เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 122 แจกันดอกไม้ของราชวงศ์ซ่ง
บทที่ 122 แจกันดอกไม้ของราชวงศ์ซ่ง
“เธอรอเดี๋ยว”
พูดจบ เขาก็นำเรื่องประวัติความเป็นมาของการพัฒนาเครื่องเคลือบดินเผา ออกมาแล้วเปิดหาไปยังหน้าที่พูดถึงอยู่
“ท่องใหม่ตั้งแต่แรก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้บ่นว่าแต่อย่างใดทำเพียงท่องใหม่อีกครั้งตามที่อีกฝ่ายสั่ง
ท่านเปิงขมวดคิ้วพลางพลิกกลับไปสองสามหน้าและเอ่ยออกมาประโยคหนึ่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยนจำเอาไว้ให้ดี
เหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อไปซ้ำๆ หนังสือเปลี่ยนเล่มแล้วเปลี่ยนเล่มเล่าในที่สุดก็หยุดลง
เขาขมวดคิ้วพลางลอบมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“นี่เธอโกงหรือเปล่า? หนังสือตั้งมากมาย จำทั้งหมดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวของเธออย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้โกงนะคะ ฉันท่องมาจริงๆ”
ท่านเปิงไม่เชื่อเด็ดขาด ครั้งนี้เขาคิดมาแล้วว่าจะต้องไม่มีใครทำสำเร็จอย่างแน่นอน ใครจะจำได้เร็วขนาดนี้กัน?
เขาคิดแล้วคิดอีกในใจก็ยังคงไม่เชื่อเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาหันไปแล้วหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากตู้ด้านหลังพลางเปิดมันออกมา ภายในบรรจุโถลายครามสีฟ้าและสีขาวอยู่หลายชิ้น
“ได้ยินมาว่าเธอซ่อมโถลายครามสีฟ้าและสีขาวของท่านจางได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ซ่อมอันนี้ด้วยแล้วกัน”
“นี่คือเครื่องเคลือบในสมัยราชวงศ์ซ่งมันมีมูลค่ามาก ช่วงนี้เธอต้องมาซ่อมมันที่นี่ เรียบร้อยแล้วผมจะกลับมา”
พูดจบแล้วก็รีบออกไปไม่ได้รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนแสดงความเห็นด้วยหรือตกลงแต่อย่างใด
หลังจากเดินออกไปสักพัก เขากลับเปลี่ยนใจแล้วแอบซ่อนอยู่ตรงหน้าต่างแล้วดูเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ภายในนั้น
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังคิดอย่างหนักและระมัดระวังในการซ่อมให้เหมือนที่สุด เขาก็ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“นั่นไม่ใช่โถลายครามสีฟ้าและสีขาวของราชวงศ์หมิงมันเป็นแค่ของเลียนแบบที่วายขายในร้านค้าทั่วไปและเขาซื้อมันมาในราคายี่สิบหยวน แค่นี้ยังแยกไม่ออกแล้วจะซ่อมมันได้อย่างไร?”
เขาสะบัดแขนเสื้อไปมาอยู่หลายทีแล้วจึงหันหลังให้แล้วเดินจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังอยู่ในห้องเรียนพลางสังเกตโถลายครามสีฟ้าและสีขาวในมือของเธอ
ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
โถลายครามสีฟ้าและสีขาวนี้แปลก
ใช้เครื่องมือที่ท่านเปิงทิ้งไว้แล้วเริ่มซ่อมแซมแจกันตรงหน้านั้นทันที
แจกันสูงยี่สิบเซนติเมตร เวินเที๋ยนเที๋ยนใช้เวลาสามวันในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์ตามกระบวนการทุกอย่าง
แต่เมื่อค่อยๆมองที่แจกันตรงหน้าเธอนี้ ความสงสัยก็ยิ่งก่อตัวมากขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะมองอย่างไรแจกันนี้ก็ไม่ใช่แจกันที่ถูกผลิตขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงอย่างแน่นอน
ฝีมือหยาบเกินไปไม่แตกต่างจากแจกันที่วางขายในร้านค้าทั่วไปเลยสักนิด
แต่ก่อนที่ท่านเปิงจะไปเขาบอกอย่างชัดเจนว่านี่เป็นโถลายครามสีฟ้าและสีขาวของราชวงศ์ซ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะโทรหาท่านจางแล้วถามเรื่องราวของท่านเปิง
เมื่อได้ยินดังนั้นท่านจางก็พูดออกมาต่อว่า “อืม ท่านเปิงนายคนนี้น่ะก็ไม่อะไรหรอก ตระหนี่แล้วก็เป็นพวกชอบคิดเล็กคิดน้อย ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นคนมีความสามารถนะใครจะสนใจเขากัน”
“ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้เขาเคยดูโบราณวัตถุไม่ออกบ้างหรือไม่ว่าชิ้นไหนแท้หรือปลอม?”
“แบบนั้นเหรอ? เหมือนจะไม่เคยนะ”
ท่านจางคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “ไม่เคยนะ ทุกครั้งที่ผมมีของอะไรก็เอาไปให้เขาดูตลอด”
วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มองโถลายครามสีฟ้าและสีขาวในมือของเธอ
แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าโถลายครามนี้เป็นของปลอมแต่เธอก็ตัดสินใจซ่อมแซมมันก่อนน่าจะดี
บางทีมันอาจมีความหมายลึกซึ้งกับท่านเปิงก็ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มศีรษะของเธอลงแล้วจดจ่อกับรายละเอียดในการซ่อม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดดังเข้ามาจากด้านนอกประตู
“จิ่งเชินคุณมาทำอะไรที่นี่คะ? หรือว่าคุณจะมารับฉัน?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้การกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หยุดชะงักลง
เสียงของเจี่ยงเนี่ยนเหยาไม่ใช่เหรอ?
และเธอเรียกจิ่งเชิน……
จี้จิ่งเชินมาที่นี่งั้นเหรอ?
เธอเงยหน้าขึ้นมองผนัง ทันใดนั้นก็รู้ทันทีว่าตอนนี้มันเกือบจะทุ่มนึงแล้ว!
ไม่แปลกใจที่เธอจะรู้สึกว่าแสงมันเริ่มสลัวเต็มทีแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเก็บของแล้วตรงไปเปิดประตูทันที
พบเข้ากับใบหน้าของจี้จิ่งเชินและเจี่ยงเนี่ยนเหยาทันทีข้างนอกนั่น
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเย็นชาไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆบนใบหน้า เสื้อสูทถูกถอดออกและพาดพับไว้บนแขนของเขาอย่างไม่ตั้งใจนัก
ดูเหมือนว่าจะมารออยู่พักหนึ่งแล้ว
เจี่ยงเนี่ยนเหยายืนอยู่ตรงข้ามเธอพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมพวกคุณ..….”
จี้จิ่งเชินรีบหันมามองเมื่อเห็นว่าเธอเปิดประตูออกมาแล้ว
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว คิ้วก็ขมวดขึ้น น้ำเสียงก็จริงจังขึ้นเช่นกัน
“ก่อนหน้านี้เธอจะพูดอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนงุนงงเล็กน้อยพลางพูดตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรากลับบ้านไปกินข้าวกันดีกว่านะ…… คุณรออยู่ตรงนี้นานหรือยังคะ?”
“ไม่นาน”
เขาพูดตอบอย่างไม่จริงจัง
ในความจริงแล้วทันทีที่เขาออกจากบริษัท จี้จิ่งเชินได้โทรไปหาที่ปราสาทมาก่อนจึงรู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่กลับ เขาจึงตรงมาที่มหาวิทยาลัยลืบซานเลยทันที
เดิมทีตั้งใจจะมารับกลับไปพักผ่อนแต่ทันทีที่เขาเดินไปเห็นว่าหญิงสาวตั้งใจและอุทิศตนให้กับการทำงานมากขนาดนั้นก็เลิกคิดในทันที
เขากลับยืนอยู่ที่ประตูเพื่อรอเวินเที๋ยนเที๋ยนแทน
แต่ก่อนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเสร็จเจี่ยงเนี่ยนเหยาก็ดันมาพอดี
เขาเกือบลืมไปว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เจี่ยงเนี่ยนเหยาก็เข้ามาที่มหาวิทยาลัยลืบซานเหมือนกัน
และบังเอิญได้อยู่ห้องเดียวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำที่รวดเร็วของเขาที่รีบนำอีกคนออกมาแล้วล่ะก็ทั้งสองคนต้องบังเอิญเจอกันอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าความสนใจของคนทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่เธอ เจี่ยงเนี่ยนเหยาก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย
เธอหันไปมองห้องเรียนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกมาแล้วพบว่าเป็นห้องเรียนเก่าเธอก็ขมวดคิ้วอย่างจับผิดขึ้นมาทันที
“เธอมาเรียนที่นี่เหรอ? งั้นทำไมที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ?”
ในตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่าเมื่อมาถึงมหาลัยแล้วจะให้จี้จิ่งเชินอบรมเวินเที๋ยนเที๋ยนสักหน่อยแต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อมาถึงอีกฝ่ายจะไปเสียแล้ว
ไม่ได้คาดคิดว่าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่
เธอมองอยู่เนิ่นนานว่านี่เป็นสถานที่เก่าและมีผู้คนมากันไม่มากนัก
เมื่อรู้ดีถึงสิ่งนี้แล้วเธอจึงยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ในเมื่อทุกคนมากันแล้ว” เธอก้าวไปข้างหน้าแล้วยื่นมือจะไปดึงมือของจี้จิ่งเชิน
“จิ่งเชินงั้นคุณก็ไปส่งทุกคนกลับบ้านค่ะ”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นทันทีที่เธอขยับเข้าหา เขารีบถอยหลังเพื่อหลบหลีกการกระทำของเธอ
เจี่ยงเนี่ยนเหยาไม่ได้แตะตัวเขาแม้แต่นิด
เธอเค้นยิ้มออกมาชัดเจนบนใบหน้านั้นแล้วพะเน้าพะนอต่อว่า “คนขับรถของตระกูลเจี่ยงกลับไปก่อนแล้ว คุณวางใจให้ฉันกลับคนเดียวเหรอ?”
พูดไปก็กลัวว่าจี้จิ่งเชินจะไม่เห็นด้วยเธอจึงมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง
แม้ว่าใบหน้าจะประดับรอยยิ้มแต่ดวงตาของเธอกำลังขู่อย่างชัดเจน
“หรือเธออยากจะให้ฉันกลับคนเดียว?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะเอ่ยตอบ
จี้จิ่งเชินแทรกตอบขึ้นมาก่อนว่า “งั้นคุณก็กลับไปเลยสิ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่นแม้แต่นิด
พูดจบ เขาไม่ได้สนใจเจี่ยงเนี่ยนเหยาที่หยุดชะงักงันไป ทำเพียงพาเวินเที๋ยนเที๋ยนออกมาเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินห่างออกมาสองก้าว ไม่กล้าจะหันกลับไปมอง รู้สึกได้ถึงสายตาของเจี่ยงเนี่ยนเหยาแล้วชาวาบที่หลัง
“คราวหลังอย่าผลักใครมาให้ผมตามใจชอบอีก” จี้จิ่งเชินพูดออกมาทันทีหลังจากออกจากมหาวิทยาลัย
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“คุณรู้ได้อย่างไร?”
เมื่อครู่นี้เธอเกือบจะรับปากตกลงกับเจี่ยงเนี่ยนเหยาแล้ว
จี้จิ่งเชินเมื่อได้ยินว่าเธอยอมรับกลายๆแล้วใบหน้าก็นิ่งงันไปทันที