เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1901 หอฝึกสัตว์ (3)
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1901 หอฝึกสัตว์ (3)
ลู่ฝานขมวดคิ้วทันที มองหลีซีที่อยู่ด้านหน้าอย่างสงสัย
หลีซีไออย่างแรงอีกสองสามครั้ง เขาเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปาก ลู่ฝานเห็นเขาไอออกมาเป็นเลือด
หลีซีสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า “นายเห็นเรื่องน่าอายแล้ว คุณชายเงามืด ฉันสุขภาพไม่ดี ไอมาหลายสิบปีแล้ว”
ลู่ฝานพูดว่า “เมื่อเร็วๆ นี้เจ้าสำนักเพิ่งต่อสู้ครั้งใหญ่มาเหรอ จากพละกำลังของหอฝึกสัตว์ รักษาอาการป่วยของเจ้าสำนักให้หายไม่ใช่ปัญหาเลย”
หลีซีหัวเราะ “สู้ครั้งใหญ่เหรอ เปล่าหรอก ร่างกายฉันมีข้อบกพร่องมาตั้งแต่เด็กแล้ว เส้นลมปราณหายไปสามเส้น ตันเถียนไร้เงา เป็นโรคเลือด วัณโรคแล้วก็โรคหัวใจ โรคที่ควรเป็น ฉันเป็นมาหมดแล้ว บวกกับวิญญาณอ่อนแอ พลังชีวิตมัวหมอง อย่าว่าแต่สู้กับคนอื่นแล้ว แค่อากาศเย็นลงนิดหน่อย ฉันก็ลงจากเตียงไม่ได้แล้ว”
ลู่ฝานยิ่งไม่เข้าใจขึ้นอีก
หลีซีเห็นสีหน้าลู่ฝานแล้วหัวเราะออกมา “ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ นายกำลังสงสัยตัวตนของฉันอยู่ใช่ไหม ทำไมคนพิการที่เป็นโรคมาหลายปีอย่างฉันถึงเป็นเจ้าสำนักของหอฝึกสัตว์ได้ นายคงเข้าใจว่าฉันคืออริยบุคคลในตำนาน หรือไม่ก็ควรเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วใต้หล้า แต่ฉันต้องขอโทษด้วย ความจริงมักโหดร้ายเสมอ ใช่แล้ว เจ้าสำนักของหอฝึกสัตว์คือฉันเอง อีกทั้งฉันไม่ได้อาศัยการสืบทอดตำแหน่ง แต่ฉันอาศัยความสามารถของตัวเอง พูดไปนายอาจไม่เชื่อ แม้ฉันไร้เรี่ยวแรง แต่ถึงสามอริยบุคคลมา ฉันก็ไม่กลัว”
ลู่ฝานสัมผัสถึงความมั่นใจมหาศาลจากคำพูดของหลีซี
อย่างอื่นเสแสร้งกันได้ แต่สิ่งนี้ไม่สามารถเสแสร้งได้ ลู่ฝานเริ่มเชื่อเขาแล้ว แม้ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเก่งขนาดนี้
หลีซีกวักมือให้หลีเหรินหลงแล้วพูดว่า “เสิร์ฟเหล้า อย่าละเลยแขกวีไอพี!”
หลีเหรินหลงพยักหน้า เอาถุงเหล้าออกมาสองถุง
ลู่ฝานรับถุงเหล้ามา แต่ไม่ได้ดื่ม
หลีซีจิบเบาๆ สีหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย “คุณชายเงามืด เมื่อกี้ให้ผู้อาวุโสลองหยั่งเชิงนายครู่หนึ่ง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันกะจะออกมาเจอนายเลย แต่พวกเขาบอกว่าไม่เชื่อใจนาย แม้นายไว้ชีวิตหลีเหรินหลงก็ตาม ดังนั้นโปรดอภัยให้ด้วย อย่าให้เรื่องเล็กน้อยทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรา”
ลู่ฝานพยักหน้า ตอนนี้เขาก็พอเดาได้แล้วว่าเมื่อกี้ผู้อาวุโสพวกนั้นกำลังหยั่งเชิงเขา
มองเขาอยู่ตั้งนาน จะมีอะไรนอกจากดูว่าเขาเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายหรือเปล่า
ลู่ฝานไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาพูดว่า “เจ้าสำนักหลี เรียกฉันมาวันนี้มีอะไรเหรอ”
หลีซียิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ๆ ฉันไม่ได้เรียกนายมา แต่นายมาหาฉันเองต่างหาก ไม่ว่าจุดประสงค์ของนายคืออะไร ยังไงนายก็ต้องมาหอฝึกสัตว์ ฉันแค่จัดวันให้นายเท่านั้น สองวันนี้ฉันว่างพอดี”
ลู่ฝานได้ยินคำพูดของหลีซี จิตใจวูบไหวเล็กน้อย “เจ้าสำนักหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ!”
หลีซีพูดว่า “นายเข้าใจ นายเข้าใจเป็นอย่างดี ฉันอาจลืมบอกนายไป แม้ฉันใช้พลังปราณ พลังชี่ไม่เป็น แต่ฉันรู้จักคิด นายเป็นหัวหน้าสำนักที่ 15 ของจิตใจเต๋าสำนักมาร ฐานะไม่ต้อยต่ำ พละกำลังไม่แย่ อยากได้เงินก็ได้ อยากได้คนก็ได้ เรียกว่ามีความสามารถมาก อยากทำอะไรก็ทำ แค่ไม่ไปหาเรื่องคนที่ตัวเองหาเรื่องไม่ได้ นายสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมนายถึงมาหาเรื่องหอฝึกสัตว์ล่ะ ทำไมหลังจากหาเรื่องเสร็จถึงไม่ฆ่าคนปิดปาก แต่กลับปล่อยกลับมา อีกทั้งยังไว้ชีวิตหลีเหรินหลงด้วย”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “อาจเป็นเพราะฉันอารมณ์ดีมั้ง”
หลีซีพูดว่า “คุณชายเงามืด คนเราทำอะไรมีเป้าหมายเสมอ เป้าหมายของนาย ฉันคิดดูแล้วมีแค่สองอย่าง หนึ่งคือภารกิจพิเศษของจิตใจเต๋าสำนักมาร ทำให้หอฝึกสัตว์เชื่อใจนาย จากนั้นหาโอกาสเล่นงานหอฝึกสัตว์ สองคือนายไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้ายที่แท้จริง ฉันให้คนสืบข้อมูลเกี่ยวกับนาย ทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ ที่มาแปลกประหลาดมากจริงๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจิตใจเต๋าสำนักมารถึงให้นายเป็นหัวหน้าสำนัก นายลึกลับมาก นายเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายจริงหรือเปล่า!”
หลีซีหัวเราะไม่หยุด เขาไอออกมาอีกครั้ง
ลู่ฝานพูดว่า “ดูเหมือนเจ้าสำนักชอบคาดเดามากเลยนะ”
หลีซีส่ายหน้า “ฉันไม่เคยคาดเดา ในเมื่อวันนี้นายกล้ามาสำนักหอฝึกสัตว์ กล้ามาเจอฉัน ฉันยืนยันได้ว่านายไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้ายที่แท้จริง นายต้องการความช่วยเหลือจากฉัน หรือจะพูดว่านายต้องการความช่วยเหลือจากหอฝึกสัตว์ก็ได้ นายเล่าให้ฉันฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันรู้ว่าช่วงนี้ประเทศฉิงเทียนไม่ค่อยปกติ แต่ฉันสืบไม่ได้ว่ามันผิดปกติตรงไหน ช่วงก่อนหน้านี้ออกไปข้างนอกนานเกินไปจนทำให้เกิดเรื่อง”
ลู่ฝานมองหลีซีแต่ไม่พูดอะไร
เขากำลังคิดว่าเชื่อหลีซีได้หรือเปล่า
หลีซีมองตาลู่ฝานแล้วหัวเราะ “กำลังคิดอยู่สินะว่าเชื่อฉันได้หรือเปล่า!”
ลู่ฝานอึ้งไป หลีซีพูดต่อ “ฉันตอบให้ก็ได้ นายเชื่อฉันได้ อย่างน้อยนายบอกใบ้ฉันสักนิด จะได้ไม่มาเสียเที่ยว นายว่าจริงไหมล่ะ”
จู่ๆ ลู่ฝานหัวเราะ “ฉันพอรู้แล้วว่าทำไมถึงเป็นเจ้าสำนักได้”
หลีซีส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ นายไม่รู้หรอก คนมากมายสามารถมองทะลุใจคนได้ ต่างคนต่างมีวิธีแตกต่างกัน แต่ผลไม่ต่างกันเท่าไร ถ้านายรู้จักซ่อนความเปลี่ยนแปลงอันน้อยนิดของการแสดงออกของตัวเอง ฉันก็ดูไม่ออกเหมือนกัน พูดมาเถอะเงามืด นายรู้อะไรกันแน่ การแข่งนานาประเทศ เป็นแผนการร้ายหรือเปล่า!”
สีหน้าลู่ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เจ้าสำนักรู้เหรอ”
หลีซีถอนหายใจแล้วพูดว่า “เพิ่งรู้ เป็นไปตามคาดจริงๆ พวกผู้ฝึกชั่วร้ายไม่เคยละทิ้งความคิดที่จะครองโลก ทำไมคนมีพละกำลังพวกนี้ถึงคิดว่าการที่ตัวเองปกครองโลกคือเรื่องดี”
ลู่ฝานพูดว่า “เจ้าสำนักรู้อะไรอีก”
หลีซีพูดว่า “ในเมื่อการแข่งนานาประเทศคือแผนการร้าย แต่ราชวงศ์ประเทศฉิงเทียนพึ่งไม่ได้แล้ว ในเมื่อราชวงศ์ประเทศฉิงเทียนพึ่งไม่ได้ งั้นต้องตรวจสอบทุกที่ในประเทศฉิงเทียนอย่างละเอียด โดยเฉพาะในเมืองฉิงเทียน ถ้าเป็นเช่นนี้ แผนการร้ายของผู้ฝึกชั่วร้ายดูใหญ่เกินไป ใหญ่จนพวกเขาไม่มีกำลังทำให้สำเร็จได้ วิธี ใช่แล้ว วิธีคือสิ่งสำคัญ ฉันต้องรู้วิธีของพวกเขา เงามืด ถ้านายไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้ายจริงๆ งั้นช่วยบอกฉันหน่อยว่าครั้งนี้ราชาปีศาจมากี่คน ผู้อาวุโสมากี่คน”
ลู่ฝานมองใบหน้าจริงจังของหลีซี “ราชาปีศาจ 3 คน ผู้อาวุโส 10 คน แล้วก็มีคนชื่อคุณชายเฟิงเทียนอีกคน เขาฐานะสูงกว่าผู้อาวุโส”
หลีซีแววตาวูบไหว จู่ๆ เขาไออย่างแรง
เขาไอเหมือนปอดจะหลุดออกมา สีหน้าซีดเผือด มือเท้าเริ่มสั่นเบาๆ
หลีเหรินหลงที่อยู่ข้างๆ จะประคองเขา แต่หลีซีดันเขาออกเบาๆ
หลีซีมองลู่ฝานด้วยแววตาลุกโชน “แย่แล้ว ทั้งใต้หล้าจะแย่แล้ว!”
ลู่ฝานอ้าปากหวอ พูดอย่างตกใจว่า “เจ้าสำนักหมายความว่ายังไง”