เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 134 มีเพียงคุณที่จะต่อกรกับคนอื่นได้
บทที่ 134 มีเพียงคุณที่จะต่อกรกับคนอื่นได้
ณ โรงพยาบาล
เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง
ทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมาก็รีบลุกขึ้นอย่างเร็ว
พยาบาลที่กำลังปรับเข็มให้เธออยู่เห็นดังนั้นจึงรีบประคองให้เธอนอนลง
“คุณผู้หญิงตอนนี้คุณอย่าเพิ่งลุกเลยนะคะ พักผ่อนอีกสักหน่อยเถอะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบ ๆห้องแล้วถามว่า “ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?”
“คุณเป็นลมที่หน้าห้องผ่าตัดน่ะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่ารอเขาอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดแล้วก็หมดสติไป
“แล้วเขาล่ะ?”
เธอรีบถามต่อว่า “ผ่าตัดเสร็จหรือยัง แล้วเขาล่ะ?”
“การผ่าตัดคุณจี้ราบรื่นดีทุกอย่างค่ะเว้นก็แต่แผลที่โดนไฟไหม้บริเวณหลังของเขามันค่อนข้างจะใหญ่ เขาจึงต้องพักในห้องปลอดเชื้อสักระยะหนึ่งค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นแล้วก็รู้สึกก็โล่งใจ
“ทราบแล้วค่ะ”
ทันทีที่พยาบาลออกไปเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ลากล้อเลื่อนที่โยงขวดน้ำเกลืออยู่เดินออกไปข้างนอกอย่างเงียบ ๆ
ผ่านโถงทางเดินไปสิ้นสุดยังห้องปลอดเชื้อ
ห้องนี้สามารถมองเห็นผู้ป่วยบนเตียงผ่านกระจกได้
เนื่องจากโดนไฟไหม้จนเกิดบาดแผลที่ด้านหลัง เขาจึงต้องนอนคว่ำหน้าเอาไว้
เครื่องออกซิเจนและเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจถูกเชื่อมต่ออยู่ด้านข้างวิ่งขึ้นลงเป็นจังหวะแสดงถึงสัญญาณชีพจรของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนลอบมองผู้คนอย่างระมัดระวังอยู่ที่หน้าต่าง
จี้จิ่งเชินนอนหันศีรษะมาอีกด้านหนึ่ง ตรงนี้เธอสามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้ ดวงตาคู่นั้นปิดเล็กน้อยและหลับลงไปเงียบ ๆ
พยาบาลจำนวนหนึ่งเดินผ่านมาทางข้างหลังของเธอพลางเกิดเสียงพูดคุยเล็ก ๆว่า
“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจี้จะรักเธอมากขนาดนั้น เพียงได้ยินว่าภรรยาของเขาติดอยู่ในกองไฟก็รีบพุ่งเข้าไปทันทีชนิดที่นักดับเพลิงหลายคนก็ห้ามเขาไม่อยู่”
“จริงเหรอ ภายนอกเขาดูเป็นคนเย็นชา โมโหง่าย ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะมีมุมแบบนี้ด้วย”
“ใช่น่ะสิ ช่วงก่อนหน้านี้เธอไม่รู้จักพิพิธภัณฑ์เหรอ
“โชคยังดีตอนที่เขาเข้าไปไฟที่ไหม้อยู่ก็พอจะเบาลงบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นผลมันก็คงไม่ใช่แบบนี้”
“ฉันได้ยินมาว่าตอนที่ไฟเริ่มมอดสนิทน่ะ เขาก็ยังปฏิเสธที่จะออกมายังคงหาต่อไปแบบนั้น โธ่….”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่หน้ากระจกหน้าต่าง ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดในขณะที่ค่อยๆห่างออกไป
เธอไม่ได้อยู่ที่นั่นในเวลานั้นและถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินจากเรื่องนี้จากคนอื่น เธอก็ไม่กล้าจินตนาการถึงฉากนั้นเลย
จี้จิ่งเชินวิ่งเข้าไปในกองไฟนั่นเพื่อเธอ
จี้จิ่งเชินตามหาเธอในซากปรักหักพัง
ถึงแม้จะโดนไฟไหม้ขนาดนั้นแต่เขาก็ยังนิ่ง
เมื่อเห็นเธออยู่กับหมินอันเกอก็ไม่โกรธ
กลับพูดว่าเธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
จี้จิ่งเชินดีกับเธอขนาดนี้จะทิ้งไปไหนได้อย่างไร?
เธอจะทนบอกความจริงออกมาได้อย่างไร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองผู้คนในวอร์ดอย่างห่างๆโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนอยู่พักใหญ่
ไม่รู้ว่ายืนอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนแล้วก่อนมีคนมาด้านหลังเธอ
“เที๋ยนเที๋ยน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกศีรษะของตัวเองขึ้นจึงได้เห็นเงาสะท้อนของหมินอันเกอจากกระจก
เขามองจี้จิ่งเชินที่อยู่ในห้องผู้ป่วยพลางพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนว่า “เที๋ยนเที๋ยน มีคนอยากเจอคุณน่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจัดการกับความรู้สึกตัวเองแล้วหันศีรษะไปทางนั้นก็พบใครคนหนึ่งที่มาด้วยกันกับหมินอันเกอ
ผู้ชายคนนั้นอยู่ในชุดสูทสีดำดูแก่กว่าพ่อบ้านอยู่บ้าง ผมรองทรงต่ำจัดทรงเก็บไปด้านหลัง
เขายิ้มออกมาพร้อมกันกับดวงตาแคบลงเป็นเส้นเล็กเหมือนสุนัขจิ้งจอก
“คุณเวิน สวัสดีครับ”
ทันทีที่เขาพูดขึ้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งพลันสายตามองไปที่หมินอันเกอโดยไม่รู้ตัว
คนคนนี้รู้จักตัวตนของเธองั้นเหรอ?
อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ความคิดของเธอ เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “คุณมั่นใจได้ว่าผมจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความระแวงอยู่ในที
“คุณจะทำอะไร?”
อีกฝ่ายยิ้มและพูดว่า “คุณเวิน เชิญไปคุยกับผมทางด้านนี้หน่อยครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเหลือบมองไปทางหมินอันเกอ
หมินอันเกอพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นนัยว่าคนที่อยู่ข้างหน้านี้ไว้ใจได้
ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยอมเดินตามออกไปข้างนอก
“สิ่งที่คุณต้องการจะพูดคืออะไรกันแน่?”
ถึงบริเวณหน้าต่างและหยุดอยู่ตรงนั้นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนปฏิเสธที่จะออกไปข้างนอก
อีกฝ่ายหยุดเช่นกันแล้วโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณเรียกผมว่าฉวีผิงก็ได้ครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วและกำลังจะหันไปถามหมินอันเกอก็พบว่าเขาไม่อยู่ตรงนี้แล้ว
ฉวีผิงถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “คุณผู้หญิงได้ยินข่าวเกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วรู้สึกเป็นห่วงคุณมาก”
“คุณผู้หญิง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมามองเขาแล้วถามว่า “คุณกำลังพูดถึงใครเหรอ?”
“คุณผู้หญิงก็คือคุณผู้หญิงครับ”
เขาตอบออกไปอย่างคลุมเครือและเริ่มกังวลว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนอาจจะไม่พอใจจึงพูดเสริมออกไปว่า “คุณผู้หญิงเธอเป็นห่วงคุณมากแต่มีเหตุผลบางอย่างทำให้ไม่สามารถมาพบคุณได้ด้วยตนเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว
คนที่อยู่ข้างหน้าเธอไม่ได้ดูเรียบง่าย ธรรมดา ทำให้เธอนึกถึงพ่อบ้านของปราสาทโบราณ
“คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“คุณผู้หญิงฝากมาบอกว่าถ้าหากคุณต้องการอะไรก็สามารถบอกให้เราจัดการได้เลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเขาด้วยความสงสัย
ฉวีผิงเก็บมือเข้าด้วยกันแล้วก้มเล็กน้อย
“ผมหวังว่าคุณเวินจะเข้าใจนะครับว่าฐานะของคุณในขณะนี้จะมีเพียงคุณที่มีสิทธิ์ต่อกรกับคนอื่นและจะไม่มีใครสามารถรังแกคุณได้ทั้งนั้น”
เขาพูดจบแล้วจึงยื่นนามบัตรให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรับไว้
“หากต้องการสิ่งใดสามารถติดต่อผมมาได้เลย ผมจะจัดการเรื่องนั้นให้เองครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจ้องมองที่หัวนามบัตรสีดำนั่นมีเพียงชื่อของ ฉวีผิงที่แนบไว้ส่วนที่เหลือเป็นหมายเลขโทรศัพท์หลายเบอร์ด้วยกัน ไร้ซึ่งข้อมูลอื่นใดนอกจากนี้
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นแต่พบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นหายไปแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของฉวีผิงเลย
ราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวที่นี่
เธอมองนามบัตรในมือของเธออีกครั้งพอดีกับหมินอันเกอก็เดินเข้ามา
“เที๋ยนเที๋ยน รอให้อาการบาดเจ็บของคุณดีขึ้นก่อนแล้วเราค่อยไปกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเก็บนามบัตรไว้ในมือ
“ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าฉันไม่ไป”
หมินอันเกอขมวดคิ้วอย่างกังวล
“เมื่อวานนี้คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าเจี่ยงเนี่ยนเหยาและเจียงหยู่เทียนจะฆ่าคุณ! ตอนนี้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ถูกไฟไหม้ไปแล้ว ข้อตกลงของคุณกับเจี่ยงหงซึ่งก็ถือเป็นโมฆะไปตั้งนานแล้ว ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไปพลางฉายแววตาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“เพราะแบบนั้นฉันจะไม่ไปไหน ฉันจะไม่ปล่อยให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดนเผาอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน”
เธอลอบกำฝ่ามือเข้าหากันแน่น
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกไฟไหม้เพราะเธอ
คณบดีเสียชีวิตเพราะเธอ
เธอจะจากไปได้อย่างไร
หมินอันเกอพูดต่อว่า “ ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่หากพวกเขาบอกความจริงกับจี้จิ่งเชินเมื่อไหร่ เขาจะทำอะไรกับคุณบ้าง? ถึงเวลานั้นตระกูลจี้และตระกูลเจี่ยงไหนจะเจียงหยู่เทียน คุณจะชนะเขาได้อย่างไร?”
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเขาก็ยื่นมือออกไปจับมือของเธอเอาไว้
“เราหนีไปก่อนแล้ว ค่อยหาโอกาสกลับมา รอจนกว่าจะหาหลักฐาน…..”
“ไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนปล่อยมือออกจากการเกาะกุม
“ฉันทำไม่ได้พี่หมิน”
เธอก้าวเดินอย่างเร่งรีบไปแผนกที่จี้จิ่งเชินอยู่
ก่อนที่เธอจะเข้าใกล้ แม่บ้านก็รีบวิ่งออกมาหาเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วรีบพูดว่า “คุณคะ คุณผู้ชายตื่นแล้วค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หมินอันเกอผู้ซึ่งกำลังเดินไปด้วยนั้น มองดูฝีเท้าที่เร่งรีบและความสุขที่ฉายชัดบนใบหน้าของเธอแล้วก็รู้สึกราวกับว่ากำลังโดนก้อนหินก้อนใหญ่แสนหนักทับจนปวดหนึบหนักอึ้งไปทั้งใจ