เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 235 ทุกท่าน มีคนแล้วหรอ
เช้าวันที่สอง
เดินปรากฏการณ์เมฆม้วนเกลียว
พระอาทิตย์สาดส่องเข้าไปภายในห้อง ฉินเฟิงตื่นนอนตามเวลา ถึงได้พบว่าโหวเมิ่งหยาวยืนอยู่หน้าประตู ในมือถือน้ำหนึ่งขวด สีหน้าร้อนรน ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
“ไม่ได้หลับมาทั้งคืนหรอ?”
ฉินเฟิงเดินเข้าไปอย่างใจเย็น
“อืม”
โหวเมิ่งหยาวพยักหน้า ทำสัญญาณให้มองไปที่หลิวหลิน แล้วพูดอย่างร้อนใจว่า“จะให้ฉันนอนหลับได้ยังไงกันคะ เธอวิ่งมาทั้งคืนแล้วนะคะ เธอใกล้จะล้มทรุดเต็มที่แล้ว ไม่สิ ล้มไปแล้วนะคะ”
“งั้นหรอ?”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง แล้วมองไปที่หลิวหลินที่อยู่ข้างหน้า ในทุกย่างก้าวของเธอ จะมีเหงื่อไหลหยด สีหน้าซีดเผือด ดวงตาเริ่มหมองหม่น ไม่มีสติ แต่ก็ยังคงวิ่งอยู่ ไม่ได้หยุดลงเลย เพียงแต่โอนเอนไปมา ราวกับว่าเธอพร้อมจะล้มทุกวินาที
แต่ว่า ก็ไม่ได้ล้มลง
เธอยังคงวิ่งต่อไป
“เหลือเวลาอีกเท่าไร?”ฉินเฟิงเอียงศีรษะถาม
“สิบสามนาทีค่ะ”
โหวเมิ่งหยาวมองดูเวลาครู่หนึ่ง
“เธอไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะดูเอง”
เมื่อคืน โหวเมิ่งหยาวรู้ถึงสถานการณ์ของหลิวหลิน และรู้ดีว่า หลิวหลินยอมวิ่งเอง ดังนั้น เธอจึงรับอาสาเป็นหมอพยาบาลส่วนตัวของหลิวหลิน
พอได้ทำแล้ว ก็ต้องทำไปตลอดทั้งคืน
ไม่กล้าหลับตาลง เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
โหวเมิ่งหยาวกัดมุมปาก“บอสคะ ฉันอยากดูเธอวิ่งให้จบน่ะค่ะ ฉันรู้สึกเลื่อมใสเธอมากเลย”
“ได้”
ฉินเฟิงไม่ได้ขัดขวางอะไร แต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เดินไปข้างๆของหลิวหลิน แล้วพูดว่า“เธอวิ่งจบแล้วล่ะ พักได้ ผ่านการประเมิน”
หลังจากนั้น
หลิวหลินไม่ได้สนใจฉินเฟิงแม้แต่น้อย
เธอวิ่งต่อไป
วิ่งโอนเอนไปมา โซซัดโซเซต่อไป
“บอสคะ เธอนับในใจค่ะ นับวินาที เธอจะหยุด หลังจากที่นับวินาทีครบสิบหกชั่วโมงเท่านั้น คนอื่นเกลี้ยกล่อมเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ ”
โหวเมิ่งหยาวยิ้มอย่างขมขื่น
ก่อนหน้านี้เธอเห็นว่าหลิวหลินลำบากเกินไป ดังนั้นเลยเกลี้ยกล่อมเธอ จากนั้นก็พบว่าหลิวหลินไม่ได้สนใจเธอเลย หลังๆมาถึงได้รู้ว่าหลิวหลินกำลังนับเลขอยู่
หลังจากที่ไม่มีแรงจะนับแล้ว เธอจึงนับเลขในใจแทน
“เด็กคนนี้ ถือว่าฉลาดมาก”
ฉินเฟิงเข้าใจแล้ว
สายตาของเขาอดที่จะมีประกายความชื่นชมไม่ได้ หลิวหลินมีนิสัยครบทุกอย่าง เย่อหยิ่ง ดื้อรั้น แต่มีข้อดีอย่างหนึ่ง ก็คือยอมทุ่มเททุกอย่าง เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ในกองทัพ เรียกสิ่งนี้ว่าจิตวิญญาณของหมาป่า
ต้องเรียนรู้ ที่จะทุ่มเท สุดตัว ถึงจะสามารถได้มาซึ่งทุกสิ่ง
ฉินเฟิงรอเธออยู่ที่หน้าประตู แบบนี้ มาสิบสามนาที หลังจากผ่านไปสิบสามนาที หลิวหลินก็เหมือนกับสูญเสียกำลังแรงเคลื่อนไหว ร่างกายอ่อนยวบ จะเอนล้มไปข้างหน้า
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงบนถนนยางมะตอย ถ้าล้มไปทั้งๆแบบนี้ อาจจะหน้าเขียวตาช้ำบวม หัวแตกเลือดไหลก็เป็นได้
แต่แล้ว ฉินเฟิงก็ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของเธอ
“คุณตำรวจหลิว คุณผ่านแล้ว ยินดีต้อนรับสู่การเป็นทหารของผมครับ”ฉินเฟิงพูดกับหลิวหลิน
ผ่านมาแล้ว พิสูจน์แล้วว่าคนคนนี้เป็นคนมีความสามารถ
เหมาะที่จะเป็นทหาร
นี่จึงหมายความว่า นับจากนี้ไป ฉินเฟิงเทพสงครามอันดับหนึ่งของต้าหัว จะเป็นผู้หนุนหลังให้กับเธอ ในต้าหัว จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้ เธอยอมที่จะเป็นคนมีเมตตา ก็จะต้องเป็นคนมีเมตตาได้
เขาจะเป็นคนหนุนหลังเอง
“เมิ่งหยาว พาเธอไปพัก ทำน้ำเกลือให้เธอดื่มด้วย”
ฉินเฟิงยื่นหลิวหลินส่งให้กับโหวเมิ่งหยาว
“ค่ะ”
โหวเมิ่งหยาวพยุงหลิวหลิน จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
จากนั้น ฉินเฟิงก็ได้ไปซื้อบุหรี่และของเซ่นไหว้จำนวนหนึ่ง วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของไอ้โจวพี่น้องของเขา ในฐานะที่เป็นหัวหน้ากับพี่น้อง จะต้องไปเยี่ยมเขาหน่อย
เพียงแต่ว่า ตอนที่กลับมาพบว่า ฉีหยุนกับหวางเถ่เกือบจะชกต่อยกันแล้ว
“ท่านนายพลครับ ไอ้หมอนี่มันไม่คู่ควรไป วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของไอ้โจว แต่ว่ามันเป็นคนทรยศอีสเตอร์แลนด์ ไม่คู่ควรจะไปไหว้หลุมศพไอ้โจว”
ฉีหยุนยกดาบทหารออกมา ชี้ไปที่หวางเถ่
โดยไม่เมตตาแม้แต่น้อย
และหวางเถ่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพียงแต่ว่า เสี่ยวหยูยืนขวางอยู่ข้างหน้าของเขาเท่านั้น
“คุณลุงคะ ปล่อยพ่อหนูไป……ได้ไหมคะ?”
เสี่ยวหยูน้ำตาไหลพรากออกมา มือกางออกทั้งสองข้าง ขวางอยู่ข้างหน้าของหวางเถ่
หวางเถ่ไม่ได้พูดอะไร
เขาตายได้
แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้เสี่ยวหยูยังเด็ก เขาจะตายไม่ได้
“เสี่ยวหยู……”
ฉีหยุนมองดูเสี่ยวหยูที่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากออกมา ทำให้เขารู้สึกทนไม่ไหว ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายหยาบโลน แต่เขาก็ชอบเด็กมากเหมือนกัน
อีกทั้ง หลายวันมานี้ เขากับเสี่ยวหยูก็ยังเข้ากันได้ดีอีกด้วย
แต่ว่า เขายังคงไม่ยอมวางดาบ
“เอาลงนะ”
เพียงแต่ว่า ฉินเฟิงในเวลานี้เดินเข้ามา“นี่เป็นคำสั่ง”
“ครับ”
ฉีหยุนวางดาบลงในทันที
“ตอนที่ไอ้โจวตาย หวางเถ่ยังไม่ได้ทรยศ ในเวลานั้น เขายังฆ่าศัตรูเพื่ออีสเตอร์แลนด์อยู่ กระทั่งยังช่วยไอ้โจวขัดขวางศัตรูอีกด้วย ถือว่าเป็นคนกันเอง ดังนั้น การไหว้หลุมศพของเขาในครั้งนี้ หวางเถ่สามารถไปเข้าร่วมได้?”
พูดจบ ฉินเฟิงก็มองไปยังฉีหยุน“คุณมีความเห็นอะไรไหม?”
“ไม่มีครับ”
ฉีหยุนรีบตอบกลับ
ทหารบ้าในกองทัพอย่างเขา ไม่เคยกลัวใคร เขากลัวแค่ฉินเฟิง เพราะนี่เป็นคนที่เขาสู้ไม่ได้ ในบรรดากองทัพสามพันนายแห่งอีสเตอร์แลนด์
อีกทั้งยังปราบเขาด้วยมือข้างเดียว
“เริ่มเดินทางได้”
ฉินเฟิงมองดูทั้งสองคน หลังจากนั้นก็ขับรถแบบออฟโรดออกไป
ณ เมืองเทียนหลิง
เมืองแห่งนี้ ห่างจากเจียงเฉิงไม่ไกลมาก หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ฉินเฟิงก็มาถึงเมืองแห่งนี้ และเดินมาถึงป้ายหลุมศพหมายเลข10
หลุมศพหมายเลข10
บนท้องฟ้า มีใบเมเปิลสีเหลืองทอง ล่องลอยไปตามสายลม ทำให้สุสานมีความหดหู่มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เดินเข้ามาแล้ว ถึงได้พบว่า หลุมศพนี้แตกต่างจากหลุมศพอื่นๆ ทรุดโทรมผุพัง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเศษขยะ ซึ่งดูสกปรกรกมาก
“หลุมศพนี้เหมือนจะรกร้างไปแล้ว?”
ฉีหยุนกวาดตามองประเมิน
“หลุมศพนี้เรียงตามชื่อครับ หลุมศพหมายเลขสิบ เป็นหลุมศพที่แย่ที่สุดในเมืองเทียนหลิง และถูกที่สุด รกร้างก็ดูเป็นเรื่องปกติ”หวางเถ่พูดเสริม
“ทำไมไอ้โจวถึงเลือกหลุมศพนี้ เขาเข้ากองทัพมานานหลายปี เงินก็ได้มาไม่น้อยเลยนะ”
ฉีหยุนเกาหัวเบาๆ ไม่ค่อยเข้าใจ
“นี่เป็นคำสั่งเสียของเขา ภรรยาของเขาฝังอยู่ที่นี่ เขาเลยอยากฝังที่เดียวกับภรรยาตัวเอง”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง
จากนั้นก็เดินไปไม่กี่ก้าว เดินไปที่หน้าป้ายหลุมศพ ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างนึกถึงความหลัง“ไอ้โจว ไม่เจอกันนานเลยนะ คราวนี้ฉันเอาเหล้าขาวหนิวหลันซานเอ๋อกัวโถวที่นายชอบที่สุดมาด้วยนะ”
“ยังมี บุหรี่ที่นายชอบสูบ”
ฉินเฟิงหยิบขวดเหล้าออกมา แล้วสาดลงไป หลังจากนั้นก็จุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งม้วน
ทั้งสามยืนอยู่ตรงหน้า ทำความเคารพแบบทหาร
นี่เป็นการทำความเคารพวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ อย่างใหญ่หลวง!
เพียงแต่ว่า ในเวลานี้ มีคนเข้ามาจากข้างนอกหลายคน คนแรกสวมชุดสูท รูปร่างอ้วนพุงป่อง ชี้ไปที่ฉินเฟิงแล้วกล่าวว่า“ตรงนี้แหละ ฉันให้อาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาแล้ว ที่นี่ดีที่สุด ครั้งนี้พ่อของฉัน จะต้องฝังที่นี่แหละ”
“ทุกท่านครับ ที่นี่มีคนแล้วครับ”
ฉินเฟิงหันกลับไป