เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 143 ได้ไหม
บทที่ 143 ได้ไหม
รถขับเข้าไปในคฤหาสน์ช้า ๆ แล้วค่อย ๆ หยุดลง
จี้จิ่งเชินอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ เดินเข้าไปในคฤหาสน์ทีละก้าวทีละก้าว
มือข้างหนึ่งของเขารัดเองเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ อีกข้างนึงรองก้นของเธอไว้ เดินเข้าไปข้างในเหมือนกับอุ้มเด็กไว้
ตลอดทางคนสวนกับแม่ครัวที่กำลังเตรียมตัวทำงานเมื่อเห็นพวกเขาก็ตกใจจนถลึงตาโต
จี้จิ่งเชินสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เดินเข้าไปข้างในอย่างเชื่องช้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วมุดหน้าอยู่ในอ้อมอกของเขา
ก้าวเดินที่มั่นคงเดินผ่านห้องรับแขก ตรงไปที่ห้องนอนที่ชั้นสาม
มองไปที่ประตูที่ใกล้เข้ามา เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลขึ้นมา
“จี้จิ่งเชิน……”
แค่เรียกออกมาเบา ๆ แต่กลับทำให้จี้จิ่งเชินที่เงียบสงบมาตลอดจู่ ๆ ก็แตกกระเจิง
ฝีเท้าของเขาหยุดลงกะทันหัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็ถูกผนึกริมฝีปาก!
จูบที่ดุเดือดรุนแรงราวกับจะเผาไหม้เวินเที๋ยนเที๋ยนไปให้สิ้น มันเหมือนจะเดือดพล่านขึ้นมาในทันที
สายตาที่ลึกซึ้งของจี้จิ่งเชิน อารมณ์ที่ถูกอัดอั้นเอาไว้อย่างลึกราวกับน้ำป่าที่ซัดสาดออกมาอย่างรุนแรง!
ไม่มีใครอยู่ที่ชั้นสาม จากด้านหลังมองเห็นเพียงแผ่นหลังของจี้จิ่งเชิน
มือทั้งสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกจับเอาไว้ สิบนิ้วถูกกดไว้กับพื้น
เธอถลึงตาโต มองเห็นความบ้าคลั่งในดวงตาของจี้จิ่งเชิน ดวงตาสีแดงราวกับถูกย้อมสีด้วยเลือด
จูบอยู่นานในที่สุดเขาถึงได้อุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาอีกครั้ง แล้ววางเธอลงบนเตียง
ในดวงตาของเขามีพายุอันตรายอยู่ และมีเส้นด้ายที่เรียกว่าสติปัญญาเส้นสุดท้ายตึงเปรี๊ยะในสมองที่พร้อมจะฉีกขาดได้ทุกเมื่อ!
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างเตียง สองมือสั่นเล็กน้อยเพราะใช้แรงมากเกินไป
เขาโน้มตัวลงมาอย่างเร็ว ก้มหน้าลงตรงข้างหูของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ได้ไหม?”
ถึงแม้ร่างกายจะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เขาก็ยังอยากได้รับความยินยอมจากผู้หญิงตรงหน้า
เขาเปิดปากพูด เสียงแหบแห้ง กดต่ำมาก ราวกับถูกแรงกดดันขนาดใหญ่บีบรัดไว้ แล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีถึงจะส่งเสียงออกมาได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นจับแขนที่แข็งราวกับหินของจี้จิ่งเชิน
เธอเจ็บปวดใจ ไม่ได้พูดอะไร แต่ยกหัวขึ้นเล็กน้อยจูบลงบนมุมปากของเขา
จี้จิ่งเชินสั่นสะเทือนไปทั้งตัว เชือกในหัวขาดในทันที!
เขาโอบเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น เลิกผ้าห่มออกอย่างแรงแล้วห่มเขาทั้งสองคนไว้
พ่อบ้านกับจงหลีพาเจี่ยงเนี่ยนเหยาไปส่งที่โรงพยาบาล เมื่อกลับมาก็สั่งให้ทุกคนวันนี้ไม่ต้องขึ้นไปที่ชั้นสาม จากนั้นแต่ละคนก็ยุ่งกับงานของตนเอง
ทุกคนไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนโดยปริยาย ส่วนคนที่อยู่ชั้นบนก็อยู่ข้างบนจนในที่สุดพลบค่ำถึงได้ปรากฏตัวออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยจูบช้ำเขียว
เธอล้างมันออกอย่างยากลำบาก พอตอนออกมาก็เห็นจี้จิ่งเชินเปิดหน้าต่าง รับอากาศบริสุทธิ์เข้ามาทำให้รู้สึกสบายอกสบายใจ
เขาหันหลังกลับมาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็สาวเท้าก้าวยาว ๆ เดินเข้ามา
กางเกงลำลองหลวมอยู่ระดับเอว ทั้งเซ็กซี่ทั้งล่ำสัน ท่อนบนเปลือยเปล่า เขาอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้น
“ไม่ใช่พูดไว้แล้วเหรอว่าฉันเข้าไปรับเธอออกมา?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงไม่พูดอะไร
จี้จิ่งเชินวางเธอลงบนเตียง แล้วก้มลงจูบลงบนมุมปากของเธอ
เดิมทีเพียงแค่อยากจะจูบเธอเบา ๆ แต่กลับควบคุมไม่ได้ยิ่งจูบยิ่งลึก
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนรีบถอยหลังไป แล้วยื่นมือออกไปดันหน้าอกเขาไว้
“ไม่เอาแล้วค่ะ……”
เธอเปล่งเสียงออกมาราวกับลูกแมว แทบจะหดตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้ว
จี้จิ่งเชินยิ้มมุมปาก หัวเราะอยู่ในลำคอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาหัวเราะก็ยิ่งเขินอาย
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบหันหน้าไปดู
จี้จิ่งเชินจับหัวเธอให้หันหน้ากลับมา
“ฉันให้พวกเขาเอาอาหารมาให้”
พูดจบก็เดินไปเปิดประตูแล้วรับถาดอาหารมาจากแม่ครัว
เวินเที๋ยนเที๋ยนแกล้งตายนอนอยู่ในผ้าห่ม
ผ่านไปครู่หนึ่งจี้จิ่งเชินเพิ่งเข้ามา เขาตีก้นเธอผ่านผ้าห่ม
“มากินอะไรก่อน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นหน้าออกมา
จี้จิ่งเชินป้อนอาหาร ป้อนน้ำซุปให้เธอ
“อิ่มแล้วยัง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เขากวาดของทั้งหมดลงท้องอย่างสบาย จากนั้นก็เอาถาดอาหารวางไว้ข้าง ๆ
“ยังง่วงอยู่ไหม?” จี้จิ่งเชินถามอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ไม่ง่วงค่ะ”
“งั้นก็ดี”
จี้จิ่งเชินดึงเธอลุกขึ้น
“พวกเราเริ่มคิดบัญชีหลังฤดูใบไม้ร่วง”
“อะไรนะคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนงุนงง
จี้จิ่งเชินพูดขึ้น “ไปเจอหมินอันเกอทำไมไม่บอกฉัน?”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแบบนั้น ชั่วขณะก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“มองหน้าฉัน”
จี้จิ่งเชินจับคางของเธอให้เงยหน้าขึ้น
“ฉันได้รับจดหมายสองฉบับ บนนั้นเขียนที่อยู่กับเวลาไว้ ให้ฉันไปที่นั่น ฉันเป็นห่วงคุณก็เลยไม่ได้บอกคุณค่ะ”
“เพียงแต่พอฉันไปถึงที่นั่น ถึงได้รู้ว่าจดหมายบนมือฉันไม่ใช่หมินอันเกอเขียน ส่วนหมินอันเกอบอกว่าเขาได้รับจดหมายของฉัน ถึงได้ไปที่นั่น”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว มีพายุก่อตัวในดวงตาของเขา
“ถูกหลอกแล้ว”
อีกด้านหนึ่ง เจี่ยงเนี่ยนเหยาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลสภาพนั้น ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงทันที
บอดี้การ์ดลูกน้องของจี้จิ่งเชินไม่ได้มีความใจเย็นขนาดนั้นที่จะช่วยเธอเก็บเสื้อผ้า พวกเขาใช้ผ้าปูที่นอนห่อตัวเธอส่งเข้าโรงพยาบาลไป
เมื่อหมอเปิดผ้าปูที่นอนออก เจี่ยงเนี่ยนเหยาเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าแดงปรากฏต่อหน้าหมอ แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นอะไร
หมอสองสามคนจ่ายยาอย่างเร็ว แต่ตอนที่ฤทธิ์ยาบนตัวเจี่ยงเนี่ยนเหยาหมดลง เรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว
จางม้างหรูกับเจี่ยงหงซึ่งตื่นเช้ามา ยังฝันกลางวันคิดว่าจะรอเจี่ยงเนี่ยนเหยากลับมา แล้วสามารถเข้าไปในตระกูลจี้ได้อย่างราบรื่นเป็นไปตามเหตุตามผล
แต่คิดไม่ถึง รออยู่ทั้งช่วงเช้า ไม่ได้รอรับเจี่ยงเนี่ยนเหยา แต่กลับรอรับข่าวร้ายแบบนี้
ทั้งสองโมโหจนหน้าซีดขาว รีบร้อนไปโรงพยาบาล
ถึงแม้ในสายตาคนนอกในตอนนี้ เจี่ยงเนี่ยนเหยาเป็นเพียงแค่ญาติห่าง ๆ ของพวกเขา แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็ยังมีคนอยู่เบื้องหลังแทงหลังตระกูลเจี่ยง
ครึ่งชีวิตของทั้งสองคนมีหน้ามีตามาตลอด ครั้งแรกที่ถูกคนด่าแบบนี้ ตลอดทางที่เดินเข้ามาสีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งเคร่งขรึม
เมื่อเข้าไปในห้องผู้ป่วย เห็นเจี่ยงเนี่ยนเหยาตื่นแล้ว
จางม้างหรูพุ่งตรงไป แล้วยกมือขึ้นตบหน้าเธอ
“แกดูสิ่งที่แกทำ!”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาเพิ่งจะตื่น สติยังเลอะเลือนก็ถูกตบจนมึนงง โมโหอับอายจนร้องขึ้นมา
“แม่ แม่เป็นอะไร? ตบหนูทำไม?”
“แกยังมีหน้ามาถาม! แกรู้ไหมว่าตอนนี้ข้างนอกแพร่ข่าวเรื่องแกว่ายังไง?”
จางม้างหรูยืนอยู่ข้างเตียง บ่นเจี่ยงเนี่ยนเหยา
“แกยั่วจี้จิ่งเชินไม่สำเร็จ แถมยังถูกเขาโยนออกมา ยั่วพี่เขยของตัวเอง”
“ไร้สาระ!” เจี่ยงเนี่ยนเหยาโมโหจนพูดเสียงสูง “ฉันต่างหากที่เป็นคุณหนูเจี่ยงตัวจริง!”
“ใครจะไปรู้? ใครจะไปชัดเจน? ในสายตาพวกเขายัยสาวน้อยคนนั้นต่างหากที่เป็นคุณหนูเจี่ยง เธอก็แค่ญาติห่าง ๆ ของตระกูลเจี่ยง! แม้แต่เสี้ยวนึงก็ไม่ใช่!
เจี่ยงหงซึ่งขมวดคิ้ว แล้วโบกมือ
“ช่างเหอะ ไม่ต้องพูดแล้ว”
เธอหันหน้ากลับไปมองเจี่ยงเนี่ยนเหยา สีหน้าจริงจัง “ตกลงว่ามันเรื่องอะไรกัน?”