เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 162 ถูกวางแผนใส่ร้าย
บทที่ 162 ถูกวางแผนใส่ร้าย
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกสายตาของเขาข่มจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลังจากนั้น จี้จิ่งเชินก็หันตัวกลับไป ชกต่อยกับหมินอันเกออีกครั้ง
ทั้งสองคนสู้กันจนห้ามไม่ได้ เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนตกใจอยู่ข้างๆ ไม่รู้ควรจะช่วยใครดี
ในเวลานั้นพอดี มีเสียงดังแชะ
เป็นเสียงเบาๆ ทันใดนั้นเสียงก็เข้าหูของเวินเที๋ยนเที๋ยนทันที
เธอหันหน้าไปดู นักข่าวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู กำลังยกกล้องถ่ายรูปในมือ ถ่ายภาพเหตุการณ์ในห้องนี้อยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันตอบโต้อะไร ต่อจากนั้นแค่วินาทีเดียว นอกประตูก็มีนักข่าวเป็นฝูงพวกหนึ่งกำลังแห่เข้ามา!
พวกเขาเห็นภาพที่เกิดขึ้นในห้องนั้นแล้ว ต่างรีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายกันอย่างบ้าบิ่น ส่องกล้องตรงไปทั้งสามคนที่อยู่ด้านใน
เสียงกล้องถ่ายดังแชะแชะในห้องไม่หยุด ไฟของแฟลชกล้องถ่ายรูปส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง หมินอันเกอและจี้จิ่งเชินที่กำลังชกต่อยตีกันอยู่ รู้สึกมีอะไรผิดปกติ จึงหยุดกะทันหัน
ทั้งสองหันหน้ามาพร้อมกัน เห็นพวกนักข่าวที่แห่กันเข้ามา ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป
และเวลานี้ตอนนี้ พวกนักข่าวได้ล้อมรอบตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนจนหมดแล้ว
“คุณเวิน ขออนุญาตถามหน่อยค่ะ ว่าคุณกับหมินอันเกอมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ไม่อาจบอกให้ใครรู้ได้ใช่ไหมคะ?”
“ขออนุญาตสอบถามหน่อยว่า ที่คุณปลอมตัวเป็นคุณหนูตระกูลเจี่ยงและแต่งงานกับจี้จิ่งเชิน เป็นเพราะมีผลประโยชน์อะไรบางอย่างใช่หรือไม่คะ? จี้จิ่งเชินรู้เรื่องนี้แล้วมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“คุณเวินคะ ถึงแม้ว่าเราต่างก็รู้ว่าคุณไม่ใช่ลูกสาวบ้านตระกูลเจี่ยง และไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของจี้จิ่งเชิน แต่พฤติกรรมของคุณในตอนนี้ สามารถพูดได้ว่ามีชู้หรือไม่?”
“คุณเวิน ฉันอยากขอความกรุณาจากคุณ ตอบคำถามของฉันด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูนักข่าวทั้งหลายตรงหน้าที่ดูดุร้ายอย่างกับสุนัขจิ้งจอก จนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ไม่รู้ขาไปสะดุดโดนอะไร จนล้มตัวลงไป หกล้มซมซานกองอยู่บนพื้น
ในตอนนั้นบนตัวของเธอใส่แค่เสื้อเชิ้ตบางๆตัวเดียว หกล้มแล้ว ทุกคนต่างยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นมาบังหน้าตัวเอง
“หยุดถ่ายได้แล้ว! หยุดถ่ายได้แล้ว!”
แต่ว่านักข่าวบ้าพวกนั้นไม่ฟังเธอเลยสักนิด
แค่ดูก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ว่าในห้องเกิดอะไรขึ้น
ชายชู้กับสามีอยู่ในห้องเดียวกัน อีกทั้งยังชกต่อยกัน ดูจากสภาพการแต่งกายของหมินอันเกอและเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้น ก็พอเดาออกว่าเมื่อสักครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เรื่องนี้ต้องเป็นข่าวเด่นข่าวดังประจำปีนี้ จะให้พลาดได้ยังไง?
เวินเที๋ยนเที๋ยนงอตัวเป็นเกลียว นั่งอยู่ที่พื้น เอามือดันและบังกล้องถ่ายของคนพวกนั้น แต่ว่าบังอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว
ในเวลานี้ มีเงาแผ่นหนึ่งเหมือนตกลงมาจากฟ้ากะทันหัน ห่มใส่บนตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทั้งตัวของเธอถูกปิดไว้ หลบจากกล้องของพวกนักข่าวได้
มือของจี้จิ่งเชินยังจับมุมผ้าห่มข้างหนึ่งไว้ ห่มเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ข้างในแน่นๆ
เขามองดูด้านหลัง ไม่มีอะไรหลงเหลือทิ้งไว้ แล้วหันหน้ามา แววตาที่แหลมคมจ้องมองทุกๆคนหนึ่งรอบ
เหมือนมีดเล่มหนึ่ง ที่กำลังเฉือนเนื้อพวกเขา!
พวกนักข่าวบ้าทั้งหลายต่างเงียบลง
พวกเขามองดูจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีใครกล้าพูดจา ยิ่งไม่กล้ากดถ่ายรูปด้วย
หน้าตาของจี้จิ่งเชินในเวลานี้ดูซมซานมาก บนหน้ายังมีรอยเขียวฟกช้ำที่ต่อยตีกับหมินอันเกออยู่ มุมปากเขียวบวมไปทั่ว
แต่สายตาของเธอดุร้ายไม่มีที่เปรียบ!
ทำหน้าที่เยือกเย็น ใช้เสียงที่เหมือนกับฝังไว้ในน้ำแข็งพันๆปีพูดออกมาว่า “รูปถ่ายในวันนี้ ถ้ากล้าให้ผมเห็นข้างนอกที่ไหนแม้แต่ใบเดียวล่ะก็ แม้แต่ใบเดียว! ผมก็จะทำให้พวกคุณได้รับการตอบแทนด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างที่คิดไม่ถึง!”
พูดจบ เขาก็อุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาพร้อมกับผ้าห่มทั้งผืน ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
พอเขาไปแล้ว นักข่าวทั้งห้องก็ส่องกล้องไปยังคนสุดท้ายที่อยู่ในห้องนั้น—ส่องไปที่ตัวหมินอันเกอ
“หมินอันเกอ ขอสอบถามหน่อยค่ะ คุณกับเวินเที๋ยนเที๋ยนมีความสัมพันธ์เป็นอะไรกัน?”
“ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้พร้อมกัน และยังแต่งกายอย่างนี้ อธิบายสักหน่อยค่ะ”
“คุณหมิน มีคนบอกว่าคุณกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคู่รักที่แท้จริง คุณรู้มาตลอดใช่หรือไม่ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ใช่คุณนายจี้ตัวจริงใช่ไหม?”
ในเวลาปกติแล้ว หมินอันเกออยู่ตรงหน้ากล้องและแฟนคลับ เขาจะสุภาพและดูดีมีเสนห์อยู่เสมอ ได้ยินคำถามเหล่านี้แล้ว สีหน้าดำเข้มขรึมอย่างกับก้นหม้อ
แววตาหมองลง เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
สายตาของเขาจ้องบนตัวของพวกนักข่าววงการบันเทิงพวกนั้นหนึ่งรอบ
“ให้ผมตอบคำถามพวกนี้ ได้ แต่ก่อนที่จะตอบ พวกคุณตอบผมก่อนหนึ่งคำถาม”
“ใคร บอกสถานที่และเวลาให้พวกคุณ?”
นักข่าวหลายๆคนต่างมองหน้ากัน ลังเลอยู่ตั้งนาน จึงหยิบมือถือออกมา
“สิบนาทีก่อน พวกเราต่างก็ได้รับข้อความจากเบอร์โทรศัพท์แปลกๆเหมือนกัน”
พูดจบ พวกเขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้หมินอันเกอ
เขารับมาดูสักพัก หรี่ตาเล็กๆ สายตาเย็นชา
เขาและเวินเที๋ยนเที๋ยน ถูกคนอื่นวางแผนใส่ร้าย
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกห่มอยู่ในผ้าห่ม แม้แต่หน้าก็ไม่โผล่ออกมาให้เห็น
เธอสามารถรู้สึกถึงมือของจี้จิ่งเชิน ที่จับเธอไว้แน่นๆและมีผ้าห่มคั่นอยู่ตรงกลาง ใช้มือจับเธอแรงมาก แน่นจนเธอรู้สึกเจ็บแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่กล้าพูดจา แต่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
เธอได้ดื่มน้ำที่หมินอันเกอให้เธอจึงสลบไปจริงๆ
แต่ว่าหมินอันเกอทำไมต้องทำแบบนี้?
แล้วก็นักข่าวพวกนั้น เป็นเช่นนี้ สำหรับหมินอันเกอไม่ได้มีผลดีอะไร
ขณะที่กำลังคิดอยู่ เธอรู้สึกเจ็บตัวขึ้นมากะทันหัน
จี้จิ่งเชินโยนเธอออกจากตัว!
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกกระวนกระวาย ต่อจากนั้น เธอรู้สึกว่าตนเองถูกโยนใส่บนที่รองนุ่มๆ
ผ้าห่มบานออก เธอเงยหน้าขึ้นมา เห็นตนเองนั่งอยู่ในรถ
และจี้จิ่งเชินอยู่ตรงหน้าเธอพอดี
แววตาของเขาทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกหวาดกลัวมากในตอนนั้น
“ฉันอธิบายได้” เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเอ่ยปากพูด
แต่จี้จิ่งเชินไม่พูดจา กำลังก้มหน้าอยู่ แล้วใช้สายตาที่เข้มขรึมจ้องเธออยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตาที่แหลมคมและอาฆาตของเขาได้อย่างชัดเจน
เธอยื่นมือออกมา อยากจะไปจับเขาไว้
แต่จี้จิ่งเชินกลับถอยหลังออกไปอย่างเยือกเย็น ท่าทางจะหลบหลีกเธอ
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดไว้กลางอากาศ คว้ามือเป็นรูปกำปั้น และดึงมือกลับเข้ามา
“ฉันกับหมินอันเกอ ไม่มีทำอะไรกันจริงๆนะ”
สายตาของจี้จิ่งเชินมองค้างไว้ที่ตัวของเธอหนึ่งรอบ แววตาหยุดไว้ที่ผิวกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยังกำลังเปลือยอยู่
“บางที คุณควรจะใส่เสื้อผ้าก่อน อย่างนี้จะยิ่งเชื่อใจได้มากขึ้น” เขาเอ่ยปากอย่างเย็นชา
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดชะงักไปพักหนึ่ง หัวใจเจ็บเป็นพักๆ
เธอไม่อยากให้จี้จิ่งเชินเข้าใจผิดเธอจริงๆ จึงรีบเอ่ยปากพูด “มีคนวางแผนจะใส่ร้ายฉันกับหมินอันเกอ ในโรงพยาบาลก็มีกล้องวงจรปิด สามารถไปตรวจสอบดูได้ ฉันถูก…..”
“คุณถูกหมินอันเกออุ้มใส่หลังและพาออกไป”
บนหน้าของจี้จิ่งเชินก็ยังไม่แสดงสีหน้าและอาการใดๆ กำลังมองเธอด้วยความเย็นชา “ผมเคยดูแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกตะลึง พี่หมินวางยาให้เธอจริงๆหรือ?
แต่ว่าพี่หมินทำไมต้องทำแบบนี้?
บนหน้าของจี้จิ่งเชินไม่มีอาการใดๆ เหมือนกับน้ำที่นิ่งๆถังหนึ่ง
เขามองลงไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ตอนแรก ผมมาหาคุณที่โรงพยาบาลในวันนี้ ก็เพื่ออยากจะบอกคุณว่า บางทีเราสามารถทิ้งเรื่องราวในอดีตทั้งหมด และกลับมาเริ่มต้นใหม่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนมองเขาด้วยตาโตๆ
แต่ว่าจี้จิ่งเชินเปลี่ยนทิศทางไปกะทันหัน
“แต่คิดไม่ถึง สิ่งที่รอคอยผมอยู่ กลับเป็นภาพแบบนี้”
“ผมเชื่อใจคุณครั้งแล้วครั้งเล่า”