เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 206 ไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า
บทที่206 ไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า
“กลับบ้าน! ”
หวู่สือเหอะขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
เจียงหยู่เทียนยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“กลับบ้านอะไรกัน? ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ! ไปอีกร้านหนึ่ง!”
หวู่สือเพิ่งเจอเรื่องเมื่อสักครู่มาไม่มีอารมณ์จะทานข้าว ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นอยากจะกลับบ้าน
เจียงหยู่เทียนเห็นเขาแบบนี้แล้วในใจก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา ครั้งก่อนที่จับมือเขาเขาก็สะบัดออก
“ก็ฉันบอกจะไปทานข้าวไง คุณจะกลับบ้านทำไม? สองคนนั้นทำให้คุณกลัวจนไม่กล้าทานข้าวเลยเหรอ? ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณเป็นคนคุมหางเสือของตระกูลหวู่ได้ยังไง!”
หวู่สือได้ยินคำนี้ก็ไม่พอใจ และตบพวงมาลัยรถทันที
“คุณจะพูดอะไรอีกล่ะ? คุณเป็นของบุบสลายที่จี้จิ่งเชินเคยใช้มาก่อน และตอนนี้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าคุณกับจี้จิ่งเชินเคยดีกันมาก่อนเหรอ แล้วคุณคิดว่าผมยังจะต้องการคุณไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เจียงหยู่เทียนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที เธอตีเอามือตีหวู่สือ
ทั้งสองตีกันอย่างต่อเนื่อง แต่มือข้างหนึ่งของหวู่สือที่ยังจับพวงมาลัยอยู่แกว่งไปแกว่งมา และรถที่กำลังขับแล่นอยู่บนถนนนั้นก็แกว่งไปมาเช่นกัน
หวู่สือตะโกนเสียงดังว่า: “หยุดนะ! หยุดนะ! ผมบอกให้คุณหยุด!”
แต่เจียงหยู่เทียนไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลย เธอยังคงดึงเสื้อ และตบหน้าเขาอย่างแรง
พวงมาลัยก็หมุนเป็นครึ่งวงกลมกะทันหัน และหน้าผากก็ปะทะกับกระจกอย่างรุนแรง เจียงหยู่เทียนกรีดร้องขึ้นทันใด
ผ่านไปไม่กี่วินาทีเจียงหยู่เทียนที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือก็ได้สติขึ้น
เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด และขมวดคิ้วขึ้น เธอมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าหวู่สือสลบอยู่ติดกับพวงมาลัยรถ
เธอรีบเอาตัวเองลงมาจากรถ
และในขณะเดียวกันหวู่สือก็ได้สติขึ้นมาทันที
ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทับร่าง และพยายามเอาตัวออกมาเท่าไหร่ก็เอาไม่ออก
เขาเห็นเจียงหยู่เทียนที่อยู่ด้านนอกก็รีบขอความช่วยเหลือจากเธอทันที
“ช่วยผมด้วย……”
เจียงหยู่เทียนกำลังจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นเขาเห็นถังน้ำมันรถรั่วออกมา
เท้าของเธอชะงักหยุดอยู่กับที่ จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งเธอเดินถอยหลัง และค่อย ๆ เดินจากไป
หวู่สือมองการเคลื่อนไหวของเธอช้า ๆ และไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเอง: “คุณจะทำอะไร? คุณมาช่วยผมออกไปก่อน!”
สีหน้าของเจียงหยู่เทียนไม่แสดงถึงสีหน้าและความรู้สึกใด ๆ เธอมองหน้าเขาและเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
ถังน้ำมันรถยิ่งรั่วมากขึ้นเรื่อย ๆ จนบนพื้นถนนหนาขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
ไม่นานเสียงระเบิดตูมก็ดังขึ้น!
รถสปอร์ตที่อยู่ตรงหน้าก็ระเบิดขึ้น และใบหน้าของหวู่สือก็หายไปกับไฟระเบิดนั้น
เจียงหยู่เทียนยืนมองอยู่ ผ่านไปไม่กี่วินาทีเธอก็ตะโกนร้องเสียงดังเพื่อให้คนช่วย: “ช่วยด้วย! รถเกิดอุบัติเหตุ! ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
เธอตะโกนร้องเสียงดังอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีคนเข้ามาช่วย และรีบแจ้งตำรวจ
ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงจุดเกิดเหตุ
ร่างกายของเจียงหยู่เทียนเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือด และเธอร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรเหมือนกันค่ะ ฉันพยายามเรียกให้เขาออกมา และกำลังจะไปช่วยเขา แต่เขากลับให้ฉันรีบหนีไป ฉันไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเขียนบันทึกการให้ปากคำของเธอลงไป จากนั้นก็เอามือแตะที่ไหล่เธอเบา ๆ : “เขาได้ไปสู่สุคติแล้ว”
เจียงหยู่เทียนพยักหน้า พร้อมทั้งเอามือปาดน้ำตา
ในขณะที่เธอหันหลังนั้น ใบหน้าของเธอเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
วันต่อมาข่าวการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของ หวู่สือก็เป็นที่ฮือฮากันมาก
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินข่าวก็อึ้งไปในชั่วครู่
เป็นเพราะว่าเมื่อคืนนี้เธอเพิ่งจะได้เจอกับหวู่สือและเจียงหยู่เทียนอยู่เลย เพียงเวลาแค่คืนเดียวเขาจะตายไปได้ยังไง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ: “แล้วงานแต่งงานของหวู่สือกับเจียงหยู่เทียนจะทำยังไงล่ะ?”
พ่อบ้านส่ายหน้า: “ตอนที่หวู่สือมีชีวิตอยู่เขาไม่มีลูก ส่วนพี่น้องก็ไม่ได้เรื่อง ไม่อย่างนั้นแล้วเขาไม่ได้เป็นคนคุมหางเสือของตระกูลหวู่หรอก”
“หลังจากที่หวู่สือเสียชีวิตได้สองวัน เจียงหยู่เทียนก็ลงมือจัดการเรื่องอสังหาริมทรัพย์ทุกอย่างของตระกูลหวู่มาเป็นของตน เพียงเวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว เธอก็กลายเป็นหัวหน้าของตระกูลหวู่ไปแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ตกจนตาโตขึ้นมาทันที
ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้
แต่หากว่าเป็นเช่นนี้แล้วมันจะไม่ยุ่งยากขึ้นเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นด้วยความแปลกใจว่า: “แล้วคนในตระกูลหวู่ไม่คัดค้านเหรอ?”
พ่อบ้านตอบว่า: “พวกเขาจะกล้าคัดค้านได้ยังไง ด้วยนิสัยของเจียงหยู่เทียนนั้นแล้ว คุณหนูไม่ใช่ว่าจะไม่รู้!”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนฟังจบก็เข้าใจทุกอย่าง
เธอไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง และถามว่า: “แล้วเจี่ยงเนี่ยนเหยาล่ะ?”
พ่อบ้านขยับเข้าใกล้เธอเล็กน้อย
“ผมได้ยินคนเขาพูดกันว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้เจี่ยงเนี่ยนเหยาเข้าออกตระกูลหวู่เป็นว่าเล่น หรือบางทีทั้งสองอาจจะเป็นเจ้าของตระกูลหวู่แล้วก็ได้”
พูดจบเขาก็ถอนหายใจลง
“เป็นเวรกรรมแท้ ๆ! ”
และในขณะเดียวกันนั้นก็เห็นจี้จิ่งเชินเดินลงมาจากชั้นสอง
เขาเดินลงมาพร้อมทั้งติดกระดุมแขนเสื้อไปด้วย และเดินมาอยู่ตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ผมอยากจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย
“ไปไหน? ”
“คุณอยากเจอคุณปู่คุณย่าผมไหม? ถึงแม้ว่าผมจะไม่อยากเรียกพวกเขาว่าปู่ย่าก็ตาม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้างเล็กน้อย
“ฉันไปเจอได้เหรอ? ”
จี้จิ่งเชินตอบว่า: “ได้สิ”
พ่อบ้านมองทั้งสองด้วยความกังวลใจ
ในเมื่อคุณผู้ชายตัดสินใจแล้วว่าต่อไปจะบอกเรื่องทุกอย่างกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นผู้หญิงที่อยู่ในใจเขาจริง ๆ
แต่หากจะไปพบคุณท่านทั้งสองที่โรงพยาบาลบ้าแล้วล่ะก็……
ทำไมเขาถึงรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย
ตอนที่คุณท่านได้ถูกส่งตัวเจ้าไปในตอนนั้นคุณท่านยังปกติดีอยู่ แค่ตอนนี้นั้นคุณท่านเสียสติไปแล้ว ได้ยินมาว่ากัดคนจนทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ
แต่ตอนนี้มีคุณผู้ชายคอยดูแล คุณหนูคงไม่เป็นอะไรหรอก
ก็เกรงว่าเธอจะตกใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่รู้ถึงความเป็นห่วงของพ่อบ้าน
เธอตามจี้จิ่งเชินขึ้นรถออกไป
และเพียงเวลาไม่นานทั้งสองก็ไปถึงโรงพยาบาลบ้า
หลังจากที่สแกนบัตรเข้าไปด้านในแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนพบว่าที่นี่มีการป้องกันอย่างเข้มงวดมาก
มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ที่ท่านเปิงบอกว่าจี้คางจะมาที่นี่ก็ต้องได้รับการอนุญาตจากจี้จิ่งเชินก่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองก็ได้เห็นใบหน้าของคนบ้า
ตั้งแต่ขับเข้ามาในโรงพยาบาลบ้าแห่งนี้ใบหน้าของจี้จิ่งเชินก็ยิ้มอย่างแปลกประหลาด
แต่รอยยิ้มนั่นไม่ได้แสดงออกทางสายตาเขาเลย
สายตาคู่นั้นของเขานั้นเคร่งขรึม แท้ที่จริงแล้วที่นี่ซ่อนอะไรไว้กันแน่
จริง ๆ แล้วที่นี่มีอะไรกันแน่? ถึงทำให้เขาได้เผยถึงอารมณ์และความรู้สึกแบบนี้ได้
จี้จิ่งเชินขับรถไปจอดที่ลานจอดรถ
เขาพูดขึ้นมาว่า: “ที่นี่เป็นคุกที่ผมสร้างมาเพื่อพวกเขา”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขาแบบนี้แล้วก็ตกใจขึ้น
และในนาทีต่อมาจี้จิ่งเชินก็ลากตัวเธอลงจากรถ และเดินเข้าไปด้านใน
ภายในโรงพยาบาลบ้าที่กว้างโล่งดูเหมือนว่าจะไม่มีคน แต่บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดดังออกมาจากด้านใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเธอจะเพิ่งเข้ามาไม่กี่นาที แต่เธอก็รู้สึกทนไม่ได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น คุณปู่คุณย่าของจี้จิ่งเชินที่ถูกขังไว้ที่นี่นานหลายปีล่ะ?