เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 240 คุณมีสิทธิ์อะไร
“งานประชุมผู้ปกครอง นายไม่ได้ให้พี่สาวของนาย หรือคุณยายของนายไปเข้าร่วมหรอ?”ฉินเฟิงถาม
เด็กชายก้มหน้าลงเงียบไปพักหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า“ผมไม่ได้บอกกับพวกเขาครับ คนอื่นๆพ่อแม่ไปเข้าร่วม ผมอยากให้พ่อของผมไปเข้าร่วม ผมรอเขากลับมาตลอด”
ฉินเฟิงเงียบไป
ในเวลานี้เอง โจวเสี่ยวเมิ่งเดินมา เหลือบตามองดูทั้งสองคนแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า“ไปกินข้าว”
“ได้”
ฉินเฟิงพาเด็กชายกลับไป
หลังจากทานข้าวเสร็จ โจวเสี่ยวเมิ่งก็เรียกฉินเฟิงขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วยื่นบุหรี่ให้ฉินเฟิงหนึ่งม้วน สายตายังคงเย็นชาเล็กน้อย“สูบไหม?”
“เธอสูบบุหรี่?”
ฉินเฟิงไม่ได้รับบุหรี่ไว้ แต่ขมวดคิ้ว
“เรื่องของฉัน”
โจวเสี่ยวเมิ่งสบถอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากนั้นก็จุดบุหรี่ มือเรียวยาว สวยสง่าคู่นั้น กำลังสูบบุหรี่ เธอพ่นควันออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ทว่า วินาทีต่อมา บุหรี่ก็ถูกฉินเฟิงแย่งไป
“สูบไม่เป็น ก็อย่าสูบเลย”
ฉินเฟิงทิ้งบุหรี่ไปกับพื้น แล้วเหยียบไปสองครั้ง ดูท่าทางเหมือนจะสูบบุหรี่ อันที่จริงโจวเสี่ยวเมิ่งสูบบุหรี่ไม่เป็นเลย เธอแค่แสร้งทำเท่านั้น จู่ๆเขาก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า“อยากทำท่าเป็นเด็กใจแตก แล้วบอกกับฉันว่า ไปบอกให้พ่อของเธอรู้ หลังจากนั้นให้รีบกลับมาสั่งสอนเธอล่ะสิ”
เหมือนเธอจะถูกพูดแทงใจดำ โจวเสี่ยวเมิ่งหันหลังเดินจากไป แต่พอเดินไปที่ที่ไม่มีคนแล้ว เธอก็พึมพำขึ้นมาว่า“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก”
“เห้อ ไอ้โจว”
ฉินเฟิงถอนหายใจ ด้วยความรู้สึกที่ปนเป
พอถึงวันที่สอง
ฉินเฟิงกับโจวซูหวนไปร่วมงานประชุมผู้ปกครอง พอถึงหน้าประตู มีเด็กชายหลายคนเดินเข้ามา แล้วมองดูโจวซูหวน แล้วพูดว่า“ทำไม?เมื่อวานถูกฉันด่าจนกลัวไปแล้วล่ะสิท่า วันนี้ยังไปหาคนมาแกล้งเป็นพ่อของแกอีกงั้นหรอ”
“นี่เป็นลุงของฉัน มาร่วมงานประชุมผู้ปกครองกับฉันต่างหาก”โจวซูหวนกล่าว
“เหอะ ก็นึกว่าแกจะพูดว่า นี่คือพ่อของฉันเสียอีก เป็นไปตามคาดเลยแหะไอ้ลูกนอกคอกที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีใครรัก เลยต้องไปหาลุงมาคนหนึ่ง”
“ไอ้ลูกนอกคอกเอ้ย ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ พ่อฉันมาแล้ว ยังขับรถเบนซ์มารับฉันด้วย”
“ไม่เพียงแค่ไม่มีพ่อกับแม่นะ ยังไม่มีเงินอีก”
เหล่าเด็กชายต่างพากันเยาะเย้ยโจวซูหวน
ฉินเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึง มือที่โจวซูหวนจับมือตัวเองไว้ มันบีบแน่นขึ้นเล็กน้อย
“งานประชุมผู้ปกครองเริ่มได้”
เวลานี้เอง มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมแว่นตา กับกระโปรงรัดรูปทั้งตัวเดินออกมาจากด้านใน ดูท่าน่าจะเป็นครูประจำชั้น
ผู้หญิงคนนี้เหลือบมองโจวซูหวนแวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจอะไร แล้วพานักเรียนเดินเข้าไป
เหลือไว้เพียงโจวซูหวนคนเดียว
“นี่คือจางฟางฟาง ครูประจำชั้นของผมครับ”โจวซูหวนพูดอย่างอ่อนแอ
“อืม”
สายตาของฉินเฟิงมีประกายความเย็นชาแวบผ่านเข้ามา
จากนั้น เขาก็เดินเข้าไป ถึงพบว่าโจวซูหวนนั่งอยู่แถวสุดท้าย ห่างจากกระดานไกลมาก ทันใดนั้นเขาจึงถามว่า“เกิดอะไรขึ้น นายก็ไม่ได้สูงอะไร น่าจะได้นั่งข้างหน้าสิ”
“ครูเป็นคนจัดที่ให้ครับ ผมก็อยากนั่งข้างหน้าเหมือนกัน แต่ครูไม่อนุญาตครับ”โจวซูหวนก้มหน้าพูด
“ดีมาก”
ในใจของฉินเฟิงรู้สึกถึงความเศร้า
ครูบาอาจารย์ที่สอนคน สอนคนแบบนี้หรอ สอนประสาอะไรกัน?
หลังจากที่นั่งลงมาได้ จางฟางฟางที่สวมแว่น ท่าทางครูบาอาจารย์คนหนึ่ง เธอพูดเกริ่นนำ หลังจากนั้นก็หยิบแฟ้มออกมาหนึ่งแฟ้ม“นี่คือผลการประเมินนักเรียนที่ฉัน ได้ประเมินให้คะแนนไว้ สามารถดูผลการเรียนของ ลูกๆพวกคุณ ได้จากผลการเรียนในโรงเรียนค่ะ”
“ที่หนึ่งคือ จางชางหยาง……ได้หนึ่งร้อยคะแนน ทำคะแนนได้ดีเลยค่ะ……ไม่มีประวัติไม่ดี……มีความสามัคคีรักเพื่อน ช่วยเหลือเพื่อ เป็นที่รักของเพื่อนในห้องค่ะ”
พอพูดจบ คนที่อยู่ข้างล่าง ก็พากันปรบมือ
และฉินเฟิงก็เอียงศีรษะถามว่า“คนคนนี้ เป็นยังไง?”
“เป็นหัวหน้าห้อง และเป็นคนที่ได้ที่หนึ่งครับ”โจวซูหวนตอบอย่างตรงไปตรงมา
“แล้วนายล่ะ?”
อันที่จริงฉินเฟิงใส่ใจกับผลการเรียนของเด็กชายคนนี้เหมือนกัน
“ผลการเรียนค่อนข้างดีครับ”
“ไม่เลว”
ฉินเฟิงยิ้มๆ เด็กคนนี้ นั่งแถวสุดท้าย บริเวณถังขยะ ยังสามารถสอบได้ดี นั่นก็ดีที่สุดแล้ว
และต่อมา ครูประจำชั้นคนนั้นก็อ่านเจอคนคนหนึ่ง“จางเสี่ยวหรง ได้99คะแนน เป็นเด็กที่ทำตัวดีมากค่ะ ชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ……เป็นเด็กที่เอาใจใส่ผู้อื่นมากค่ะ……”
ขณะที่ ครูประจำชั้นพูด สายตาของทุกคนก็มองไปที่เด็กอ้วนๆคนหนึ่ง
ข้างๆของเด็กอ้วนคนนั้น มีผู้ชายคนหนึ่ง บนคอแขวนสร้อยทองเส้นใหญ่ ที่เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ“ขอบคุณสำหรับคำชมครับคุณครู”
“เด็กคนนี้อบรมสั่งสอนได้ดีจังเลย”
“ช่วยเหลือเพื่อน เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่งเลย”
ผู้ปกครองที่อยู่รอบๆ ต่างพากันพูดขึ้นมา
เพียงแต่ สายตาของฉินเฟิงดูจะแปลกใจเล็กน้อย ช่วยเหลือเพื่อน เอาใจใส่ผู้อื่น?
ไอ้เด็กอ้วนคนนี้ เป็นหนึ่งในคนที่รังแกโจวซูหวน อีกทั้งยังเป็นกำลังหลัก ที่คอยด่าโจวซูหวนว่าเป็นลูกนอกคอก คนแบบนี้ จะเป็นคนที่ช่วยเหลือเพื่อน และเอาใจใส่คนอื่นหรอ?
“คนนี้?”
ฉินเฟิงมองไปที่โจวซูหวน
“คนนี้ชื่อจางเสี่ยวหรง ฉายาคือไอ้อ้วนจาง บ้านค่อนข้างรวย พ่อของเขาชอบเอาของขวัญให้ครูบ่อยๆ ของขวัญเล็กบ้างใหญ่บ้าง เรามักเห็นกันบ่อยครับ”
โจวซูหวนพูดอย่างไม่เกรงกลัว
และต่อมา จางฟางฟางก็อ่านผลการเรียนของคนอื่นๆ หลังจากอ่านจบ ทั้งห้องก็ปรบมือ ในเวลานี้เองจางฟางฟางก็กล่าวอีกว่า“คนในห้องของเรา ผลการเรียนดีมาก สามัคคีกลมเกลียว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ว่า……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเธอแผ่วลง
“แต่ว่า แต่ว่าในห้องของเรากลับมาขี้หนูก้อนหนึ่ง ที่ทำให้แกงทั้งหม้อเน่าเสีย ในห้องของเรา รู้จักแต่รังแกเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ชกต่อย ไม่เคารพกฎระเบียบในห้อง ไม่สามัคคีรักใคร่เพื่อนร่วมฉัน ดังนั้น ฉันจะให้คะแนนเขาติดลบหนึ่งร้อย”
“หมายถึงนายนั่นแหละ โจวซูหวน ลาออกไปซะเถอะ อยู่ในห้องของเราต่อไป มีแต่จะกระทบผลการเรียนของห้องเรา”
เธอจ้องเขม็งไปที่โจวซูหวน แล้วพูดจาส่อเสียดอย่างไม่ปิดบัง
และเมื่อโจวซูหวนได้ยิน เขาก็ตัวสั่นไปทั้งตัว เขากำหมัดแน่น แต่กลับลังเล หมดหนทาง ไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่ทว่า ในเวลานี้เอง ฉินเฟิงแตะบ่าของเขาเบาๆ“ไม่เป็นไร มีฉันอยู่ด้วย”
จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืน เอามือไพล่หลังมองไปที่จางฟางฟาง ครูจาง แล้วกล่าวด้วยสายตาเย็นชา“นี่เป็นวิธีที่คุณใช้สอนนักเรียนหรอครับ?”
“ทำไม?”
จางฟางฟางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“คุณไม่คู่ควรกับการเป็นครูคนหนึ่งหรอกครับ ผมขอถามคุณนะครับ โจมซูหวนเขาตัวไม่สูง ทำไมถึงให้เขานั่งแถวหลังสุด นั่งข้างถังขยะ”แววตาของฉินเฟิงดุจมีด คมกริบจนน่ากลัว
เพียงไม่นาน จางฟางฟางก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก“นะ……นั่งข้างหน้าเขาก็ชกต่อยกับคนอื่น……นักเรียนคนนี้ ไม่เชื่อฟังเลย”
“ชกต่อย?ทำไมเขาถึงชกต่อย คุณเคยไปทำความเข้าใจกับเหตุผลหรือยัง?คุณรู้แค่ว่าเขาชกต่อย แต่กลับไม่รู้ว่าส่วนมาก เขาเป็นฝ่ายที่ถูกทำร้ายมากกว่า คนจำนวนมากทำร้ายเขาคนเดียว มีคนรังแกเขามากมาย แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของคุณ กลับบอกว่าโจวซูหวนชอบชกต่อย”
“ขอถามหน่อยนะครับ คุณเคยรู้เหตุผลไหมว่าทำไมเขาต้องชกต่อย คุณไม่เคยเลย คุณไม่เคยเข้าไปทำความเข้าใจด้วยซ้ำ ก็คิดว่า นี่เป็นปัญหาของนักเรียน ดังนั้น คุณคิดว่า คุณมีสิทธิ์ ที่จะยืนอยู่บนตำแหน่งที่คุณยืนอยู่ไหม?”
“คุณมีสิทธิ์ คู่ควรต่อคำว่า‘แม่พิมพ์’คำนี้ไหม?”
“คุณมีสิทธิ์อะไรครับ มีสิทธิ์อะไร ทำลายอนาคตของเด็กคนคนหนึ่ง แบบนี้!”