เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 132 คุณรู้ว่าผมชอบคุณ
บทที่ 132 คุณรู้ว่าผมชอบคุณ
ทันใดนั้นเสียงของเจียงหยู่เทียนก็ดังขึ้น มือหนึ่งออกแรงดึงดาบสั้นออกจากมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ฝ่ามือขาวนวลปรากฏบาดแผลสาหัสทั้งสองมือ บาดแผลลึกถึงกระดูก เลือดไหลโชกออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวด
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นก็เลี้ยงคุณมา เด็กยี่สิบคนยังติดอยู่ในนั้นรวมทั้งคณบดีเฉินด้วย!”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าเพื่อที่จะเข้าไปช่วยชีวิตเด็กๆคณบดีเฉินโดน….”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกัดริมฝีปากล่างของเธอ น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง
คิดไม่ถึงว่าเจียงหยู่เทียนกลับหัวเราะขึ้นมาแบบนั้น
“ ไม่ดีหรือไง? ตายแบบนี้ผู้คนจะได้เยินยอเชิดชูเขาในฐานะผู้กล้าและเสียสละไง เขาต้องขอบคุณฉันนะ ”
“เจียงหยู่เทียน ! ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกรีดร้องออกมา
เจียงหยู่เทียนขมวดคิ้วให้กับสิ่งที่ทำลงไปโดยไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
“ฉันว่านะตอนนี้น่ะแกเป็นห่วงตัวเองเถอะ”
พูดจบเธอก็หันไปที่เฟิงจี้น
เฟิงจี้นรีบเดินไปข้างหน้าและกดเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้กับกำแพง
เจียงหยู่เทียนสะบัดดาบสั้นในมือตบลงบนหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ ไหนบอกสิว่าฉันควรจะเริ่มตรงไหนก่อนดี? ควักลูกตาออกมาก่อนหรือตัดจมูกแกทิ้งก่อนดี?”
เธอถามออกมาด้วยความเดือดดาลอย่างที่สุด ปลายดาบเย็น ๆ ลากผ่านใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“ถ้าให้ดีคุณควรจะฆ่าฉันทิ้งไปซะเพราะถ้าฉันไม่ตาย คุณจะได้รับผลตอบแทนการกระทำนี้อย่างสาสมแน่นอน ! ”
เจียงหยู่เทียนที่โดนสายตาเธอมองมาแบบนั้น ทันทีก็รู้สึกมีความกลัวในใจเกิดขึ้นมาเล็กน้อย
เธอส่ายดาบในมือไปมา
“งั้นมาลองกันหน่อย”
พูดจบก็ง้างดาบสั้นในมือขึ้นอีกครั้ง
“ฉันคิดมาดีแล้วล่ะว่าจะควักลูกตาแกออกมาก่อนแล้วส่งไปให้จี้จิ่งเชินดูสักหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงจ้องมองตรงมาที่โดยไม่หลบหลีกแต่อย่างใด
ดาบสั้นในมือของเจียงหยู่เทียนกำลังจะลดระดับลงสู่เป้าหมาย ทันใดนั้นเสียงจากด้านนอกก็ดังขึ้น
“ห้ามขยับ !”
เจียงหยู่เทียนหยุดไปครู่หนึ่งแต่ไม่ได้หันไปมอง กลับใช้ดาบที่ง้างไว้ก่อนหน้าแทงลงไปเร็วกว่าเดิม
ปลายดาบใกล้ถึงดวงตา เวินเที๋ยนเที๋ยนต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดแรง
ดูเหมือนว่าเฟิงจี้นที่อยู่ด้านหลังจะชะล่าใจจนเกินไป ในที่สุดก็ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต่อสู้จนหนีออกไปได้
ดาบสั้นในมือเจียงหยู่เทียนตกลงบนพื้น ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าผากของเธอดูถึงได้รู้ว่าปรากฏบาดแผลจากการต่อสู้เมื่อครู่ไว้บริเวณโคนผม
เลือดจากบริเวณหน้าผากไหลหยดลงมาทันที
ในเวลานี้หมินอันเกอได้เข้ามาด้านในแล้ว
หมินอันเกอจับมือเขาเอาไว้แล้วบิดไปข้างหลัง
อีกฝ่ายกรีดร้องออกมาพร้อมกันกับดาบสั้นที่หลุดออกจากมือ
หมินอันเกอใช้เท้าข้างหนึ่งเตะดาบสั้นออกไปให้ห่างตัวแล้วหมุนตัวกลับไปพาเจียงหยู่เทียนเข้าไปหลบไปซอกตึก
อีกด้านหนึ่งเฟิงจี้นจับเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ได้อีกครั้งแล้วคว้าเธอให้ถอยกลับไปที่ประตู
“อย่าขยับ!” เฟิงจี้นตะวาดเสียงดังเยือกเย็นใส่หมินอันเกอ
หมินอันเกอมองดูปลายมีดที่ตอนนี้มีตำแหน่งอยู่บนคอของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างหงุดหงิดใจ
ใบหน้าของเธอซีดมากและมีเลือดไหลมาจากบริเวณหน้าผาก ไหลหลากลงมาตามแนวโค้งจนถึงคาง
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยปลายมีดแล้วให้ถอยออกมาตามเฟิงจี้น
“แกต้องการอะไร?” หมินอันเกอพูดเสริมอีกว่า “ฉันช่วยแกได้ทุกอย่าง”
พูดจบ แววตาของเขาก็ฉายแววเยือกเย็นขึ้นทันที
“ถ้าแกกล้าทำร้ายเธอละก็ ฉันสาบานเลยว่าจะพลิกแผ่นดินตามล่าแกกลับมารับโทษให้ได้!”
ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้รู้สึกกลัวต่อคำพูดของเขาแต่อย่างใด ทำเพียงลากเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ถอยตามออกมาเท่านั้น
หมินอันเกอเห็นว่าเขาไม่ยอมปล่อยจึงพูดออกไปว่า “ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันโทรหาตำรวจไว้แล้ว ถ้ายังดึงดันที่จะทำต่อไป พวกแกหนีไม่รอดแน่”
“ถ้าปล่อยเธอ ฉันรับประกันได้ว่าแกจะไม่โดนตำรวจจับ”
เฟิงจี้นขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นสีหน้าแสนกังวลของเขา
“คุณเป็นอะไรกับเธอ ทำไมต้องช่วยเธอด้วย?”
หมินอันเกอนิ่งงันไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนลงในทันทีว่า
“ฉัน….ฉันรักเธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตาเบิกกว้างและมองไปที่หมินอันเกอด้วยความประหลาดใจ
หมินอันเกอจ้องตรงมาที่เธอแล้วพูดต่อว่า “ฉันยอมได้ทุกอย่างเพื่อเธอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมถึงให้เธอแต่งงานกับจี้จิ่งเชินล่ะ?”
หมินอันเกอพูดขึ้นมาอย่างรีบร้อนว่า “ฉันจะพาเธอไป! เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
เฟิงจี้นรู้สึกในใจสั่นไหวลังเลเล็กน้อย
เขาไม่ได้ต้องการฆ่าใครอยู่แล้ว
สิ่งเดียวที่เขากังวลคือกลัวว่าคนข้างหน้านี้จะทำร้ายเจี่ยงเนี่ยนเหยา
แต่ถ้าหากพวกเราออกจากที่นี่ไปได้ละก็ เขาก็ไม่ต้องรับโทษในข้อหาฆ่าคนตาย
เขาไม่เหมือนกันกับก่อนหน้านี้แล้ว
เขาอยากที่จะใช้ชีวิตกับเจี่ยงเนี่ยนเหยา อยากใช้ชีวิตร่วมกันในแบบที่ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป
เฟิงจี้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ออกไปจากที่นี่ซะ”
หมินอันเกอรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“อย่าให้ผมเห็นพวกคุณอีก!”
พูดจบเฟิงจี้นก็ผลักเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปข้างหน้าแล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก
หมินอันเกอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วกอดรับเธอเอาไว้
สีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ฟื้นคืน คราบเลือดและเม็ดเหงื่อปะปนกันไปบนหน้าผาก สภาพค่อนข้างแย่
เขากอดเธอเอาไว้ ลูบหน้าผากของเธอด้วยความรู้สึกที่ยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งพ้นผ่านไปเมื่อครู่
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ผมจะพาคุณกลับไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับดึงเขาไว้
“เจียงหยู่เทียนล่ะ?”
ทั้งสองคนกลับไปที่ห้องอีกครั้งแต่ไม่มีใครอยู่ในนั้นแล้ว
“หนีไปแล้ว”
แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเย็นยะเยือก เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง
“เขาเผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทำให้คณบดีต้องตาย”
หมินอันเกอมองเธอด้วยความประหลาดใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้านี้เหมือนจะเกิดอะไรขึ้นจนทำให้เธอเปลี่ยนไป
“เที๋ยนเที๋ยน…”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเหลียวกลับและไม่พูดอะไรอีก ลอบกำหมัดตัวเองแน่น
แน่นอนว่าเธอจะไม่ปล่อยมือเจียงหยู่เทียนเอาไว้แน่!
หมินอันเกอประคองเธอออกจากซากปรักหักพังนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยออกมาว่า “คุณปล่อยฉันได้แล้ว ฉันเดินเองได้”
หมินอันเกอมองที่เธอแล้วทำท่าทีอ้าปากเพื่อจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
“ให้ผมพาคุณออกไป คุณบาดเจ็บแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้า สวยงามและน่าจดจำนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน
เธอรู้ว่าเขาคิดกับเธอแบบไหนแต่เธอไม่เคยคิดเกินเลยกับหมินอันเกอในแง่นั้นเลย
“หมินอันเกอ ฉันคิดกับคุณแค่….”
“อย่าปฏิเสธผมเลย”
หมินอันเกอพูดแทรกขึ้นมา
“ขอโอกาสให้ผมได้ไหม”
เขาลดท่าทีของตัวเองลงรู้สึกราวกับว่าตัวเองล้มลงไปในโคลน มองไปที่เวินเทียนเทียนด้วยสายตาอธิษฐานเว้าวอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว
“พี่หมิน คุณหาคนที่ดีกว่านี้ได้ คนที่ไม่ใช่ฉัน”
หมินอันเกอยิ้มออกมาอย่างสังเวชตัวเองแต่การร้องไห้ออกมาตอนนี้ก็คงน่าเกลียดจนเกินไป
“อย่างน้อยให้ผมพาคุณออกไปจากที่นี่เถอะ คุณบาดเจ็บอยู่ ในฐานะ… ในฐานะพี่ชายก็ได้”
ครั้งนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ปฏิเสธอีก เธอก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วปล่อยมือตัวเองลง
“ขอบคุณค่ะ”
หมินอันเกอประคองเธอออกมาจากซากปรักหักพัง
ไฟที่ลุกไหม้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดับสนิทแล้ว
แต่รอบๆกลับมีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พบว่าคนของตระกูลจี้ แม่บ้านและจงหลีก็อยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งหมด
ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ล่ะ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วพลางหันศีรษะไปมองซากปรักหักพังที่โดนไฟไหม้อย่างหนักไปก่อนหน้าแล้วพบเข้ากับเงาของร่างๆหนึ่งเดินออกมา
ชุดสูทที่เขาคนนั้นสวมใส่โดนไฟไหม้ไปหลายส่วน ผมของเขายุ่งเหยิงและมีฝุ่นสีดำจากเขม่าควันเกาะไปทั่วทั้งร่างกาย
เท้าของจี้จิ่งเชินเหยียบลงบนพื้นที่ยังคงมีประกายไฟอยู่ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าเปี่ยมล้นด้วยความกล้าหาญ
เขาวิ่งเข้าไปในกองไฟมองหาไปรอบๆแต่ไม่พบร่องรอยของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาใกล้จะเสียสติเต็มที่แล้ว!