เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 205 คู่แค้น
บทที่205 คู่แค้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเลี้ยงข้าวจี้จิ่งเชิน แน่นอนว่าเขาต้องไปอยู่แล้ว แถมยังไปตอนนี้เลย
เมื่อทั้งสองมาถึงร้านอาหารก็เดินเข้าไปในร้าน เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเขาไปชั้นบนสุดของร้าน
จี้จิ่งเชินเห็นท่าทางเธอเหมือนมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างก็ขมวดคิ้วขึ้นถามว่า: “ดูเหมือนว่าคุณจะเตรียมพร้อมไว้แล้วนะ”
จริง ๆ แล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย ก่อนมาเธอก็แค่ใช้สิทธิ์ของตระกูลหล่อนก็แค่นั้นเอง ไม่อย่างนั้นแล้วร้านอาหารแบบนี้คงต้องจองก่อนล่วงหน้าถึงจะจองได้
เธอไม่ตอบ พาเข้าไปด้านในกับจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินทานสเต็กเนื้อพร้อมทั้งเงยหน้ามองเวินเที๋ยนเที๋ยน และรู้สึกว่าท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนผิดปกติ จากนั้นเขาจึงถามขึ้นว่า: “คุณไปรู้เรื่องอะไรมาเหรอ? มีอะไรก็พูดกับผมตรง ๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้เปล่งเสียงอะไรออกไป จี้จิ่งเชินก็พูดขึ้นมาว่า: “คุณรู้เรื่องของตระกูลจี้มาใช่ไหม?”
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเดาถูกเร็วขนาดนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอพยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า: “ใช่”
จี้จิ่งเชินถามว่า: “แล้วคุณรู้อะไรมาล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกัดริมฝีปาก และพูดว่า “วันนี้ตอนที่ฉันไปเรียนกับท่านเปิง เขาเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว” เมื่อพูดจบเธอเงยหน้ามองจี้จิ่งเชิน สีหน้าของเขาไม่ดีนัก เธอใจสั่นขึ้นทันที และในเวลาเดียวกันจี้จิ่งเชินก็พูดขึ้นมาว่า: “ดังนั้นคุณจะไปจากผมใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้าง: “ทำไมฉันต้องไปจากคุณล่ะ?”
จี้จิ่งเชินพูดด้วยเสียงต่ำว่า: “ผมปกปิดเรื่องนี้กับคุณมาโดยตลอดก็เพราะว่าไม่อยากให้คุณรู้ ไม่อยากให้คุณเห็น ผมเคยบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าผมไม่ใช่คนดีอะไร ยิ่งไปกว่านั้นผมก็คือคนเลว ๆ คนหนึ่งนั่นเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหน้าเขา เธอเห็นถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของเขา เธอยื่นมือไปจับมือเขาไว้ และพูดว่า: “ฉันไม่เคยมีความคิดพวกนี้อยู่เลย”
จี้จิ่งเชินมองหน้าเธอ สายตาของเขาเปล่งประกาย: “จริงเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า: “ฉันขอโทษ ที่ผ่านมานี้ฉันปล่อยให้คุณโดดเดี่ยว เผชิญกับความเจ็บปวดอยู่คนเดียว ฉันขอโทษที่ฉันเข้าใจคุณผิด”
จี้จิ่งเชินมองหน้าเธอ สายตาไม่เผยถึงรอยยิ้มแต่อย่างใด กลับเป็นเย็นชา “คุณเห็นใจฉันเหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า: “ฉันไม่เคยคิดมาก่อน”
จี้จิ่งเชินมองตาเธอ และสายตาสงสัยของตัวเองผ่านทางสายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“จี้จิ่งเชิน ฉัน……” จริง ๆ แล้วเธอยากพูดประโยคหลังออกมา แต่ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้? ฉันจองโต๊ะไว้ก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงก็รู้สึกคุ้นหูขึ้นทันที เธอหันไปมองก็เห็นสองคนกำลังเดินมาด้วยความโวยวาย ขนาดพนักงานก็ขวางเธอไว้ไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงหยู่เทียนกับหวู่สือจะเดินมาตรงหน้าเธอ
เจียงหยู่เทียนกับหวู่สือเดินเข้ามาด้านใน ทั้งสองคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในสองคนนี้จะเป็นจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ทั้งสองนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเจียงหยู่เทียนก็หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา: “ฉันก็คิดว่าใคร คนที่สามารถเหมาที่นี่ได้ที่แท้ก็เป็นลูกสาวบุญธรรมของคุณนายหล่อนนี่เอง ร่ำรวยจริง ๆ !”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้เธอก็ไม่ได้พูดตอบโต้อะไร
พนักงานรีบวิ่งตามมาดู: “คุณหนูเจียง ตรงนี้ถูกจองไว้เป็นไพรเวทแล้ว เชิญคุณออกไปเถอะค่ะ” เจียงหยู่เทียนมองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนพร้อมทั้งยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา จากนั้นก็โดนพนักงานเอาตัวออกไป ใบหน้าโกรธแค้นของเจียงหยู่เทียนมองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่ประตู ด้วยสายตาที่แดงก่ำ
พนักงานไม่ได้อยู่ในสายตาของเจียงหยู่เทียนเลย เธอพูดด้วยความหยิ่งยโสว่า: “ฉันเป็นคนจองก่อน มีสิทธิ์อะไรมาแย่งหน้าด้าน ๆ แบบนี้?”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้เข้าก็หันไปมองพนักงานทั้งสองด้วยความแปลกใจ พนักงานทั้งสองกลัวจนตัวสั่น
ก่อนหน้านี้ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนโทรศัพท์มาถามว่าคืนนี้มีโต๊ะว่างไหม พนักงานได้ยินเสียงเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตอบทันทีว่าว่าง
ดังนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงจองโต๊ะชั้นบนสุดนี้ได้อย่างราบรื่น
พนักงานแต่ละคนก็บอกต่อกัน แจ้งให้ลูกค้าท่านอื่นเลื่อนเวลาถัดไปอีกหนึ่งวัน
เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ แถมทางร้านอาหารก็ลดราคาให้ลูกค้าเยอะมาก โอกาสแบบนี้หาได้ยากมาก เพราะเหตุผลนี้ลูกค้าท่านอื่น ๆ จึงยินยอมรับข้อเสนอ
ลูกค้าส่วนใหญ่ยินยอมรับข้อเสนอของทางร้าน มีเพียงแต่เจียงหยู่เทียนกับหวู่สือเท่านั้นที่มาในคืนนี้
ทั้งสองขับรถออกมาก่อนที่พนักงานจะแจ้งว่าร้านโดนเหมาไปแล้ว
ในเวลานี้เจียงหยู่เทียนกับหวู่สือได้รับความกดดันจากตระกูลหล่อนและจี้จิ่งเชินจนทำให้เธอโกรธ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
คิดไม่ถึงว่าโลกจะกลมเช่นนี้ คนที่แย่งเธอจะเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินสองคนนี้!
เมื่อเห็นสายตาที่สงสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยน พนักงานก็รีบหันมาพูดว่า: “ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดของทางร้านเรา ผมจะเชิญพวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ครับ”
เจียงหยู่เทียนได้ยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที: “มีสิทธิ์อะไรให้พวกเราออกไป?” เธอหันไปมองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนพร้อมทั้งพูดว่า: “พวกมันต่างหากที่ต้องออกไปจากที่นี่!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นพร้อมทั้งพูดว่า: “ขอโทษด้วยนะ ตรงนี้ฉันจองแล้ว หากพวกคุณจะทานข้าวเชิญห้องอื่นได้”
เธอแกว่งมือเพื่อบอกให้พนักงานไปเปิดห้องอาหารให้พวกเขา
พนักงานรีบพยักหน้าแต่เจียงหยู่เทียนยังคงไม่ยอม
ขนาดหวู่สือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ลากตัวเธอ: “ไปเถอะ”
เจียงหยู่เทียนยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
จี้จิ่งเชินยืนขึ้นและพูดว่า: “พวกคุณยังไม่ยอมออกไปใช่ไหม?”
หวู่สือเห็นท่าทางเขาก็ตกใจกลัวขึ้น เธอดึงเจียงหยู่เทียนแล้วพูดว่า: “พวกเราไปกันเถอะ!”
เจียงหยู่เทียนยังคงไม่พอใจ แต่ก็สู้แรงของพละกำลังของเขาไม่ได้ถูกพนักงานลากตัวไป
พนักงานพยักหน้าให้ทั้งสองเพื่อแสดงความขอโทษ เชิญทานต่อ
ทั้งสองนั่งลง จี้จิ่งเชินมองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนพร้อมทั้งพูดว่า: “เมื่อสักครู่นี้คุณจะพูดอะไรกับผมเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหน้าเขา แต่เธอก็เปลี่ยนคำพูดทันใด: “สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณก็คือ ฉันสนับสนุนคุณเต็มที่ และจะอยู่ข้าง ๆ คุณ!”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าเล็กน้อย สายตาเผยถึงรอยยิ้ม และพูดว่า: “ขอบคุณนะ!”
อีกทางด้านหนึ่ง เจียงหยู่เทียนถูหวู่สือลากตัวออกจากร้านอาหารไป เธอโกรธมาก
เมื่อถูกลากออกจากร้าน เธอก็ผลักหวู่สือออก และดุด่าต่อว่า: “นี่เธอเป็นอะไรของเธอ? สองคนนั้นทำให้เธอกลัวขนาดนี้เลยเหรอ ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ไม่มีที่กินข้าวแล้ว?”
หวู่สือนึกถึงสองวันที่ผ่านมาที่โดนจี้จิ่งเชินและตระกูลหล่อนกดดัน จากนั้นสีหน้าก็ยิ่งแย่ ขมวดคิ้ว: “ว่ายังไงนะ? ตกลงแล้วมันไม่ได้เป็นเพราะเธอหรอกเหรอ? หากไม่ใช่เธอที่เป็นคนทำให้บริษัทโดนกดดันอย่างนี้ก็คงไม่ตกต่ำอย่างนี้หรอก”
พูดจบเขาก็เดินไปที่ลานจอดรถ ทิ้งเจียงหยู่เทียนไว้ข้างหลัง
เจียงหยู่เทียนกระทืบเท้าเดินตามไปขึ้นรถ
เจียงหยู่เทียนพูดความไม่พอใจว่า: “คุณจะพาฉันไปทานข้าวที่ไหน?”
หวู่สือยิ่งไม่พอใจมากขึ้น เขาตอบว่า: “กลับบ้าน!”