เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 251 รายงานท่านเทพสงคราม ทหารของผมมากันพร้อมแล้ว!
“ครับ”
ในงานเลี้ยงนี้ ซ่งเอ้อโก่วได้จัดวางกำลังคนจากบริษัท ว่านตง จำกัดเอาไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อได้ยินดังนั้นก็พากันออกมาอย่างเนืองแน่น หลายร้อยคนล้วนมีสีหน้าดุร้าย
โดยเนื้อแท้แล้วบริษัท ว่านตง จำกัด ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดี
“วันนี้ไม่ใช่แค่บริษัท ว่านตง จำกัดของแกเท่านั้น ตระกูลหลิ่วและตระกูลจางของฉันก็ต้องการให้เจ้าหมอนี่ตายอย่างไร้ที่ฝังศพ” ทันใดนั้นหญิงอีกคนหนึ่งในนี้ได้ก้าวออกมาพูด
หลิ่วย่านย่าน!
ทุกคนต่างรู้จักตัวตนของเธอคนนี้ดี คุณหนูตระกูลหลิ่ว!
ในเวลานี้ ทุกคนได้สังเกตเห็นจางเทียนจื๋อที่มือถูกพันด้วยผ้าพันแผล สีหน้าหม่นหมองอยู่ข้างกายเธอ เขายังกล่าวอีกว่า “เจ้าหมอนี่ทำให้มือทั้งสองของฉันใช้การไม่ได้ ตระกูลจางของฉันกับคนคนนี้จะสู้กันจนตายกันไปข้างหนึ่ง และฉันก็ได้แจ้งทางตระกูลของฉันไปแล้ว อีกไม่นานเวลานั้นจะมาถึง ครั้งนี้ ฉันจะทำให้ไอ้หนุ่มนั่นอยู่ก็เหมือนตาย!”
สามตระกูลทรงอิทธิพลสูงสุด!
ตระกูลจางและตระกูลหลิ่วไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบริษัท ว่านตง จำกัดที่ทำตัวเป็นเจ้าถิ่นชอบรังแกชาวบ้านอยู่ในเมืองเทียนหลิงเลย
“เขาคนนี้เห็นได้ชัดว่ามาคิดบัญชี น่าเสียดายที่บริษัท ว่านตง จำกัดได้เตรียมตัวมาแล้วหลายเดือน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา จึงได้จัดเตรียมคนเอาไว้หลายร้อยคนอย่างแข็งขัน”
“จุ๊ๆๆ มีเงินแล้วมีประโยชน์อะไร ต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้ มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างพากันส่ายหน้า
มีเงินแล้วจะมีประโยชน์อะไร บริษัท ว่านตง จำกัดมีการวางกรอบล้อมศัตรูไว้อย่างแน่นหนา
ส่วนปาวหลงกลับยังคงตกอยู่ในสภาวะตกตะลึงเมื่อครู่ คนคนนี้เก่งกาจถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
เป็นคนรวยจริงๆ
เมื่อคิดได้ดังนี้ปาวหลงก็วิ่งเข้ามาที่ข้างกายฉินเฟิง ถูฝ่ามือไปมาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายท่าน สองร้อยล้าน ครั้งนี้ผมจะทำให้คุณหนีออกไปได้เป็นไง? คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมมีความมั่นใจ”
“นายไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
ฉินเฟิงมองไปที่ปาวหลง
“เรื่องนั้นนายท่านไม่ต้องสนใจ ผมมีวิธีก็แล้วกัน” ปาวหลงพูดพร้อมกับหัวเราะ
มันเรียกว่า ช่วยเหลือในยามคับขัน
ไม่ใช่แค่ยี่สิบล้าน แต่ยังเป็นน้ำใจที่แสดงให้เศรษฐีคนนี้เห็นด้วย
คุ้มค่า
และเขาก็มีวิธีที่จะคุ้มครองความปลอดภัยของฉินเฟิงจริงๆ
แต่ฉินเฟิงก็ส่ายหน้า “งั้นก็ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ต้องการหนี ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรฉันได้”
“คุณ! เฮ้อ!”
ปาวหลงไม่รู้จะพูดอย่างไรกับฉินเฟิงแล้ว เขาตบหัวเข่าฉาดและสงสัยว่าทำไมคนคนนี้ถึงดื้อรั้นถึงเพียงนี้ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว สามตระกูลกำลังรุมล้อมเล่นงานเขา
หรือเขายังคิดว่าตัวเองสามารถหลบหนีได้พ้น?
“ไม่ต้องการจริงเหรอ? ผมจะลดราคาให้คุณเป็น 19,999,000 หยวน” ปาวหลงลองถามดูอีกครั้ง
“ไม่ต้อง”
ฉินเฟิงส่ายหน้า “ในยุคนี้ ยังไม่มีใครสามารถทำให้ฉันต้องหลบหนี”
“คุณ อวดดีเกินไปแล้ว!”
ปาวหลงโกรธจัด เขาทำธุรกิจมานานหลายปี แต่ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน คนที่เย่อหยิ่งอวดดี คิดว่าตระกูลทรงอิทธิพลทั้งสามเป็นคนไร้ความสามารถ
ตอนนี้ยังพูดออกมาอีกว่า ‘ในยุคนี้ ยังไม่มีใครสามารถทำให้ฉันต้องหลบหนี’
จองหอง!
เย่อหยิ่ง!
คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด!
ปาวหลงคิดว่าชายคนนี้ประสาท ในสถานการณ์เช่นนี้ยังเย่อหยิ่ง
เขาออกไปจากที่นี่ทันที แต่ก็ยังคอยเฝ้าฉินเฟิงอยู่ไม่ไกล จับตามองฉินเฟิงอย่างไม่ละสายตา เขากำลังรอ เขากำลังรอให้ถึงเวลาวิกฤตของฉินเฟิง และขอความช่วยเหลือจากเขา
ถึงตอนนั้นเขาก็สามารถโก่งราคาได้
ถึงอย่างไรก็รวยขนาดนี้ ไม่ขูดรีดก็เสียดายแย่
และในขณะนั้นเอง หลิ่วย่านย่าน จางเทียนจื๋อ รวมถึงซ่งเฉิงก็ได้มาพบปะกันแล้ว ทั้งสามมาอยู่ตรงหน้าฉินเฟิงด้วยการสนับสนุนของผู้คนในบริษัท ว่านตง จำกัด
“ไอ้หนุ่ม วันนี้แกตายแน่!”
หลิ่วย่านย่านมองฉินเฟิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น
ไม่เคยมีใครปฏิเสธเธอมาก่อน เหตุใดฉินเฟิงถึงเป็นคนแรก!
มีดีอะไรถึงมาปฏิเสธเธอ!
“เด็กๆ ฆ่ามัน!”
สีหน้าของซ่งเฉิงดุร้าย ราวกับว่าคำพูดโกหกนั้นถูกเปิดโปงแล้ว แต่ก็ยังมีความหวาดหวั่นอยู่เช่นกัน เขาวางแผนการใหญ่มานานขนาดนี้ กำลังจะได้เป็นชนชั้นอภิสิทธิ์แล้ว แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับพวกฉินเฟิง
แต่พวกเขาก็มีคนเยอะขนาดนี้ เพียงพอที่จะฆ่าคนเหล่านี้ได้สำเร็จ
พรึ่บ พรึ่บ
หลายร้อยคนเข้ามาล้อมรอบพวกฉินเฟิงไว้อย่างมืดฟ้ามัวดิน ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่ฉินเฟิงยังคงเอามือไพล่หลัง มองดูภาพนี้ด้วยความสุขุม
“ไอ้หนุ่ม ความตายมาเยือนแล้ว แกยังไม่กลัวอีกเหรอ?”
เมื่อเห็นฉินเฟิงสงบนิ่งเช่นนี้ จางเทียนจื๋อก็ด่าใส่ทันที
“กลัว?”
ฉินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น “อย่าบอกนะว่า ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องกลัว?”
“ฮ่าๆ ฉันน่ะเหรอกลัว? ฉันต้องกลัวอะไร คนของตระกูลจางกำลังจะมาถึงแล้ว” จางเทียนจื๋อข่มความเจ็บปวด ยิ้มให้อย่างไม่แยแส เขาเคยฟื้นจากความตายมาก่อน
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมออกไปไหน เขาต้องการให้คนคนนี้ตาย!
อยู่อย่างตายทั้งเป็น!
มิฉะนั้นเขาจะไม่มีวันยอม
“คนของตระกูลจาง? จะมาได้จริงเหรอ?”
ฉินเฟิงย้อนถาม
“ฮ่า ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ…”
จางเทียนจื๋อยังพูดไม่ทันจบ
เสียงดังโครม
ร่างที่สะบักสะบอมถูกโยนเข้ามาที่ประตู ทำให้ทุกคนตกตะลึง เมื่อจางเทียนจื๋อจำร่างนั้นได้ก็ถึงกับตะลึงงัน ไม่ใช่แค่ตะลึงเท่านั้น แต่ถึงกับเซ่อไปเลย
เซ่อไปเลยจริงๆ
เพราะร่างที่สะบักสะบอมนั้นคือพ่อบ้านของตระกูลจาง
“คะ…คุณ…คุณชาย…รีบหนี…รีบหนีไป…ทหารทั้งหมดของเราพ่ายแพ้ยับเยิน” พ่อบ้านจางคนนั้นผงกศีรษะขึ้นมา พูดด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย
เขาใช้กำลังเฮือกสุดท้ายพูดประโยคนี้จนจบ
ทำให้ทุกคนตกใจมาก!
ทหารทั้งหมดพ่ายแพ้ยับเยิน!
ทั้งสี่คนนี้ทำให้จางเทียนจื๋อยืนตะลึงงันอยู่กับที่
และในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง คนที่อยู่ในงานประมูลมองออกไปด้านนอก คนแรกที่เห็นถึงกับกรีดร้องออกมา
“กองทัพ! กองทัพ! กองทัพมืดฟ้ามัวดิน มีกำลังทหารอย่างน้อยหมื่นนาย! คุณพระ!”
“แถมยังมีอาวุธหนักด้วย! คุณพระ!”
“ทางนั้นยังมีรถถังด้วย! นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว ฉัน…ฉัน…คนคนนี้คือใครกันแน่…”
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง!
ตอนนี้งานประมูลถูกล้อมรอบด้วยกองทหาร อาวุธหนักและรถถังก็รายล้อมพวกเขาไว้อย่างแท้จริง แมลงวันตัวเดียวยังบินออกไปไม่ได้เลย
“ทะ…ทำไมถึงเป็นอย่างนี้…ทำไมถึงเป็นอย่างนี้…”
หลิ่วย่านย่านและซ่งเฉิงก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกด้วย ความตกใจ ความเหลือเชื่อ รวมถึงความสิ้นหวังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา
กำลังของพวกเขาเข้มแข็งมาก!
แต่กองทัพฝั่งตรงข้ามคือกองทัพติดอาวุธครบมือ!
เทียบไม่ติดเลย
จากการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของตระกูลจางก็สามารถมองเห็นได้แล้ว!
“แก…แกเป็นใครกันแน่?”
ซ่งเฉิงมองไปที่ฉินเฟิงด้วยสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด เขารู้ว่าตัวเองถึงที่ตายแล้ว แต่เขาอยากรู้ว่าคนคนนี้คือใครกันแน่!
และในเวลานี้ เหลียงชิวโม่ที่อยู่ในเครื่องแบบทหารได้เดินเข้าไป ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในนี้ตกใจ เพราะพวกเขาทุกคนรู้จักบุคคลนี้ เขาคือผู้บัญชาการเขตทหารเมืองเทียนหลิง มีตำแหน่งที่น่าเกรงกลัว!
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขานำกองทัพมาถึงตรงหน้าฉินเฟิงและกล่าวทำความเคารพ “รายงานท่านเทพสงคราม ทหารของผมมากันพร้อมแล้วครับ!”
เทพสงคราม!
คำว่าเทพสงครามทำให้ทุกคนเหมือนมีฟ้าผ่าลงกลางหัวดังเปรี้ยง พวกเขาตกตะลึงงัน!