เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 229 ยอมรับการรักษา
บทที่229 ยอมรับการรักษา
“ทำไมไม่กินข้าว” เขาพูดเสียงเบา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขา จากนั้นวางหนังสือไว้ด้านข้าง แล้วเงยหน้ามองมา
“อยากกินด้วยกันกับคุณ วันนี้คุณทำไมถึงกลับมาดึกขนาดนี้”
จี้จิ่งเชินถูกคำพูดที่ไร้เดียงสาของเธอทำให้รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
หลายวันมานี้ เขาอารมณ์ของเขาและเวินเที๋ยนเที๋ยนล้วนตึงเครียด
โดยเฉพาะวันนี้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วล่ามเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ ต่อมาก็ไม่กล้ากลับปราสาท ถึงได้โอ้เอ้อยู่ที่บริษัทตลอดไม่ไปไหน
ตอนนี้พอได้ยินประโยคนี้ ในตาของเขาก็มีความแปลกใจอยู่จางๆ
“คุณรอผมกินข้าวจริงๆเหรอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า พูด “อีกอย่างมีบางเรื่อง ฉันอยากจะคุยกับคุณ”
“คุณยากจะให้ผมปล่อยคุณเหรอ”
พอจี้จิ่งเชินได้ยิน ก็เตือนทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่พูดต่อ “คุณนั่งลงก่อน”
เธอนึกถึงที่ที่พ่อบ้านบอกเธอในวันนี้ แล้วพูดเสียงเบา “จี้จิ่งเชิน คุณเชื่อฉันไหม”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วแน่น เหมือนเงื่อนที่แกะไม่ออก
เขาพูดเสียงต่ำ “ผมรู้ ผมอยากจะเชื่อคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เอามือกุมหลังมือของเขา
“งั้นพวกเราลองกันสักครั้ง ดีไหม”
จี้จิ่งเชินไม่พูดอะไร แต่สายตามองต่ำไปที่มือของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้าปกหนังสือที่เวินเที๋ยนเที๋ยนถืออยู่เมื่อกี้ บนปกมีหลายคำเขียนไว้
วิธีรักษาโรคย้ำคิดย้ำทำด้วยตนเอง
เขาสั่นไปทั้งตัว น้ำเสียงพลันเปลี่ยนเย็นชาทันที
“ใครบอกคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปตามสายตาของเขาแวบหนึ่ง ก็รู้ว่าถูกเขาจับได้แล้ว จึงใช้โอกาสนี้พูด “จี้จิ่งเชิน พวกเรารักษาอาการป่วยของคุณให้ดีขึ้น ดีไหม”
จี้จิ่งเชินสลัดมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนออก แล้วลุกขึ้นยืนทันที มองเขาจากบนลงล่าง
“คุณอยากจะไปใช่ไหม คุณกลัวเหรอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ฉันไม่กลัว เพราะคุณไม่มีทางทำร้ายฉัน”
จี้จิ่งเชินอึ้งเล็กน้อย มองเวินเที๋ยนเที๋ยนพักใหญ่ ในใจราวกับผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด
“ถึงผมตาย ผมก็ไม่มีทางทำร้ายคุณ”
“งั้นก็ให้ฉันเป็นเพื่อนคุณรักษาเถอะ จี้จิ่งเชิน ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้อยากขังฉันไว้ที่นี่ งั้นพวกเรารักษาอาการป่วยให้หาย ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาแล้ว”
จี้จิ่งเชินไม่พูดอะไรอยู่นาน
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดต่อ “ถ้ารักษาหายแล้ว พวกเราก็สามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำร้ายฉัน”
สายตาของจี้จิ่งเชินดุร้าย ราวกับมีอะไรหนักๆทับบนตัวเวินเที๋ยนเที๋ยน
ในใจของเขาขัดแย้ง สายตากลับจับจ้องที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็พูด น้ำเสียงเก็บกดมาก
“ถ้าเป็นคุณ ผมยอมรับการรักษา ถ้าคุณไม่จากผมไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโล่งอกมาทันที อย่างน้อยก้าวแรก ก็ไม่ยากเหมือนที่คิดไว้
แต่เธอรู้ ไม่ใช่อาการป่วยของจี้จิ่งเชินไม่รุนแรง แต่ในใจของจี้จิ่งเชิน เธอสำคัญจนแม้แต่ตัวเองก็คิดไม่ถึง
เธอพูดอย่างแน่วแน่ “ฉันจะไม่ไปจากจี้จิ่งเชินชั่วกาล ฉันสาบาน”
จี้จิ่งเชินเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งข้างเตียง ก้มหน้า แล้วจูบที่หน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างระวัง
“จำคำที่คุณพูดไว้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วลองถาม “งั้นตอนนี้คุณ ปลดกุญแจมือที่มือของฉันได้ไหม”
เห็นจี้จิ่งเชินจะรีบปฏิเสธ เธอก็รีบพูด “กุญแจมือเสียดสีจนฉันรู้สึกเจ็บนิดหน่อย อีกอย่างไปเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้น แต่ติดชะงัก
“แบบนี้ฉันจะกอดคุณก็ไม่ได้”
จี้จิ่งเชินฟังจบ ลังเลอยู่สักพัก ถึงหยิบกุญแจออกมา ปลดล็อกกุญแจที่มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างระวัง
พอมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกปล่อย ก็อ้าสองแขนออกทันที กอดผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าโรคย้ำคิดย้ำมีผลกระทบต่อคน
แต่หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้ที่พ่อบ้านหามาให้เธอจบ เธอก็เข้าใจในที่สุด
จี้จิ่งเชินดูเหมือนจะกระทำเล็กน้อย ในใจกลับไม่รู้ว่าผ่านความยุ่งเหยิงมามากแค่ไหน นี่เป็นสิ่งที่ตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเองคิดไม่ถึง
เพียงแค่นึกถึงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เป็นทุกข์แทนเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดเศร้าไม่ได้
เธอกอดจี้จิ่งเชินเบาๆ แล้วถามเสียงเบา “ตอนเย็นกินข้าวหรือยัง พวกเราลงไปกินข้าวกันเถอะ”
จี้จิ่งเชินจับมือของเธอไว้ แล้วหมุนตัวเดินลงไปด้านล่าง
ความคิดในใจของเขากลับไม่ได้หายไป แม้ไม่มีกุญแจมือ ก็ใช้มือของตัวเองล็อกเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น
พ่อบ้านและแม่ครัวที่อยู่ด้านล่างรอด้วยความกลัว
พอเห็นจี้จิ่งเชินจูงเวินเที๋ยนเที๋ยนลงมา ก็พากันตะลึง
สังเกตอารมณ์ของพวกเขาอย่างละเอียด ในที่สุดก็รู้ว่าจี้จิ่งเชินถูกกล่อมทำเสร็จ ก็โล่งอกในทันที แล้วแสดงรอยยิ้มด้วยความวางใจ
กินข้าวเสร็จ เห็นจี้จิ่งเชินจะเดินขึ้นชั้นบน ก็เดินตามไป
จี้จิ่งเชินเดินได้สองก้าว ก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ หันหน้ามา
“พรุ่งนี้เรียกหมอจางมา ฉันอยากจะรับการรักษา”
เมื่อกี้พ่อบ้านก็รอฟังข่าว พอได้ยินประโยคนี้ ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจ แล้วรีบพยักหน้า
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา ผมจะไปแจ้งเขาตอนนี้”
วันที่สอง ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เจอกับหมอจางที่รักษาจี้จิ่งเชินมาตลอดห้าปี
จี้จิ่งเชินถูกเรียกออกมาชั่วคราว ในห้องเหลือแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนและหมอจางสองคน
หมอจาง ได้รู้บางอย่างจากพ่อบ้านแล้ว
“คุณเวิน ขอบคุณคุณเป็นอย่างมากที่ช่วยเหลือคุณจี้รักษา ได้ความช่วยเหลือจากคุณ ต้องทำให้อาการของเขาดีขึ้นอย่างมากแน่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดตรงๆ “คุณช่วยพูดเรื่องของจี้จิ่งเชินให้ฉันฟังอย่างละเอียดสักรอบ”
แม้ว่าเมื่อวานจะฟังอาการจากพ่อบ้านแล้วนิดหน่อย แล้วยังค้นหาข้อมูลอย่างเร่งด่วนเล็กน้อย แต่ยังไม่สมบูรณ์
เวินเที๋ยนเที๋ยนร้อนใจอยากรู้ สถานการณ์ของจี้จิ่งเชินในตอนนี้
หมอจางพยักหน้าแล้วพูด “ครั้งแรกที่ผมทำการรักษาให้คุณจี้ ก็เป็นเมื่อห้าปีก่อน อาการของเขาตอนนั้นไม่ได้แย่เหมือนตอนนี้”
“เผชิญเรื่องเลวร้ายในอดีตทำให้เขาตกอยู่ในความตึงเครียดและวิตกกังวลเป็นเวลานาน แต่เพราะในใจมีเรื่องที่ปล่อยวางไม่ได้ ความคิดนี้และอาการป่วยในใจของเขาทำให้เกิดสองด้านที่ตรงกันข้ามกันจนเกิดความสมดุลที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง”
“แต่หลังจากนี้ ก็คือเมื่อห้าปีก่อน อาการป่วยขอเขาเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน บางทีนี้อาจจะเกี่ยวกับแผนการในใจของเขาสำเสร็จแล้ว ความสมดุลถูกทำลายอย่างกะทันหัน อาการป่วยก็แสดงออกมา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยขมวดคิ้ว
ห้าปีก่อน ก็คือตอนที่จี้จิ่งเชินทำลายตระกูลจี้ให้ย่อยยับ แล้วส่งท่านปู่ของตระกูลจี้เข้าโรงพยาบาลโรคจิตเหรอ
ที่จริงเขาทำเพื่อแก้แค้นให้แม่ของเขามาตลอด
หมอจางพูดต่อ “ในเวลานั้นเขาได้แสดงความวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับชีวิตของเขาแล้ว แต่ดีที่ไม่เกิดผลกระทบและทำร้ายคนอื่นอย่างชัดเจน ต่อมาระหว่างการรักษา ก็ค่อยๆดีขึ้น”
“กระทั่งถึงครึ่งเดือนก่อน เขามาพบผมอีกครั้ง ขอร้องรักษา ผมถึงพบว่า อาการป่วยของเขาเปลี่ยนรุนแรงขึ้นมาก”