เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 207 สถานการณ์ของสามตระกูลดัง
บทที่207 สถานการณ์ของสามตระกูลดัง
แต่จี้จิ่งเชินที่เดินเข้าไปนั้นกลับยังคงดูอิ่มอกอิ่มใจ
จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนยังเห็นริมฝีปากของเขายังยิ้มอ่อน ๆ และดูอิ่มอกอิ่มใจเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นภายในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เธอมองไปรอบ ๆ และรอบ ๆมืดทึบดูน่ากลัวเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินพาเธอเดินเข้าไปด้านใน เธอยังมองเห็นไม่ชัดว่าด้านในมีใครบ้างเธอก็ตกใจกับเสียงหัวเราะที่แหลมคมที่ดังขึ้น
เห็นเพียงแค่บริเวณด้านนอกที่มีคนไข้ถูกแบ่งออกไป
และนอกจากนั้นยังมีพยาบาลอีกสองคน
คนแก่คนหนึ่งกำลังกัดหูเจ้าหน้าที่จนเลือดสีแดงสดไหลออกมา
ดูเหมือนว่าจะกัดหูของเจ้าหน้าที่คนนั้นให้ขาดให้ได้!
และข้าง ๆ ยังมีคนแก่อีกคนหนึ่งที่กำลังดึงเสื้อ และตีอย่างต่อเนื่อง
แต่ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ช่วยยับยั้งสถานการณ์นี้เอาไว้ได้
“ทำไมถึงหลง ๆ ลืม ๆ ขนาดนี้นะ เอายามาให้ทุกครั้งก็โดนกัดทุกครั้ง สักวันหนึ่งหูฉันต้องโดนกัดขาดเป็นแน่! ”
เจ้าหน้าที่บ่นจบหันหลังจะเดินออกมาก็เห็นจี้จิ่งเชินยืนอยู่ด้านหลังพอดี และสีหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงทันใด
เขายืดตัวตรงพร้อมทั้งก้มหน้าลงเล็กน้อย
“คุณจี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ทำไมไม่แจ้งพวกเราก่อนละครับพวกเราจะได้เตรียมพร้อมไว้”
จี้จิ่งเชินแกว่งมือพร้อมทั้งเดินเข้าไปถามว่า: “สุขภาพของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองรีบพยักหน้าตอบว่า: “สุขภาพของทั้งสองท่านดีมากครับ อยู่ได้นานถึงอายุเก้าสิบปีเลยทีเดียว”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ช่วยดูแลสุขภาพของทั้งสองท่านให้ดี อย่าให้พวกเขาตายเร็วล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้ก็มองเขาด้วยความตกใจทันที
เมื่อจี้จิ่งเชินเห็นปฏิกิริยาของเธอนั้นเขาก็จับมือเธอขึ้นมาจูบเบา ๆ
“เป็นอะไรไป? กลัวเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า และมองไปยังคุณปู่คุณย่าของเขา
“สองท่านนี้เป็นคุณปู่คุณย่าคุณเหรอ? ”
จี้จิ่งเชินยิ้มเยาะเย้ย
“ถ้าตามสายเลือดแล้วก็เป็นอย่างนั้น”
หญิงชายชราคู่นี้มีผมหงอกทั้งหัว ถึงแม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูสะอาดสะอ้าน แต่ใบหน้าของทั้งสองดูโง่เขลา สายตาเหม่อลอย
แค่มีคนเข้าใกล้พวกเขาก็เข้าไปกัดอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนเป็นคนบ้าโดยปริยายไปแล้ว
หากคนที่ไม่รู้ความจริง และมาเห็นทั้งสองแบบนี้ก็คงจะเห็นใจพวกเขา
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินจากปากจี้จิ่งเชินเองว่าพวกเขาทั้งสองเคยทำอะไรไว้กับจี้จิ่งเชิน ดังนั้นความรู้สึกที่ดีจึงเกิดขึ้นไม่ได้เลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูทั้งสองพร้อมทั้งถามว่า: “จี้คางมาเยี่ยมพวกเขาบ้างไหม?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“ตอนที่ทั้งสองบ้ามาก ๆ ผมเคยเชิญเขามาดู หลังจากนั้นไม่รู้ทำไมสติปัญญาของพวกเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมก็เอาพวกเขาไปขังไว้ ตัดจากโลกภายนอก”
“หรือว่าเรื่องนี้อาจจะหลุดออกไปทำให้จี้คางรู้ ดังนั้นเขาจึงมาหาผม เพื่อขอร้องให้ผมปล่อยตัวพวกเขาออกไป”
ขณะที่พูดนั้นจี้จิ่งเชินก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ
จี้จิ่งเชินจ้องมองเจ้าหน้าที่สองสามคนที่กำลังยุ่งอยู่นั้นด้วยสายตาที่แหลมคม
เจ้าหน้าที่ต้องปากโป้งไปบอกแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสายตาของเขาแล้วก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย แม้กระทั่งในใจเธอก็มีความรู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด
ไม่ใช่กลัวว่าจี้จิ่งเชินจะทำร้ายเธอ แต่กลัวว่าจี้จิ่งเชินจะทำอะไรไปโดยไร้สติ
เธอรีบยื่นมือไปจับมือจี้จิ่งเชินไว้
จี้จิ่งเชินขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้นก็กระจายหายไป และสายตาก็เปลี่ยนไป สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เขาก้มหน้ามองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้า และถามเบา ๆ ว่า: “คุณเป็นอะไรไปล่ะ? หรือคุณคิดว่าที่นี่ไม่มีอะไรสนุก ๆ เหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขากลับเป็นปกติจากนั้นก็ส่ายหน้า
ทั้งสองยังจำใครได้ไหม?
“ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่ต่อให้รู้จักหรือไม่รู้จักมันก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก เพราะถึงยังไงพวกเขาก็อยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว จะออกไปไหนก็ไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปาก และจับมือจี้จิ่งเชินแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่งเธอหันมาพูดว่า: “ฉันรู้สึกเหนื่อย เรากลับกันดีไหม?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าทันที
“ได้สิ กลับไปผมจะทำกับข้าวให้คุณกิน”
“ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม
“แต่วันนี้ให้ฉันทำดีกว่า”
จี้จิ่งเชินยื่นมือไปโอบเอวเธอ และจูบที่ริมฝีปากเธอเบา ๆ
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมให้คุณแสดงฝีมือเต็มที่”
จากนั้นจี้จิ่งเชินจับมือเธอเดินออกไป
เดินไปได้แค่สองเก้าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดไม่ได้หันกลับไปมอง
คุณปู่ของจี้จิ่งเชินกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ใช้ไม้ตะบองแทงดินทำเป็นถ้ำเล็ก ๆ ดูไปแล้วเหมือนคนที่เสียสติไปแล้วจริง ๆ
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกจากโรงพยาบาลบ้านี้ ปู่ของเขาที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นนี้มองไปทางที่เวินเที๋ยนเที๋ยน และจี้จิ่งเชินออกไป
มุมปากของเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป อีกทั้งยังทำท่าทางเสียสติขึ้นมาอีกครั้ง
อีกทางด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยน และจี้จิ่งเชินเดินทางออกจากโรงพยาบาลบ้ากลับมาถึงคฤหาสน์
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองหน้าจี้จิ่งเชิน สายตา และท่าทางของเขาก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว จากนั้นเธอถึงวางใจลง
เธอลากจี้จิ่งเชินไปยังห้องครัวพร้อมทั้งพูดว่า: “วันนี้ฉันก็ทำอาหารให้คุณทาน แต่คุณก็ต้องเป็นลูกมือให้ฉันด้วยนะ”
จี้จิ่งเชินตอบตกลง และเดินเข้าไปในห้องครัวกับเธอ
เมื่อพ่อบ้านเห็นท่าทางของจี้จิ่งเชินก็ถอนหายใจด้วยความคลายกังวล
เพราะว่าก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่คุณผู้ชายกลับมาจากโรงพยาบาลบ้า ท่าทางของคุณผู้ชายก็ไม่ปกติทุกครั้ง
ผ่านไปหลายวันกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้คุณผู้ชายจะกลับมาด้วยสีหน้า และอารมณ์ที่เป็นปกติเช่นนี้
ดูเหมือนว่าคุณหนูเวินจะเป็นยาที่ดีให้กับคุณผู้ชาย
เขายืนมองดูทั้งสองที่ช่วยกันทำอาหารอยู่ในห้องครัว เห็นทั้งสองวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร จากนั้นเขาจึงเดินออกไปด้านนอก
พร้อมทั้งสั่งคนในบ้านทุกคนว่าห้ามเข้าไปรบกวนช่วงเวลาดี ๆ ของคุณผู้ชาย และคุณหนูเด็ดขาด
แต่เมื่อช่วงเวลาที่ดีของทั้งสองนั้นผ่านไป หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเรื่องสะเทือนเมืองหลวงขึ้น!
และมีข่าวที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก!
ตระกูลเวินหนึ่งในสามของตระกูลชื่อดังในตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
เวินหงหยู้เดิมทีที่ถูกระบุว่าเป็นทายาทของตระกูลเวินในวันนี้ได้ถูกปลดออกจากการเป็นทายาท และถูกไล่ออกจากตระกูลเวินอย่างกะทันหัน
ก่อนหน้านี้เมืองหลวงแห่งนี้มีสามตระกูลที่โด่งดังที่สุดนั่นก็คือตระกูลจี้ ตระกูลเวิน และตระกูลหล่อน
แต่ตอนนี้ตระกูลจี้กำลังพังทลาย ตระกูลเวินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ อีกทั้งตระกูลหล่อนก็มีสถานการณ์ที่แปลก ๆ
เมื่อทุกคนเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้วก็ต่างพากันเป็นกังวล ไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อดี กลัวว่าเหตุการณ์นี้จะกระทบต่กำไรของตนเอง
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสถานการณ์ของสามตระกูลดังในเมืองหลวงก็เปลี่ยนไป
จี้จิ่งเชินในนามของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ตระกูลหล่อน และตระกูลเวินทั้งสามตระกูลมีอำนาจ และอิทธิพลที่แตกต่างกันไป
ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่เหมือนกันนั้น แต่เอาจริง ๆ แล้วมันแตกต่างกันอย่างลิบลับ