เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 133 ผมคิดว่าคุณอยู่ในนั้น
บทที่ 133 ผมคิดว่าคุณอยู่ในนั้น
ในตอนนี้จี้จิ่งเชินก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงรีบเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
มองผ่านฝูงชนมากมายแล้วพบกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
เพียงมองครู่เดียวก็เหมือนเนิ่นนานนับหมื่นปี
เวินเที๋ยนเที๋ยนตะลึงงัน เธอไม่คาดคิดว่าจะเจอจี้จิ่งเชินในสถานการณ์นี้
ทำไมเขาถึงได้ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากัน?
และดูเหมือนว่าเขาถูกไฟไหม้บางส่วนด้วย …
จี้จิ่งเชินจับจ้องที่เธออย่างแน่วแน่ ไม่ขยับสายตาไปไหน
ฝูงชนค่อยๆหลีกทาง
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามาด้วยอารมณ์รุนแรงคุกรุ่นอยู่ในที
ท่าทีแบบนั้นแสดงออกถึงความเยือกเย็นดุดันกว่าปกติ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบผละออกจากหมินอันเกอเพราะกังวลว่าเขาจะโกรธ
“จี้จิ่งเชิน ฉัน ….. ”
เธอจะพูดออกไปก็โดนจี้จิ่งเชินกอดเอาไว้
เขาขยับกอดเชื่องช้าและค่อยๆกระชับแขนเข้าทีละน้อย
เหมือนกับค่อยๆซึมซับความรู้สึกที่มีเธออยู่ตรงนี้อย่างช้าๆ
จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังรุนแรงไม่หายไป
“คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
เขากระซิบบอกแผ่วเบา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตรงหน้าเธอนี้ ในใจก็เดาอะไรออกมาได้อย่างหนึ่งที่ทำให้ภายในใจสั่นไหว
จี้จิ่งเชินคิดว่าเธออยู่ในนั้นเหรอ?
เลยรีบเข้าไปหาเธองั้นเหรอ?
จี้จิ่งเชินกอดเธอเอาไว้แน่น เสียงของเขาดูหวาดกลัวอยู่ในที่ราวกับว่าตอนนี้ความกลัวอย่างหนักยังไม่หายไป
“คุณทำให้ผมเป็นบ้า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจะพูดบางอย่างออกไป แต่ในที่สุดก็หลุดคำพูดออกมาเพียงสองคำเท่านั้น
“ขอโทษ”
จี้จิ่งเชินเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด
“ต่อไปห้ามทำแบบนี้แล้วนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรออยู่ครู่หนึ่งให้เขาสงบลงแล้วจึงพูดออกไปอย่างเนิบนาบว่า
“ขอโทษจริงๆค่ะที่ทำให้คุณเป็นห่วง จี้จิ่งเชินคุณอย่าโกรธไปเลยนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรเลย”
พูดจบไปพักหนึ่งแล้วแต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบสนองใดๆกลับมา
“จี้จิ่งเชิน?”
เธอเอื้อมมือออกมาแล้วแตะที่หลังของเขาเบา ๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังไร้ซึ่งการตอบสนอง
ขณะเดียวกันนั้นก็รู้สึกอุ่นร้อนกลางฝ่ามือ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือตัวเองขึ้นแล้วจึงเห็นว่ามือนั้นเต็มไปด้วยเลือด
ก้มลงไปมองที่พื้นตามทางที่จี้จิ่งเชินเดินมานั้น ปรากฏคราบเลือดลากยาวมาถึงตรงนี้
ขาเธออ่อนแรงไปหมด จี้จิ่งเชินล้มลงคุกเข่ากับพื้น
“จี้จิ่งเชิน คุณทำให้ฉันกลัวนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสะบัดหัวไปมา ความตื่นตระหนกกลัวแผ่ซ่านลึกไปทั่วหัวใจ น้ำตาก็ไหลออกมาทันที
“จี้จิ่งเชิน?”
จงหลีกับพ่อบ้านรีบพาคนมาช่วยทันที
“เร็วเข้า รีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาล!”
คนจำนวนหนึ่งรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงจี้จิ่งเชินขึ้นแต่มือของจับแน่นอยู่ที่เอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน แยกออกไม่ได้
“ฉันไปกับพวกคุณด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบบอกออกไป
เธอยันตัวเองยืนขึ้นและประคองจี้จิ่งเชินเดินไปขึ้นรถพยาบาลด้วยความยากลำบาก
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจงหลีและคนกลุ่มหนึ่งก็มาช่วยกัน ในที่สุดก็เอามือของจี้จิ่งเชินออกจากการเกาะกุมเอวของหญิงสาวได้แล้วรีบนำเข้าห้องผ่าตัดทันที
อีกด้านหนึ่งเฟิงจี้นรีบออกจากที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงบ้านตระกูลเจียงก็โดนเจี่ยงเนี่ยนเหยาซักถามทันที
“เป็นไงบ้าง? สำเร็จไหม?”
เฟิงจี้นวางมือลงบนไหล่หญิงสาวแล้วตามเธอเข้าไปในห้อง
เจี่ยงเนี่ยนเหยารีบผลักชายหนุ่มออก
“บอกมาสิ เวินเที๋ยนเที๋ยนล่ะ มันตายหรือยัง?”
เฟิงจี้นส่ายหัวให้คำถามเมื่อครู่
เจี่ยงเนี่ยนเหยารีบพูดต่อว่า “บาดเจ็บเหรอ?”
“เธอไม่เป็นอะไร ผมปล่อยเธอไปเอง”
“อะไรนะ?”
ทันใดนั้นใบหน้าของเจี่ยงเนี่ยนเหยาก็เปลี่ยนไปในทันที เธอดึงมือของเฟิงจี้นขึ้นมาแล้วพลางยืนขึ้น
“เฟิงจี้นคุณกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม? ปล่อยไปแล้วงั้นเหรอ?”
เธอพูดจาเยาะเย้ยด้วยความไม่เชื่อ “นี่คุณโง่หรือโง่เนี่ย เราลงทุนทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้เพื่อจะจับมันมาให้ได้แต่คุณกลับบอกว่าปล่อยมันไปเนี่ยนะ!”
“เธอบอกว่าจะเลิกให้เร็วที่สุด”
เฟิงจี้นยื่นมือออกไปดึงมือของหญิงสาวเอาไว้พลางพูดว่า “ผมไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้ว ผมไม่อยากอยู่แบบหลบๆซ่อนๆอีกต่อไปแล้ว”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาแกะมือของเขาออกจากการเกาะกุมอย่างเย็นชาและแสนรวดเร็ว
“มันพูดแบบนั้นแล้วคุณก็เชื่อเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ตอนนี้นั่งอยู่ในตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลจี้ มีหน้ามีตาขนาดนั้น มีความสุขมากมายขนาดนั้น มันจะยอมไปได้ยังไง?”
“มีแค่คุณเท่านั้นแหละที่เชื่อมัน!”
พูดออกมาทั้งสองประโยคนั้นด้วยการดุด่าและโกรธเคืองทั้งสิ้นมองกลับไปแล้วเห็นหน้าของเฟิงจี้นดูไม่ค่อยสู้ดี
เห็นเช่นนั้นแล้วจึงคิดได้ น้ำเสียงถึงได้อ่อนลงอีกครั้ง
เธอค่อยๆนั่งลงข้างเฟิงจี้น
“เฟิงจี้นฉันไม่ได้จะโทษคุณนะแต่ฉันแค่เป็นห่วง”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาจับแขนของเฟิงจี้นเอาไว้แล้วเอนตัวซบลงบนไหล่ของเขา
“คุณไม่รู้ว่าเธอน่ะร้ายกาจขนาดไหน ยังไงเธอก็ไม่ยอมเลิกลาไปแน่ๆ”
สีหน้าของเฟิงจี้นค่อยๆดีขึ้นแล้วจึงยื่นมือออกไปกอดเจี่ยงเนี่ยนเหยาเอาไว้
“ถ้าเธอไม่ยอมไปจริงๆ ผมจะช่วยคุณจัดการเธอเอง เนี่ยนเหยา คุณไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครขวางเราได้หรอก”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาเอนกายซบลงบนหน้าอกของเขาแล้วพยักหน้าอย่างสุขใจ
“ว่าแต่ตอนที่คุณไปวางเพลิงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะ……คุณไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ใช่ไหม?”
“ไม่ครับ”
เพียงนึกภาพในเวลานั้น เฟิงจี้นก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
เจียงหยู่เทียนคนนั้นโหดร้ายใจดำกว่าที่เขาคาดไว้มาก สามารถจุดไฟเผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เลี้ยงเธอจนโตมาถึงทุกวันนี้ได้ลง
แม้แต่คณบดีก็ต้องตายอยู่ในนั้น
คนแบบนี้อยู่ห่างเอาไว้จะดีที่สุด
เขาจูบที่หลังมือของเจี่ยงเนี่ยนเหยาด้วยความไม่สบายใจพลางเตือนเธอว่า “อย่าอยู่ใกล้เจียงหยู่เทียนไว้จะดีที่สุด ผมกลัวว่าต่อไปเขาอาจจะทำให้คุณแย่นะ”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาหัวเราะออกมาอย่างปกติที่เคยเป็น ปากนั้นดูน่ารักและฉลาดอยู่ในที
“รู้แล้วหน่า แค่มีคุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ”
เฟิงจี้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความคิดถึงปนอยู่ในนั้น
“เนี่ยนเหยา…..”
เขาพูดเบาๆแล้วโน้มศีรษะลงเพื่อจะจูบเธอ
เพิ่งจะได้พบกันแต่เจี่ยงเนี่ยนเหยากลับผละออกแบบนี้
“ถ้าพ่อกับแม่มาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี”
เธอยืนขึ้นเพื่อหลบหลีกการกระทำของเฟิงจี้น
“คุณรีบไปเถอะจะได้ไม่มีใครมาเห็น”
เฟิงจี้นพยักหน้าอย่างเสียใจ
เขายืนขึ้นพลางดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วจูบซับลงที่มุมปากของเธอ
“ไว้ครั้งหน้าผมจะหาโอกาสมาหาคุณอีก”
หลังจากพูดจบเขาก็กระโดดออกจากหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาจากไป เจี่ยงเนี่ยนเหยาก็ยืนขึ้นแล้วไปปิดหน้าต่าง ในตอนนี้เธอไม่ได้พยายามปกปิดใบหน้าที่แสดงออกถึงการรังเกียจและความไม่พอใจอีกแล้ว
“ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ยังจะมีหน้ามาหาฉันอีก”
เธอเช็ดรอยจูบที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ สบถคำด่าไปหน่อยแล้วจึงหันกลับไปโทรหาเจียงหยู่เทียน
“ฮัลโหล เป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เจียงหยู่เทียนกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชังอย่างที่สุด
“มีคนเข้ามาวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง”
“ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาดุด่าต่อว่า “เรื่องเล็กแค่นี้ยังทำให้ดีไม่ได้ เธอรู้ข่าวบ้างไหมว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสียหายไปมากน้อยแค่ไหน คนที่ควรจะตายดันไม่ตาย คนที่ไม่ควรจะตายดันตายซะได้”
“ถึงเวลาที่เขาสอบสวน เธอก็อย่ามีพิรุธล่ะ”
เจียงหยู่เทียนเมื่อเห็นว่าเธอนั้นช่างจิตใจคับแคบแสดงออกเหมือนตนเองไร้ซึ่งความผิด ขาวสะอาดไร้มลทินแบบนี้เธอก็ไม่พอใจเล็กน้อยแต่ตอนนี้ไม่อาจต่อต้านอะไรได้
“ฉันทราบดี ถ้าฉันมีแผนใหม่เมื่อไหร่ไว้ค่อยไปหาคุณแล้วกัน”
สายโทรศัพท์สิ้นสุดลง
เจี่ยงเนี่ยนเหยานั่งอยู่บนเตียงด้วยความไม่สบายใจ
ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องสงสัยแล้วแน่ๆ คงกำลังเป่าหูจี้จิ่งเชินอยู่ ไม่ต้องบอกว่าเป็นเธอ ทั้งหมดของตระกูลเจี่ยงก็พังครืนง่ายดายเพียงแค่ชี้นิ้วสั่งเท่านั้น
ทันทีที่คิดก็ยิ่งทำให้ความกังวลของเธอมากขึ้นไปอีก
ไม่ได้ จะรอต่อไปแบบนี้ไม่ได้
แม้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่ยอมเลิกลาไป เธอก็ต้องจัดการเวลาให้ดีแล้วรีบคว้าตัวจี้จิ่งเชินมาให้ได้