เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1902 สำคัญไหม
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1902 สำคัญไหม
หลีซีค่อยๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป มองลู่ฝานด้วยท่าทีเฉยเมยแล้วพูดว่า “คุณชายเงามืดไม่ควรคิดเรื่องพวกนี้ ถ้านายมีเรื่องอะไรที่สมควรพูด มาบอกฉันได้ตลอดเวลา”
ลู่ฝานพูดเสียงดังว่า “ไม่ นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องคิด เจ้าสำนักหลีอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม อะไรคือทั้งใต้หล้าจะแย่แล้ว”
นัยน์ตาหลีซีมีความดูหมิ่นเล็กน้อย เขามองลู่ฝานแล้วพูดว่า “ก็หมายความตามที่พูดเลย ส่วนที่เหลือฉันไม่อธิบายให้นายฟังหรอก พูดไปก็เปล่าประโยชน์ คุณชายเงามืด นายกลับไปได้แล้ว วันไหนนายตกอยู่ในเงื้อมมือของหอฝึกสัตว์ ฉันจะไว้ชีวิตนายเพราะเรื่องวันนี้!”
หลีซีส่ายหน้าแล้วพูดกับหลีเหรินหลงที่อยู่ข้างหลัง “ส่งแขกแทนฉันด้วย”
เมื่อพูดจบ รถเข็นของหลีซีหมุนโดยอัตโนมัติ จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
ลู่ฝานยังมีคำถามมากมาย หลีซีพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
ในใจลู่ฝานมีลางสังหรณ์ไม่ดีสุดๆ
หลีซีไม่ได้อธิบายเพิ่มแม้แต่ประโยคเดียว
หลีซีหายลับไปจากสายตาของลู่ฝานอย่างรวดเร็ว
หลีเหรินหลงยืนขวางหน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “คุณชายเงามืด เชิญทางนี้ เรื่องที่เจ้าสำนักไม่อยากพูด ใครก็ทำให้เขาพูดไม่ได้”
สีหน้าลู่ฝานอึมครึม มองหลีเหรินหลงแล้วพูดว่า “พวกนายเชิญฉันมา ล่อให้ฉันพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ออกมา ตอนนี้ถึงตาพวกนายให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับฉันบ้าง”
หลีเหรินหลงส่ายหน้า “ขอโทษด้วย คุณชายเงามืด ฉันไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย ถ้านายอยากได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากฉัน ฉันคงบอกได้เพียงว่าไม่มีทางเป็นไปได้จริงๆ”
หลีเหรินหลงผายมือขวา มองลู่ฝานด้วยรอยยิ้ม
ลู่ฝานรู้สึกโกรธในใจ ก้าวออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
นี่มันเรื่องอะไรกัน เขามาดูว่าหอฝึกสัตว์จะช่วยเขาได้ไหม คิดไม่ถึงว่าหอฝึกสัตว์เป็นคนดูเขาซะอย่างนั้น อีกทั้งก่อนหน้านี้หลีซียังคุยกันดีๆ อยู่เลย ต่อมาน้ำเสียงเปลี่ยนซะอย่างนั้น เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหนังสือ เหมือนเจ้าสำนักหลีได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว ส่วนเขายังมึนงงไปหมด
นี่ทำให้ลู่ฝานไม่พอใจมาก
แม้หยั่งเชิงทั้งสองฝ่าย แต่ลู่ฝานคิดว่าตัวเองขาดทุนมาก
เดินกลับมาหน้าประตูตำหนัก
หลีเหรินหลงสะบัดมือ ประตูมิติปรากฏออกมาอีกครั้ง
“คุณชายเงามืด ถ้าว่างสามารถพักที่หอฝึกสัตว์สัก 2 วัน ฉันจะให้พวกเขาจัดหาที่พักและอาหารให้นาย นายเดินในหอฝึกสัตว์ได้เลย ดูสัตว์อสูรในใต้หล้า ที่อื่นไม่มีให้ดูแบบนี้นะ”
หลีเหรินหลงดูสง่ามาก
แต่ลู่ฝานกลับจ้องตาเขาแล้วพูดว่า “นายไม่ส่งฉันออกไปเหรอ”
หลีเหรินหลงยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันต้องซ่อนตัว อันที่จริงเป็นเรื่องดีกับคุณชายเงามืด ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ!”
นัยน์ตาลู่ฝานดูดุดัน “ใช่ นายพูดถูก”
ลู่ฝานหันหน้ามา ก้าวเข้าไปในประตูมิติ
หลีเหรินหลงถอนหายใจยาว แม้เขาไม่อยากทำแบบนี้ แต่เขาจำเป็นต้องทำ
สัญชาตญาณบอกเขาว่าเงามืดไม่ใช่คนเลว แต่เจ้าสำนักไม่ได้สั่ง ใครจะกล้าพูดล่ะ
หลีเหรินหลงทำได้แค่ส่ายหน้าเดินออกไป!
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่ฝานกลับมาในสนามสัตว์อสูรในห้องที่หอฝึกสัตว์
เมื่อเขาปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง เขาดึงดูดสายตาของคนรอบๆ อีกครั้ง
ผู้อาวุโสที่รออยู่ข้างๆ เห็นลู่ฝานออกมาอย่างปลอดภัย ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “คุณชายเงามืด เจอเจ้าสำนักไหม”
ลู่ฝานพยักหน้า “เจอแล้ว เจ้าสำนักของพวกนายไม่เหมือนกับที่ฉันจินตนาการไว้เลย”
ผู้อาวุโสเข้าใจความหมายที่ลู่ฝานจะสื่อ เขาหัวเราะไม่หยุด
ขณะนั้นศิษย์หอฝึกสัตว์ที่อยู่รอบๆ พากันล้อมเข้ามา
จ้องลู่ฝานแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่านายจะออกมาอีก!”
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าสำนักไม่ฆ่านาย!”
“เงามืด นายคิดว่าตัวเองเดินอาดๆ เข้า-ออกหอฝึกสัตว์ได้อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันจะท้าประลองกับนาย พนันด้วยเกียรติผู้ฝึกชี่ของฉัน กล้าประลองไหม”
……
กลุ่มคนเอะอะโวยวาย เห็นพวกเขาหน้าแดงถึงหู เหมือนจะกลืนลู่ฝานทั้งเป็น
ผู้อาวุโสข้างๆ กำลังจะพูดห้ามพวกเขา ทว่าศิษย์หอฝึกสัตว์คนหนึ่งลงมืออย่างรวดเร็ว
แสงกระบี่พุ่งเข้ามาที่แก้มลู่ฝาน ได้ยินเพียงเสียงเคร้ง แสงกระบี่โจมตีลงบนตัวลู่ฝาน
เสื้อผ้าปลิวตามลม ลู่ฝานไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่แววตากลับเย็นชา
ถ้าเป็นตอนอื่น ลู่ฝานเจอเรื่องแบบนี้ เขาคงไม่โกรธอะไรมาก ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัย เรื่องที่สามารถคาดเดาได้จะไม่ส่งผลกระทบกับอารมณ์เขา
แต่ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี รู้สึกโกรธนิดหน่อยแล้ว
พลานุภาพน่ากลัวเริ่มปรากฏขึ้นบนตัวลู่ฝาน ทำให้ศิษย์หอฝึกสัตว์ที่อยู่รอบๆ ถอยหลังกรูด
ในความรู้สึกของพวกเขา ลู่ฝานเหมือนสัตว์อสูรโบราณแสนน่ากลัวที่กำลังจะตื่นจากการหลับใหล
ผู้อาวุโสก็เห็นสีหน้าลู่ฝานผิดปกติ รีบตำหนิพวกศิษย์หอฝึกสัตว์ว่า “หลีกไป! พวกนายจะก่อเรื่องใช่ไหม อยากโดนขังใช่ไหม!”
คำพูดของผู้อาวุโสทำให้คนส่วนหนึ่งไม่กล้าพูดอีก แต่คนส่วนใหญ่ที่เหลือกลับมีความโมโหเต็มใบหน้า
“เพื่อแก้แค้นให้พี่หลีเหรินหลง โดนขังแล้วยังไงล่ะ!”
“เงามืด รับคำท้าของฉันซะ!”
ชายร่างกายกำยำคนหนึ่งปาดฝ่ามือตัวเอง เอากระดาษออกมาหนึ่งแผ่น ใช้เลือดเขียนการต่อสู้เป็นตายแล้วโยนให้ลู่ฝาน
แต่ลู่ฝานไม่อยากมองสักนิด ลู่ฝานกำหมัดแล้วพูดว่า “อย่างพวกนายเนี่ยนะ ไม่เจียมตัว!”
ศิษย์หอฝึกสัตว์ที่อยู่รอบๆ โมโหทันที แสงมากมายพุ่งขึ้นมา เหมือนดอกไม้ไฟแสนสะดุดตา
ลู่ฝานเห็นภาพนี้ เขากลับไม่กลัวสักนิด
อย่างที่เขาพูด พละกำลังแบบพวกเขาจะสู้กับเขา ไม่เจียมตัวจริงๆ
“วิชาดับวิญญาณ!”
แสงสว่างวาบนัยน์ตา ศิษย์หอฝึกสัตว์สิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาก่อนใครเพื่อนชะงักฝีเท้าลงทันที
เห็นด้วยตาเปล่าว่ากล้ามเนื้อบนร่างกายกลายเป็นหิน สีหน้าชะงักไป นัยน์ตามีความตกตะลึง
เหมือนกวาดตามองไปด้านหลัง พวกศิษย์หอฝึกสัตว์ล้มลงพื้นทันที
ลู่ฝานก้าวไปด้านหน้า ทุกก้าวจะมีศิษย์หอฝึกสัตว์สิบกว่าคน หรือหลายสิบคนเอามือกุมหัวล้มลงบนพื้นอย่างทรมาน
ฝีเท้าของเขาเหมือนจังหวะกลองล่าวิญญาณคร่าชีวิต
ทุกที่ที่เดินผ่าน กลุ่มคนล้มลงพื้น ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณบนตัว หรือพลังชี่ที่ปล่อยออกมา เหมือนพระจันทร์ในเงาน้ำ ดอกไม้ในกระจกเงา มันสลายหายไปเอง
แม้แต่ผู้อาวุโสข้างๆ ยังตกใจจนเว้นระยะห่างกับลู่ฝาน
ปล่อยเขตวิถีบนตัวออกมา ชี้หน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “วิชาดับวิญญาณ นายเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายจริงๆ!”
ลู่ฝานตอบอย่างเฉยเมยว่า “พวกนายคิดอย่างนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ใช่แล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง สำคัญมากไหม”