เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 135 อยากจูบคุณ
บทที่ 135 อยากจูบคุณ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่หน้ากระจกด้านนอกของห้องปลอดเชื้อและเห็นว่าจี้จิ่งเชินค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้ว
เขายังคงนอนตะแคงอยู่ สีหน้าของเขาอ่อนแรงมากแค่ลืมตาขึ้นมาก็เพียงพอแล้วสำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยน
เธอเอนกายอยู่หน้ากระจกแล้วโบกมือให้จี้จิ่งเชินที่ยังอยู่ในนั้น
เครื่องช่วยหายใจที่ประกบไว้บนหน้าของจี้จิ่งเชินได้ถูกนำออกไปแล้ว
เขายิ้มเบา ๆให้เธอพลางขยับปากเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจดีถึงสิ่งที่เขาจะสื่อ
เธอก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยปิดตาลงแล้วจูบซับลงบนกระจกนั้น
ดวงตาของจี้จิ่งเชินฉายแววยิ้มสดใสชัดเจนในนั้น
เพราะสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้คือ
“อยากจูบคุณ”
อยากจูบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อซึมซับความรู้สึกว่าคุณยังอยู่ตรงนี้ ย้ำชัดหนักแน่นว่าคุณยังมีชีวิตอยู่
อยากพรมจูบที่ปลายผมและแก้มของคุณแล้วกอดคุณเอาไว้ในอ้อมแขน
ดวงตาของจี้จิ่งเชินยังคงจับจ้องอยู่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่ละสายตาไปไหน ภายในแววตาแสดงความรู้สึกภายในลึกๆพรั่งพรูออกมา
เพียงไม่นานเขาก็นอนลงอีกครั้ง
ร่างกายของจี้จิ่งเชินยังไม่หายดี ตื่นขึ้นมาได้ไม่นานก็นอนลงอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเขาอยู่สักพัก หลังจากนั้นไม่นานก็หันไปเจอพ่อบ้านและจงหลียืนอยู่ด้วยกันข้างหลังเธอ
ท่าทีของเธอก็จริงจังขึ้นทันทีพลางขมวดคิ้วขึ้น
“ฉันเห็นเจียงหยู่เทียนอยู่ในที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ด้วย คุณช่วยไปตรวจสอบให้หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
ตั้งแต่ที่เจียงหยู่เทียนถูกส่งไปอยู่ต่างประเทศจะได้รับรายงานความเคลื่อนไหวของเธอที่อเมริกามาเสมอร่วมทั้งสถานะการรักษาล่าสุดของเธอด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เคยสงสัยมาก่อนแต่เจียงหยู่เทียนกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเมื่อวานนี้
นั่นหมายความว่ามีคนกำลังช่วยเจียงหยู่เทียนสร้างเรื่องทั้งหมดนี้อยู่
จงหลีและพ่อบ้านได้ยินดังนั้นก็หันไปมองหน้ากันและกัน
เธอกลับมาที่นี่เหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว
จำได้ว่าตอนที่เห็นเจียงหยู่เทียนเมื่อวานนี้รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอดูเหมือนจะหายเป็นปกติแล้ว
“เธอไม่ได้กลับมาแต่เธอไม่เคยถูกส่งไปไหนเลยต่างหาก”
จงหลีตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินพลางพูดว่า “แต่ผมเห็นเธอขึ้นเครื่องบินด้วยตาของตัวเองเลยนะครับและข้อมูลที่ส่งกลับมาจากอเมริกาก็ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนทุกครั้ง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวเล็กน้อย
“ข้อมูลนั้นสามารถปลอมแปลงได้ ใครที่ช่วยเธอได้ล่ะ”
เท่านี้ก็ดูออกทั้งหมดแล้ว
เมื่อครั้งที่จี้จิ่งเชินตรวจสอบข้อมูลของเจี่ยงเนี่ยนเหยาเป็นครั้งแรกก็ไม่พบข้อมูลรูปภาพใดๆทั้งสิ้นนั่นเป็นเพราะมีใครบางคนตั้งใจทำให้เป็นแบบนั้น
การตรวจสอบครั้งที่สองพบว่ามีรูปถ่ายแต่โดนแทนที่ด้วยรูปของตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเองทั้งหมดโดนจัดการสวมรอยโดยเจี่ยงหงซึ่ง
ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือตั้งแต่แรก
ด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ของเธอทำให้จงหลีและพ่อบ้านอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองเธออีกครั้ง
ไม่รู้ว่าภาพที่เห็นข้างหน้านี้คือเรื่องจริงหรือไม่ ตั้งแต่เหตุการณ์นี้ดูเหมือนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ความคิดนั้นส่งประกายผ่านจิตใจของทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน
“เข้าใจแล้ว ผมจะตรวจสอบให้เดี๋ยวนี้” จงหลีกล่าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าพลางจ้องมองจี้จิ่งเชินผู้ชายที่เธอตกหลุมรักสุดหัวใจในห้องนั้น
เธอเริ่มลังเลเรื่องที่จะหนีไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
จี้จิ่งเชินพักอยู่ในห้องผู้ป่วยปลอดเชื้อเป็นเวลาห้าวัน เขาเริ่มฟื้นคืนสภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดวันที่หกก็สามารถย้ายออกมาอยู่ห้องปกติได้แล้ว
บาดแผลจากการโดนไฟไหม้ที่บริเวณหลังทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายตามใจคิดได้ ส่วนใหญ่จึงทำได้แค่นอนพักผ่อนเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาซุปปลาคาร์ฟที่ปรุงด้วยตัวเองอย่างตั้งใจ ป้อนให้จี้จิ่งเชินทานอย่างระมัดระวัง
ซุปปลาคาร์ฟจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เธอทำอาหารให้เขาทานด้วยตัวเองติดต่อกันมาหลายวันแล้วและเพื่อไม่ให้จี้จิ่งเชินเบื่ออาหารเธอจึงต้องปรับเปลี่ยนเมนูอยู่เสมอ
ซุปสีขาวนวลส่งกลิ่นหอมจนทำให้นิ้วชี้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวน้อยๆ
ผู้มาถึงจัดการส่งทุกอย่างลงท้องจี้จิ่งเชินโดยที่เขาไม่จู้จี้จุกจิกเลยแม้แต่น้อย
เขาเงยหน้าขึ้นมองเส้นผมของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“แล้วอาการบาดเจ็บของคุณล่ะ?”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดตอบอย่างไพเราะ
แผลเป็นไม่ถึงห้าเซนติเมตรบวกกับบาดแผลไม่ได้ลึกอะไรจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
แต่จี้จิ่งเชินกลับเป็นห่วงเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก
บาดแผลจากการโดนไฟไหม้ที่อยู่ในระดับสามก็ถือว่าไม่เจ็บเท่าไหร่หากต้องเทียบกับการที่เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องมีแผลเป็นแบบนั้น
“ขอผมดูหน่อย” จี้จิ่งเชินพูดขึ้น
เธอคิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องพูดอย่างนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเปิดผมของเธอขึ้นให้เขาเห็นบริเวณที่ยังคงติดผ้าก๊อซเอาไว้
“ใกล้หายแล้ว”
“คุณทานซุปปลาคาร์ฟหรือยัง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวตอบประโยคนั้น
“ไม่ต้องทานหรอกค่ะ ฉันบาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น”
จี้จิ่งเชินกลับพูดขึ้นมาว่า “ผมป้อนคุณเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูคนเจ็บกับบาดแผลตรงหน้านี้อย่างน่าสงสัย
“คุณทำได้เหรอ?”
จี้จิ่งเชินออกคำสั่ง
“คุณป้อนให้ผมก่อน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป่าซุปปลาคาร์ฟแล้วส่งไปที่ปากของจี้จิ่งเชิน
ในขณะที่กำลังจะถอยออกมาจี้จิ่งเชินกับยืดตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยแล้วทาบทับปากตัวเองลงบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากถูกขบกัดเพื่อให้เผลอปากเปิดรับแล้วจึงทำการส่งซุปปลาคาร์ฟผ่านปลายลิ้นเข้าไปให้เธอได้ลิ้มรส
นี่คือการป้อนอาหารในแบบของเขาแล้วถือโอกาสนี้ใช้ปลายลิ้นเลียละเลียดทั่วทั้งปากอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยจากการโดนจูบเมื่อครู่ ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็ถอยห่างออกไป
“คุณป้อนผมก่อนแล้วเดี๋ยวผมป้อนคุณใหม่”
เขาเลียมุมปากตัวเองด้วยดวงตาแต้มรอยยิ้ม
“ผมว่าซุปปลาคาร์ฟวันนี้หวานเชียวล่ะ”
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นสีแดงระเรื่อจากคำพูดนั้น เธอรีบป้อนซุปที่เหลืออยู่ด้วยความรวดเร็ว
“เลิกเล่นได้แล้ว ระวังแผลที่หลังให้ดี รีบพักผ่อนได้แล้ว”
หลังจากพูดจบแล้วท่าทีของจี้จิ่งเชินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขาดูยากขึ้นกว่าเดิม
เวินเที๋ยนเที๋ยนผงะไปเล็กน้อย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินยิ้มพลางพูดเบาๆว่า “เหมือนแผลข้างหลังผมมันจะปริออกเลย”
เหตุจากการจูบเธอเมื่อครู่เผลอลืมตัวจนทำให้แผลที่เริ่มตกสะเก็ดปริออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจแล้วรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เดินไปข้างหลังจี้จิ่งเชินแล้วมองดู เธอจึงเห็นเลือดสีแดงสดบนผ้าก๊อซปิดแผลที่หลังของเขา
หลังจากนั้นจึงให้แพทย์เข้ามาดู เขาดูอาหารบนโต๊ะและเปลี่ยนยาให้อีกครั้ง
แพทย์บ่นเล็กน้อยก่อนเดินออกไป
“ทานข้าวอย่างไรให้แผลเป็นแบบนั้นซะได้?”
เมื่อเห็นว่าจี้จิ่งเชินมองเธอด้วยสีหน้าท่าทางร่าเริง ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็แดงก่ำและไม่กล้าพูดตอบสิ่งใดออกไป
เนื่องจากบาดแผลเกิดขึ้นบริเวณหลังการทานข้าวของเขาจึงค่อนข้างสะดวกแต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการอาบน้ำ
เขานอนลงบนเตียงแล้วให้เวินเที๋ยนเที๋ยนช่วยเช็ดตัวให้แต่ก็สะดวกแค่การเช็ดมือและเท้าเท่านั้น
หลังจากที่ลุกออกจากเตียงได้ด้วยตัวเองแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาก็พบว่าเขากำลังจะไปอาบน้ำ
เธอตกใจจนรีบวิ่งเข้ามา
หมอบอกว่าแผลบนหลังคุณยังโดนน้ำไม่ได้
จี้จิ่งเชินถอดชุดคนไข้ออก เขาสวมเพียงกางเกงขายาวเท่านั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้เห็นบาดแผลที่เขาโดนไฟไหม้บริเวณหลังอย่างชัดเจน
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำหน้าเหยเกขึ้นทันที
จี้จิ่งเชินเปิดน้ำแล้วกำลังจะเข้าไป เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบดึงเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“รอหน่อย เดี๋ยวฉันช่วย”
จี้จิ่งเชินมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“ผมไม่ได้จะเช็ดแค่มือนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เธอเข้าใจความหมายของประโยคนี้ดีแล้วจึงพยักหน้าตอบกลับไป
จี้จิ่งเชินรู้ความคิดในหัวของตัวเองดี มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยแล้วปิดน้ำอีกครั้ง
“ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว งั้นเราเริ่มกันเลยนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเหลียวมองไปที่ด้านข้างก็พบว่าบริเวณอ่างล้างมือมีผ้าเช็ดตัวอยู่แล้วราวกับว่ามีคนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วนำไปวางไว้ตรงนั้น