เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 211 เทพนักแข่งรถแห่งเขาชิวหมิงมาอีกแล้ว
นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
เฉิงหงจึงกัดฟันพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
ใช่แล้ว
สวมเขาให้เธอต่อหน้าต่อตา แล้วจะเป็นอะไรไป เธอก็ทำอะไรเฉินเจียงไม่ได้อยู่แล้ว ไหนจะแบรนด์เนมทั้งตัวของเธอ แหวนสามกะรัตบนนิ้ว ทั้งหมดล้วนได้มาจากเฉินเจียงทั้งนั้น
เส้นทางในอนาคต เฉินเจียงก็เป็นคนปูให้
ถ้าเธอไปจากเฉินเจียง แล้วเธอจะเหลืออะไรล่ะ ตอนนี้ต้องยอมรับแต่โดยดี
แต่ถึงบอกว่าจะไม่อาละวาด ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่พุ่งเป้าไปที่อิ่นหนิงหยู่ เธอเป็นศัตรูคู่แค้นกับอิ่นหนิงหยู่ในชั้นเรียน ถ้าไม่หาเรื่องสิแปลก
และในเวลานี้ อิ่นหนิงหยู่กำลังปฏิเสธเฉินเจียง
“ไม่ล่ะค่ะ เพื่อนร่วมชั้นเฉินเจียง”
ไม่ใช่แค่ปฏิเสธ แต่เธอยังเรียกว่าเพื่อนร่วมชั้นเฉินเจียง อิ่นหนิงหยู่รู้ว่าหัวหน้าชั้นคนนี้คิดอะไรอยู่ เมื่อก่อนก็ตามจีบเธอในรูปแบบต่างๆ แต่เธอไม่เคยตอบตกลงสักที
และในตอนนี้ก็ยังปฏิเสธเช่นเคย
แต่วิธีการปฏิเสธของเธอ นั้นไม่ไว้หน้าเฉินเจียงสักนิด
โชคดีที่เฉินเจียงเคยชินแล้ว ถูกปฏิเสธมาหลายสิบครั้ง แต่เขาก็ยังพูดอีกว่า “หนิงหยู่ คุณลองคิดดูให้ดีๆ อ่าวย่าหลงอยู่ไกลมาก ถ้าคุณนั่งรถบัส มันจะไปไม่ถึง”
“พวกเรามีรถ”
จากนั้น อิ่นหนิงหยู่ก็ดึงฉินเฟิง “แล้วฉันก็ยังพาคนมาด้วย มาขับรถให้ฉันโดยเฉพาะ”
“ทักษะการขับรถเขาโอเคเหรอ?”
เฉินเจียงมองฉินเฟิงอย่างสงสัย
“ก็ใช้ได้”
ฉินเฟิงถูกดึงมาอยู่ตรงหน้าเพื่อใช้เป็นโล่ เขาถอนหายใจเบาๆ ในใจ แต่ภายนอกยังคงต้องรักษาหน้าน้องเมียคนนี้อยู่
“อิ่นหนิงหยู่ คุณบอกว่าพวกคุณเอารถมาด้วย แล้วรถล่ะ?”
เฉิงหงเดินออกมาจากด้านหลัง เอามือกอดอก สีหน้ายิ้มเยาะ “แต่ฉันจำได้ว่า เธอเรียนอยู่ปีสี่ ยังไม่เคยขับรถมาก่อน แล้วเธอจะมีรถได้ยังไง? อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้สวมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ รวมๆ กันคงไม่เกินร้อยหยวนหรอกมั้ง แล้วคนแบบนี้จะมีรถเหรอ? ล้อฉันเล่นหรือเปล่า”
เธอรู้จักฉินเฟิง เจ้าชายน้อยนักเปียโนที่เป็นที่ฮือฮาคราวก่อน
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าชายน้อยนักเปียโน ถ้าดูจากการแต่งตัวซอมซ่อของเขาในตอนนี้ เธอก็รู้แล้วว่ามีแต่ฝีมือ แต่มันเปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ อาจจะทำตัวติสท์ ปล่อยให้ตัวเองลำบากระหกระเหิน
เธอเกลียดคนประเภทนี้มากที่สุด
มีเงินทองไม่คว้าไว้ แถมยังทำตัวติสท์อีก คนโง่น่ะสิ
“นี่ไง”
อิ่นหนิงหยู่เห็นพวกเขาไม่เชื่อ จึงเดินไปทางด้านหนึ่งพร้อมกับฉินเฟิง ตบรถคันนั้นเบาๆ แล้วบอกว่า “นี่ไง คันนี้แหละ ฉันเอามาเป็นพิเศษ”
“…”
ในที่นี้เกิดความเงียบงัน ตามมาด้วยเสียงระเบิดหัวเราะ บางคนถึงขนาดตบขาหัวเราะลั่น แล้วพูดว่า “คุณพระ ฉันไม่ได้ดูผิดใช่ไหม รถหวูหลิงหงกวง รถหวูหลิงหงกวงเลยนะ ฮ่าฮ่า รถหวูหลิงหงกวง!”
“อิ่นหนิงหยู่ ดีร้ายยังไงเธอก็เป็นลูกสาวของครอบครัวใหญ่ แต่เธอดันขับระเบิดหัวเราะออกมา”
“ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ รถหวูหลิงหงกวง”
“ฉันบอกแล้ว ในบรรดารถหรูเหล่านี้ รถหวูหลิงหงกวงโผล่มาจากไหน ที่แท้ก็เป็นของเธอนั่นเอง ไม่น่าแปลกใจเลย เธอก็เหมาะที่จะขับรถแบบนี้เท่านั้น”
ทุกคนพากันพูดเย้ยหยัน
ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้หัวเราะเยาะ แต่มีนักศึกษาบางคนนึกอิจฉาอิ่นหนิงหยู่มาตลอดที่มีเฉินเจียงเดือนมหาวิทยาลัยคอยตามจีบ แถมยังมักจะไม่สนใจเขา ในเวลานี้จึงหัวเราะเยาะอย่างเต็มที่
“รถหวูหลิงหงกวง ผมคิดว่ามันดีมาก”
ในเวลานี้ เพราะรถหวูหลิงหงกวงคันนี้คือคันเดียวกับในการแข่งขันครั้งก่อน
คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวคนนี้จะได้รถคันนี้กลับมา
“คุณคิดว่ามันดีแล้วมีประโยชน์อะไร รถขยะก็คือรถขยะอยู่วันยังค่ำ ฉันจะให้คุณดูรถของฉัน”
เฉิงหงพูดเย้ยหยัน แล้วหยิบกุญแจไปเปิดรถหรูอีกคันหนึ่ง “เห็นไหม ปอร์เช่FM6 ราคาล้านกว่า เริ่มต้นแค่สามวินาทีก็ไปถึงหนึ่งร้อยเมตรแล้ว มีสมรรถนะดีกว่ารถขยะของเธอเป็นไหนๆ อิ่นหนิงหยู่ ในเมื่อเธอไม่อยากนั่งรถของพวกเรา งั้นเราก็ไม่บังคับเธอแล้ว พวกเรา ไปกันเถอะ”
ในมหาวิทยาลัยเธอถือว่าเป็นหัวโจกซ่องสุมกำลังคนตั้งเป็นแก๊ง
สาวๆ เหล่านี้ ก็มีแฟนเช่นกัน
บรืน
รถห้าหกคันแล่นออกไป
เหลือเพียงนักศึกษาชายจำนวนหนึ่งที่มาถามอิ่นหนิงหยู่ แต่อิ่นหนิงหยู่ก็ปฏิเสธไปหมด สุดท้ายเฉินเจียงก็บอกว่า “คุณมีเบอร์โทรผม ถ้าเปลี่ยนใจก็มานั่ง BMW แล้วกัน”
สีหน้าของเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
พูดจบเขาก็ไป
หลังจากออกไปแล้ว ก็เหลือเพียงอิ่นหนิงหยู่และฉินเฟิง อิ่นหนิงหยู่ทำท่าจะอาเจียน “เฮ้อ ไอ้แซ่ฉิน คุณรู้ไหมว่า เฉินเจียงนั่นน่าขยะแขยงจริงๆ เขาแอบมีแฟนสาวหลายคนเก็บไว้ แล้วยังมาตามจีบฉันอย่างหน้าไม่อาย แถมยังเอาแต่บอกว่ารักฉันคนเดียว”
“ผมนึกว่าคุณมองไม่ออกเสียอีก”
ฉินเฟิงยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
ดูท่าทาง น้องเมียคนนี้จะฉลาดมาก
“ล้อเล่นหรือเปล่า ฉันคือใคร ฉันคืออิ่นหนิงหยู่นะ น้องสาวของอิ่นซิน ประธานของบริษัทกึ่งซานหยวนกรุ๊ปแห่งเมืองเจียงเฉิง ดีร้ายยังไงก็มีศักดิ์ศรี แต่จะว่าไปแล้ว ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าตอนนี้ฉันจะร้ายกาจแบบนี้ วันหลังฉันจะเกาะคนอื่นกิน ต่อไป อย่านึกว่ามีแต่คุณคนเดียวที่ให้พี่สาวฉันเลี้ยง ฉันก็อยากให้พี่สาวฉันเลี้ยงเหมือนกัน”
อิ่นหนิงหยู่ลูบท้อง สะกดกลั้นความรู้สึกคลื่นไส้
จากนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะภาคภูมิใจในการเป็นพวกเกาะคนอื่นกิน
เมื่อก่อนเธอต้องพึ่งพาตัวเอง ถึงอย่างไรตอนนั้นอิ่นซินก็เป็นเพียงพนักงานทั่วไป แต่ตอนนี้อิ่นซินได้เป็นประธานที่มีชื่อเสียงของบริษัทกึ่งซานหยวนกรุ๊ป เธอจึงสามารถเกาะกินได้อย่างวางใจแล้ว
“คุณน่ะ อายุยังน้อย จะมาเกาะคนอื่นกินทำไม”
ฉินเฟิงเขกหัวอิ่นหนิงหยู่
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเหมือนคุณน่ะ อายุมากขนาดนี้แล้ว จะสามสิบแล้ว เพิ่งจะได้เกาะเมียกินเหรอ? เมื่อวานฉันปวดท้อง ไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะ ต้องกินอาหารอ่อนๆ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก”
อิ่นหนิงหยู่ถลึงตาใส่ฉินเฟิง จากนั้นก็แกล้งแถขึ้นมาอีก
“ผมเกาะเมียกิน?”
ฉินเฟิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้อธิบาย เกาะเมียกินก็เกาะเมียกิน อย่างน้อยก็เกาะเมียสุดที่รักของตัวเองกิน ไม่มีอะไรตะขิดตะขวงใจ
“เออใช่ คุณหารถหวูหลิงหงกวงคันนี้เจอได้ยังไง?”
ฉินเฟิงมองรถหวูหลิงหงกวงคันนั้นแล้วถามขึ้น
คราวก่อน ไม่ได้ถูกถอนออกไปแล้วเหรอ
“เรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณ คราวก่อนพวกเราชนะการแข่งขันไม่ใช่เหรอ แถมยังได้ฉายาเทพนักแข่งรถแห่งเขาชิวหมิงอีกด้วย เจ้าของคนนั้นก็เป็นแฟนการแข่งรถ ต่อมาเมื่อเห็นการแข่งขันนั้น เห็นว่าตื่นเต้นดี ดังนั้นเขาจึงมอบรถคันนี้ให้ฉันทันที”
“ฉันยังไม่ได้ทำงานเลย มีเงินไม่มาก ไม่อยากขอจากพี่สาวของฉันด้วย แต่ก็ไม่อยากนั่งรถคนอื่น ดังนั้นจึงสามารถใช้รถคันนี้ได้เท่านั้น”
อิ่นหนิงหยู่บุ้ยปาก ดึงฉินเฟิงขึ้นรถ พลางมองดูเวลา “พวกเขาไปห้านาทีแล้ว พี่เขย รีบตามพวกเขาไป ถ้าตามทัน ฉันจะกลับไปชื่นชมคุณกับพี่สาวของฉัน”
“ตอนนี้รู้จักเรียกว่าพี่เขยแล้วเหรอ”
มุมปากของฉินเฟิงกระตุก
เวลาที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเขา ก็เรียกว่าไอ้แซ่ฉิน ตอนไหนต้องการใช้เขา ก็เรียกว่าพี่เขย เด็กคนนี้มีนิสัยแบบนี้แหละ
แต่ฉินเฟิงยิ้มมุมปาก “นั่งดีๆ นะ!”