เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 252 กลับเมืองเจียงเฉิง
เทพสงคราม หมายความว่าอะไร!
ประเทศต้าหัวมีเทพสงครามเพียงองค์เดียวเท่านั้น นั่นคือเทพสงครามอีสเตอร์แลนด์ที่คอยปกป้องด่านชายแดน อาณาจักรโดยรอบแค่ได้ยินชื่อก็ขวัญหนีดีฝ่อแล้ว ภาพลักษณ์สง่างามดั่งวีรบุรุษ อานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกรดุจพยัคฆา!
มีทหารใต้บังคับบัญชาสามแสนนาย เป็นหนึ่งเดียวในโลก!
บุคคลเช่นนี้ จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ปาวหลงถึงกับมึนงง ที่แท้ชายคนนี้ไม่ได้พูดเล่น มันเป็นจริงเหมือนที่เขาพูดทุกอย่าง ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครควรค่าพอที่จะให้เขาไปค้นหาข้อมูล
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลบหนีเลย
ที่แท้ก็เป็นเทพสงครามในยุคนี้!
หลังจากเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ปาวหลงก็วิ่งหนีไปทันที ช่างขายขี้หน้านัก จะมาช่วยเทพสงครามอันดับหนึ่งแห่งประเทศต้าหัวหลบหนี
“รู้หรือไม่ว่าหลุมฝังศพที่แกขุดเป็นหลุมฝังศพของนายพลโจว ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบนายพลใต้บังคับบัญชาของฉัน? ซ่งเอ้อโก่ว แกกล้ามากที่ขุดหลุมฝังศพของนายพล”
ฉินเฟิงเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
พรึ่บ
ซ่งเอ้อโก่วทรุดนั่งลงกับพื้น จมอยู่ในภวังค์ เขาไม่ได้โต้แย้ง เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว เพราะไปขุดหลุมฝังศพของนายพล
“เทพสงครามได้โปรดไว้ชีวิตด้วย”
หลิ่วย่านย่านและจางเทียนจื๋อคุกเข่าลงอ้อนวอนขอชีวิตด้วยความหวาดกลัว
“ไว้ชีวิต? ตอนที่พวกแกต้องการทำลายฉัน เคยมีความนึกสงสารสักนิดไหม? เป็นคุณชายตระกูลเศรษฐีจนเคยตัวเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเป็นเลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลจางและตระกูลหลิ่วจะถูกค้นและยึดทรัพย์ บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดให้กับโครงการสงเคราะห์เด็ก ส่วนแก หลิ่วย่านย่านกับจางเทียนจื๋อ ไปติดคุกสักห้าหกปีแล้วค่อยออกมา เพื่อสัมผัสชีวิตคนธรรมดา”
ฉินเฟิงออกคำสั่งด้วยสายตาเย็นชา
“ขอบคุณเทพสงคราม”
แต่จางเทียนจื๋อและหลิ่วย่านย่านก็ยังรู้สึกขอบคุณมาก ถึงอย่างไรฉินเฟิงก็ไม่ได้ต้องการชีวิตของพวกเขา ก็นับว่าดีมากแล้ว
“ส่วนแก”
ฉินเฟิงมองไปทางซ่งเอ้อโก่ว ก่อนจะหันไปหาฉีหยุน “มอบให้เป็นหน้าที่ของนาย”
“ครับผม!”
ฉีหยุนบีบมือ ความดุร้ายปรากฏขึ้นในแววตา เขาคว้าคอเสื้อของซ่งเอ้อโก่วแล้วกล่าวว่า “ไอ้หนุ่ม แกขโมยเงินยังไม่เท่าไหร่ แต่ยังมารังแกเมียของไอ้โจวอีก จิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ”
“วันนี้ แกตกมาอยู่ในมือของฉันแล้ว…ฮ่า…”
ฉีหยุนยิ้มเยาะและลากซ่งเอ้อโก่วออกไป
“อย่านะ…ปล่อยผม…อย่านะ…ยกโทษให้ผมด้วย…ไม่…”
ซ่งเอ้อโก่วพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกที่เขาเรียกว่าลูกน้อง ก็ถูกควบคุมโดยกองทหาร ไม่กล้าเหนี่ยวไก
เสียงร้องคร่ำครวญไกลออกไป ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนตามมา
กับคนต่ำช้าต้องใช้วิธีจัดการอีกแบบหนึ่ง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉีหยุนเช็ดเลือดบนมือด้วยทิชชูจนแห้ง แล้วโยนกระดาษลงไปในพงหญ้า เขาเดินกลับมาที่ข้างกายฉินเฟิงและรายงานว่า “ท่านนายพล จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
“อืม”
ฉินเฟิงเชื่อมั่นในวิธีการของฉีหยุน
จากนั้นพวกเขาจึงกลับไปที่ตระกูลโจว ส่วนที่โรงแรมตี้เหาได้เกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่โตขึ้น ต่อมาตระกูลจาง ตระกูลหลิ่ว และบริษัท ว่านตง จำกัด ก็ได้ล้มละลายลงในคืนนี้ บริษัท ว่านตง จำกัดยังได้เข้าควบคุมบริษัทขนาดเล็กหลายสิบแห่ง รวมถึงโรงแรมตี้เหา ก็ตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงที่ชื่อโจวเสี่ยวเมิ่งด้วย
เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งเมืองเทียนหลิง!
สามกำลังหลักถูกทำลาย
นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยการแพทย์เทียนหลิงยังได้รับคำสั่งให้รับนักศึกษาใหม่ที่มีนามว่าโจวเสี่ยวเมิ่งเข้าเรียนด้วย
รุ่งเช้าวันถัดมา ฉินเฟิง ฉีหยุน และคนอื่นๆ ได้ไปจากที่นี่ แต่ก็แค่ออกจากตระกูลโจว ไม่ได้ออกจากเมืองเทียนหลิง พวกเขามาที่สุสานหมายเลข10
สุสานแห่งนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน สภาพแวดล้อมสะอาดสะอ้านมาก ไม่มีวัชพืชหรือขยะใดๆ เลย มีคนมาทำความสะอาดมัน
หลังจากเข้าไปก็พบว่ายังมีคนอีกสองคนคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลุมฝังศพ
บนหน้าผากมีรอยผิวด้านสองจุด
“คารวะเทพสงคราม!”
สองคนนั้นเคยเห็นฉินเฟิงมาก่อน จึงรีบเดินเข้ามาหาทันที
พวกเขาคือตู้เทียนและตู้จุ้นเจี๋ย
“อืม ไปเถอะ”
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงได้สั่งให้ทั้งสองคนโขกหัวคำนับหนึ่งพันครั้ง พอเห็นศีรษะของพวกเขาทั้งสองบวมปูดขึ้นมาสองลูกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าโขกหัวคำนับแล้วจริงๆ แต่เหตุผลที่โขกคำนับเสร็จแล้วยังไม่ไปไหนก็เพราะว่ายังมีความวิตกอยู่
บางทีอาจจะกลัวว่าตนเองจะคิดบัญชีอีกครั้ง
“ครับผม”
ได้ยินอย่างนี้แล้วสองพี่น้องตระกูลตู้ก็ดีใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาโขกคำนับเสร็จแล้วแต่ยังไม่ยอมไม่ไป เพราะเกรงกลัวเทพสงครามองค์นี้ แต่ตอนนี้ได้อนุญาตให้พวกเขาไปแล้ว ก็แสดงว่าไม่เป็นอะไรแล้ว
พวกเขารอดพ้นแล้ว
และแอบสาบานกับตัวเองว่า ต่อไปจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว
ฉินเฟิงรอจนไม่มีคนอื่นอยู่แล้วจึงนั่งลงที่หน้าหลุมฝังศพ โดยมีฉีหยุนนั่งอยู่ทางด้านซ้ายและหวังเถ่นั่งอยู่ทางด้านขวาอย่างสบายใจ ราวกับว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน
ฉินเฟิงปักบุหรี่มวนหนึ่งลงที่หลุมศพของไอ้โจว “ไอ้โจว ฉันจะไปแล้วนะ นี่คือครั้งสุดท้ายที่มาเยี่ยมนาย ครั้งหน้าอาจจะเป็นปีหน้าแล้วนะ”
“เอาสิ นี่คือบุหรี่ที่นายชอบสูบที่สุด ยู่ซี21 สูบเลย นายไม่ได้หาสูบได้ง่ายๆ นะ ไม่รู้ว่าข้างล่างนั่นจะมีบุหรี่แบบนี้หรือเปล่า ถูกปากนายไหม เออใช่ บุหรี่นี้ ฉันก็เอาให้สาวน้อยสูบด้วยนะ สูบแล้วก็สำลัก แถมยังเดาออกได้เลยว่าเป็นบุหรี่ของนาย เมื่อก่อนก็เคยแอบสูบ นายสอนไม่ดีนี่นา สูบบุหรี่ตั้งแต่เด็กๆ…”
“ลูกสาวของนายน่ะโตมาสวยมาก เหมือนนายอยู่นะ ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันเห็นนายครั้งแรก นายก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนหนุ่มที่ละเอียดอ่อนและหนักเอาเบาสู้ ลูกสาวของนายก็รู้การรู้งาน รู้จักดูแลแม่ของนาย เออใช่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ลูกสาวของนายแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้โทรหาฉัน แม่นายก็เหมือนแม่ฉัน”
“ลูกสาวของนายโชคดีที่โตมาไม่เหมือนฉีหยุน ไม่อย่างนั้นนะ…จุ๊ๆๆ”
ฉินเฟิงส่ายหน้า
“ท่านนายพล ผม…ผมก็ไม่ได้น่าเกลียดนะ…แค่ดูโหดไปหน่อย…” ฉีหยุนโต้แย้งอยู่ข้างๆ อย่างไม่ยินยอม เขาไม่ได้น่าเกลียด แค่เป็นผู้ชายบึกบึนกล้ามโตเท่านั้น
ดูป่าเถื่อนมาก
หุ่นอย่างกับไดโนเสาร์!
“โอเค โอเค ไม่น่าเกลียด ไม่น่าเกลียด”
ฉินเฟิงยิ้มอีกครั้ง
เวลาอยู่ในกองทัพทุกคนก็มักจะล้อเล่นแบบนี้ บางครั้งก็มารวมตัวหยอกล้อกัน ลูกชายใครเกเร ลูกสาวใครสวยน่ารัก
รู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัว
“เออใช่ ลูกสาวกับลูกชายของนายรู้ข่าวการตายของนายและยอมรับได้แล้ว นายอยู่ข้างล่างก็หมดห่วงได้แล้วนะ อยู่ตรงนั้นก็ทำตัวให้ดี”
ฉินเฟิงตีแผ่นป้ายหลุมศพเบาๆ เหมือนกำลังตบไหล่เพื่อนเก่าของตัวเอง
“พวกนายจะบอกอะไรไหม?”
จากนั้นฉินเฟิงก็ถอยออกไป หลีกทางให้ฉีหยุนและหวังเถ่พูดคุยกับไอ้โจว
“ไอ้โจว ฉันไม่น่าเกลียดใช่ไหม ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะถือว่านายยอมรับ”
ฉีหยุนพุ่งเข้ามาเป็นคนแรก และรำพันประโยคนี้ออกมา
“ฉันหน้าตาดีมาก ใช่ไหมล่ะ ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะถือว่านายยอมรับ”
“ฉันก็สามารถมีลูกสาวที่สวยและว่านอนสอนง่ายได้เหมือนกัน ใช่ไหม ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะถือว่านายยอมรับ”
หลังจากได้พูดออกไปแล้ว ฉีหยุนก็เดินออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าคนคนนี้ได้รับรางวัลอะไรมาและมีคนชมเชย
ส่วนหวังเถ่ก็ขึ้นไปลูบแผ่นป้ายหลุมฝังศพด้วยสองมือที่หยาบกร้าน สายตาซับซ้อนอย่างที่สุด อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพูด สุดท้ายคำพูดมากมายก็ร้อยเรียงเป็นประโยค
“ขอโทษนะ”
“พูดจบแล้วหรือยัง? ถ้าพูดจบแล้วก็แยกย้าย”
ฉินเฟิงชำเลืองมองพวกเขาทั้งสอง อยู่ที่เมืองเทียนหลิงมาสองวัน ถึงเวลาที่ควรกลับเมืองเจียงเฉิงแล้ว ระยะเวลาสองวัน บอดี้การ์ดมังกรและตระกูลหลินควรจะเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว