สิบนิ้วกำแน่น
แม้แต่เห็นหมอจางเดินออกมาจากในห้อง ก็มองเป็นสัญญาณเตือนเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า ในใจไม่หยุดคิดแผนการของตัวเอง
วันที่สอง ในที่สุดเธอก็ลองเอ่ยปากพูด
“จี้จิ่งเชิน ฉันเห็นดอกไม้ในลานบานแล้ว ฉันออกไปดูได้ไหม”
มือจี้จิ่งเชินที่จับแขนเธออยู่พลันออกแรงทันที เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบพูด “ฉันอยากไปกับคุณ แค่ห้านาที”
จี้จิ่งเชินลังเลสักพัก ถึงพยักหน้าในที่สุด แล้วแสดงรอยยิ้ม
“ได้”
แม้ภายนอกจะดูผ่อนคลายมาก แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนสามารถเห็นได้จากมือที่ออกแรงจับของเขา เขายังคงกังวลมาก
แต่ไม่ว่าอย่างไร ความก้าวหน้าที่เล็กน้อยนี้ ก็พอให้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนและพ่อบ้านรู้สึกดีใจ
คำแนะนำของหมอจางเมื่อก่อนก็ถูกจริงๆ
เพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ข้างกายจี้จิ่งเชิน บางทีอาการของเขาอาจจะหายเร็วขึ้นจริงๆ
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความต้องการของเวินเที๋ยนเที๋ยน
พ่อบ้านยังสงสัย ถ้าวันไหนคุณเวินเสนออยากจะออกไปนอกโลก จี้จิ่งเชินก็จะซื้อที่ดินบนดวงจันทร์โดยไม่ลังเล
อยู่ในลานบ้านห้านาที เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เสนออยากจะกลับ
จี้จิ่งเชินผ่อนคลายลง แม้แต่รอยยิ้มจางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เห็นได้ชัดว่าพอใจมาก
ผ่านไปช้าๆ เวลาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปข้างนอกก็เริ่มนานขึ้น
หลายวันต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนมักจะเสนออยากจะออกไปเดินเล่นในลานบ้าน
แม้ว่าจะมีจี้จิ่งเชินข้างกายตลอด เธอก็ไม่สามารถออกไปจากนอกเขตปราสาท
แต่เมื่อก่อนห้านาที ก็เพิ่มขึ้นเป็นสิบนาที สุดท้ายสามารถอยู่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง หรือหนึ่งชั่วโมง
การยอมรับของจี้จิ่งเชินค่อยๆ เพิ่มขยายออกทุกครั้ง
ผ่านไปหลายวัน เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงเสนอ อยากจะออกไปเดินเล่นที่ลานคนเดียว
ผ่านการสืบเสาะก่อนหน้านี้แต่ละขั้น จี้จิ่งเชินครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“อีกสักหน่อยกลับมากินข้าว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า หมุนตัวแล้วเดินออกไป
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ในห้องรับแขก มองดูเธอหายไปจากประตูอย่างนิ่งๆ
มองสิบนาทีเต็ม ตอนใกล้จะถึงเวลาที่เขานัดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน เวินเที๋ยนเที๋ยนของพวกเราก็เดินเข้ามาจากประตู
พอจี้จิ่งเชินมองเห็นเธอ กล้ามเนื้อที่ตึงแน่นไปทั่วร่างกายก็ผ่อนคลายลง
สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาในครั้งนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินเข้าไปดึงเขา
“ฉันบอกแล้วว่าจะกลับมา ก็ต้องกลับมา”
จี้จิ่งเชินแสดงรอยยิ้ม จับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น ก้มหน้าจูบที่หน้าผากของเธอ
“ผมรู้”
เวลาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเล่นในลานคนเดียวค่อยๆเพิ่มขึ้น จนกระทั่งจี้จิ่งเชินวางใจจริงๆ
แต่เธอกลับหาโอกาสที่จะออกไปปราสาทไม่ได้
กระทั่งหลายวันต่อมา พ่อบ้านได้รับโทรศัพท์จี้จิ่งเชินโทรมาจากบริษัท ต้องการให้เขาส่งเอกสารชุดหนึ่งไปบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินโอกาสนี้ ก็รีบรับโทรศัพท์
“ฉันเอาไปส่งให้คุณปะ”
“ไม่ได้”
เธอเพิ่งพูดจบ จี้จิ่งเชินก็ปฏิเสธโดยไม่คิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่รีบร้อน ค่อยพูด “จากปราสาทถึงบริษัทใช้เวลาครึ่งชั่วโมง อีกอย่างคนขับในปราสาทช่วยฉันขับรถ หลังจากครึ่งชั่วโมง คุณก็จะเจอฉันที่บริษัท”
น้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งอ่อนโยน
“จี้จิ่งเชิน ฉันคิดถึงคุณ ให้ฉันไปหาคุณ ดีไหม”
หลายวันมานี้ใช้เวลากับจี้จิ่งเชิน เวินเที๋ยนเที๋ยนค้นพบคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่ง
เพียงแค่ตัวเองอ่อนโยน จี้จิ่งเชินก็ต้องประนีประนอมแน่นอน
ในความเป็นจริง
ผ่านไปสักพัก จี้จิ่งเชินก็ยอม
“เวลาครึ่งชั่วโมง ให้คนขับรถไปคุณส่งมา ผมจะรอคุณอยู่ชั้นล่าง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการไปหาเขาด้วยตัวเอง แต่แบบนี้สำหรับจี้จิ่งเชินแล้ว เป็นการประนีประนอมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ก็พยักหน้าตอบรับ
“ได้ หลังจากครึ่งชั่วโมง คุณก็จะเจอฉันแล้ว”
พูดจบ ก็วางสาย
พ่อบ้านยืนฟังยืนข้างๆ ก็พูดอย่างดีใจ “ในที่สุดคุณชายก็ยอมให้คุณหนูออกบ้านได้ ดูเหมือนว่าอาการป่วยจะหายขาดในไม่ช้า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ดีใจเล็กน้อย ขั้นตอนการรักษาราบรื่นจนทำให้เธอก็รู้สึกเหลือเชื่อ
“คุณรีบส่งเอกสารที่จี้จิ่งเชินต้องการมาให้ฉัน ฉันจะออกเดินทางแล้ว จะให้เขารอนานไม่ได้ ไม่งั้นก็เหลือไม่มาก”
ผ่านไปสองนาที เวินเที๋ยนเที๋ยนถือเอกสารนั่งบนรถของคนขับรถ ตรงไปที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปที่อยู่ใจกลางเมือง
และในขณะนี้ เจียงหยู่เทียนและเจี่ยงเนี่ยนเหยาก็กำลังอยู่ระหว่างทางไปบริษัทเอ็มไอกรุ้ป