เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 131 ผิดคาด
บทที่ 131 ผิดคาด
จี้จิ่งเชินย่นคิ้วเข้าด้วยกันพรางสายตามองไปที่กองเพลิงตรงหน้านั้น
รู้สึกกระวนกระวายจากไฟที่ลุกโชนอยู่ในตอนนี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงรีบหันกลับอย่างรวดเร็วและมุ่งตรงไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในทันที
ไฟที่ลุกโชนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนหน้านั้นเบาลงบ้างแล้วแต่ยังไม่มอดสนิทไป
ผนังโครงสร้างอาคารถูกไฟลุกไหม้จนดำสนิทพังครืนลงมา ทุกอย่างพังทลาย สร้างความตกตะลึงให้กับผู้พบเห็น
เมื่อจี้จิ่งเชินและท่านเปิงมาถึงก็พบเข้ากับผู้คนมากมายยืนอยู่ทั่วบริเวณ
หลังจากมองหาจนทั่วบริเวณโดยรอบแล้วกลับไม่เจอเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินยืนจึงถามคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้น
“คุณพอจะเห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบขวบ สวมชุดกระโปรงสีขาวไหมบ้างไหม?”
ชายคนนั้นขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง
“ โอ้ เมื่อครู่มีผู้หญิงคนหนึ่ง เห็นไฟที่ลุกไหม้อยู่ก็วิ่งพุ่งเข้าไปด้านในนั้นจะห้ามก็ห้ามไม่อยู่”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วพร้อมข้างในหัวใจที่เต้นเร็วสั่นระรัวอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา
เขารีบเดินเข้ามาด้านในยังไม่ได้เอ่ยปากถามสิ่งใด เสียงพูดคุยจากผู้คนรอบข้างก็แล่นผ่านเข้ามาในหู
“ น่าสงสารจริงๆ ทันทีที่ได้ยินว่าเด็ก ๆ ยังติดอยู่ข้างในก็รีบพุ่งเข้าไปเลย”
“ชีวิตดีๆชีวิตหนึ่งต้องมาตายคากองเพลิง”
“ใช่น่ะสิ คนดีๆแบบนี้ทุกวันนี้ก็มีไม่มากแล้ว”
“ได้ยินมาว่าตอนนี้ก็ยังไม่พบร่างด้วยนะ”
“…..น่าเสียดายจริงๆ แต่งงานมีลูกแล้วหรือยังก็ไม่รู้”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้นร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินพลางหันศีรษะกลับไปมองกลุ่มคนที่เอาแต่พูดก่อนหน้า
กลุ่มคนพวกนั้นเมื่อเห็นสายตาของจี้จิ่งเชินก็พากันเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมาอีก
ท่านเปิงเองเมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขาก็ตัวสั่นตกใจ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเหมือนกัน
“ที่พวกเขาพูดกัน มันคงไม่ใช่…..”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนไปทันที สีหน้านั้นแสดงออกถึงความดุร้าย เดือดดาลในห้วงอารมณ์ ภายใต้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขากระชากคนที่พูดประโยคก่อนหน้าขึ้นมา
“เขาอยู่ไหนล่ะ มีใครช่วยเขาออกมาหรือยัง?”
อีกฝ่ายตกใจจากการกระทำของเขา
“ยัง..ยังไม่มี”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้นหัวใจของเขากระตุกวาบทันทีราวกับว่ากำลังโดนมือบีบเคล้นอย่างหนัก ย้ำชัดตรงหัวใจ
เขาควบคุมการหายใจของตนเอง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยู่พักหนึ่งในที่สุดจึงค่อยๆผ่อนคลายลง
แต่วินาทีถัดมาเขากลับวิ่งเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่โดนไฟเผาไหม้ไปก่อนหน้านั้น
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงตกใจรีบห้ามเขาไว้
“ คุณเข้าไปไม่ได้นะครับ!”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินแสดงออกชัดเจนถึงความดุร้าย เขาผลักพนักงานดับเพลิงให้หลีกออกไป
ดวงตาเบิกกว้างราวกับแตกสลาย เสียงที่เอ่ยออกมาสั่นสะเทือนก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง
“ภรรยาผมอยู่ในนั้น!”
พูดจบเขาก็สลัดคนข้างหน้าออกไปและกระโจนเข้ากองไฟโดยไม่หันกลับมาอีก
“จี้จิ่งเชิน!”
ท่านเปิงตะโกนออกไปด้วยความกลัวสุดขีดแต่ก็สายเกินไปที่จะหยุดเขาไว้ ทำได้เพียงมองร่างที่ค่อยๆหายลับเข้าไปในกองเพลิง
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างรวดเร็ว โทรหาตระกูลจี้เพื่อหาคนมาช่วย
ผู้หญิงที่พูดกับจี้จิ่งเชินเมื่อครู่กลับพูดซุบซิบขึ้นมาว่า
“น่าแปลก คณบดีเฉินเขาแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ได้ยินดังนั้นท่านเปิงจึงหันกลับไปมองทันที
“คุณพูดว่าอะไรนะ? ใคร? คุณพูดว่าคณบดีเฉินอยู่ในนั้นเหรอ?”
ชายคนนั้นพยักหน้า
“คณบดีเฉินเป็นคนดีมาก น่าเสียดายจริงๆ”
ท่านเปิงส่ายหัวด้วยความประหลาดใจพลางถามว่า “ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวใช่ไหม?”
“เด็กผู้หญิงเหรอ?”
อีกฝ่ายหนึ่งค้างอยู่ครู่หนึ่งก็นึกขึ้นได้
“ โอ้ เด็กคนนั้นตอนแรกก็จะวิ่งเข้าไปด้วยแต่ถูกนักดับเพลิงขวางไว้แล้วเอาออกมา”
เธอหันหลังและชี้ไปแต่กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
“แปลกจริง ไปไหนซะแล้วล่ะ?”
ท่านเปิงได้ยินดังนั้นตกใจหน้าสลด รีบร้อน กระวนกระวายใจจะเข้าไปด้านในนั้น
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงหยุดเขาได้ทันในครั้งนี้
“คุณเข้าไปข้างในไม่ได้นะครับ!”
ท่านเปิงรีบร้อนจนตัวหมุนวุ่นวายอยู่อย่างนั้น
“โอ้! ผิดแล้ว! เข้าใจผิดแล้ว! จี้จิ่งเชิน! รีบออกมาเถอะ!”
แต่จี้จิ่งเชินที่หายลับเข้าไปในกองเพลิง ไม่มีทางได้ยินเสียงเขาอย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายคนทำงานอย่างรวดเร็วและเชื่อมต่อท่อดับเพลิงอีกครั้ง
“มีคนเข้าไปด้านใน รีบดับไฟให้เร็วที่สุด”
นักดับเพลิงทุกคนยุ่งกับการช่วยกันควบคุมเพลิงให้ได้เร็วที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกบังคับให้ไปนั่งอยู่ที่มุมผนังด้านหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก
ชายข้างหน้าเขาสวมหมวกแก๊ป แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำใบหน้าบ้าระห่ำลึกด้วยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญในที
เวินเที๋ยนเที๋ยนไล่ตามเขามาในที่สุดก็พลาดท่าโดนบังคับให้มานั่งข้างผนังนี่
“คุณเป็นคนวางเพลิงที่นี่ใช่ไหม?”
อีกฝ่ายยิ้มกว้าง
“หากจะโทษใครสักคนก็ต้องโทษคุณที่ไม่รู้จักดีหรือเลว ทำอะไรไม่คิดจนไม่ยุ่งกับของที่ไม่ใช่ของตัวเอง”
ตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“คุณ…..เจี่ยงเนี่ยนเหยาส่งคุณมางั้นเหรอ?”
เฟิงจี้นดึงดาบสั้นที่แนบกายไว้ออกมาพลางก้าวไปใกล้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณเรื่องเยอะเกินไป”
ในดวงตาของเขาฉายแววเย็นยะเยือก ง้างดาบสั้นที่ถือไว้มั่นในมือขึ้น
“เดี๋ยวก่อน”
ในเวลานี้เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองและพบเข้ากับใครบางคนที่เดินเข้ามาจากด้านนอก
แม้ว่าอีกคนหนึ่งสวมหน้ากากเอาไว้แต่ดวงตาคู่นั้น เงาของเขามองเพียงครู่เดียวก็รู้ดีว่าเป็นใคร
เธอก้าวถอยหลังด้วยความตกใจจนร่างกระแทกชนกับกำแพง
“เจียงหยู่เทียน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”
เจียงหยู่เทียนหัวเราะเบา ๆ แววตาฉายความชั่วร้ายออกมา
“แปลกใจเหรอ?”
ก้าวเท้าของเธอมาข้างหน้าและถอดหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าของเธอออก
แผลเป็นยาวปรากฏให้เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตา
จากแก้มซ้ายของเธอลัดเลาะเป็นบาดแผลลากยาวไปจนถึงขากรรไกรขวา
แม้ว่าบาดแผลจะหายเป็นปกติดีแล้วแต่ดูเหมือนว่ามันยังคงมีคราบเลือดอยู่ เนื้อหนังก็ถูกเปิดออกอย่างน่ากลัว
ลักษณะบาดแผลลากยาวเหมือนหนอนตัวหนึ่งที่มันอาจบิดตัวขยับได้ตลอดเวลา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา
“คุณไม่ได้ออกนอกประเทศหรอกเหรอ?”
“เหอะ”
เจียงหยู่เทียนส่งเสียงเย้ยหยัน “ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้พวกแกจะปล่อยฉันไปงั้นสิและถ้าฉันไม่พูดแบบนี้ป่านนี้แกก็คงตายไปนานแล้วล่ะ”
“จะว่าไปถ้าฉันไปซะแบบนั้นแล้วใครจะช่วยฉันแก้แค้นล่ะ?”
เธอหยิบดาบสั้นในมือของเฟิงจี้นเอาไว้แล้วเดินไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
“แกทำให้หน้าฉันเป็นแบบนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันคิดทุกวันคิดทุกคืนถึงช่วงเวลาที่จะได้ค่อยๆเลาะหนังของแกออกมาให้หมด”
“ฉันจะทำให้แกได้ลิ้มรสในสิ่งที่แกทำกับฉัน!”
ปรากฏรอยยิ้มที่คืบคลานไปพร้อมกับรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอซ่อนความแปลกประหลาดซึมลึกอยู่ในนั้น
เจียงหยู่เทียนตบหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยสันดาบที่ถืออยู่ “ลองทายดูสิว่าถ้าฉันเลาะหนังแกออกมาแบบนี้แล้วจี้จิ่งเชินเขายังจะชอบแกอยู่ไหม?”
หลังจากพูดจบเธอหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เธอก็พบว่าสายตาของเจียงหยู่เทียนก็ดูบ้าคลั่งไม่ต่างกัน
เธอหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หยุดลง ดวงตาฉายแววเกลียดชังชัดเจน ง้างมือขึ้นมาแล้วแทงดาบสั้นที่ถืออยู่ในมือลงไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วคว้าดาบสั้นไว้ในมือ
คมมีดบาดฝ่ามือจนเลือดออก
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ขยับหลีกไปไหน
เธอมองดวงตาเจียงหยู่เทียนที่อยู่ต่อหน้านี้ ดวงตาของเธอแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธและความเศร้าโศก
“ทำไมเธอต้องเผาสถานเด็กกำพร้าด้วย!”
เจียงหยู่เทียนยิ้มอย่างตะลึงงันแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฉันเคยบอกแกไปแล้วที่พังๆแบบนี้เก็บไว้จะมีประโยชน์อะไร? ฉันก็แค่ช่วยพวกเขา”
“เผาให้ราบ ตายไปก็สิ้นเรื่อง”
พูดไปก็ชายตามองเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา
“ ถ้าฉันไม่เผาแบบนี้ แกก็คงไม่ตามออกมาแล้วฉันจะแก้แค้นได้อย่างไรล่ะ?”