หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 507 โรคหวาดระแวง
ตอนที่ 507 โรคหวาดระแวง
“คนผู้นี้ฉีกหน้าหม่อมฉันกับเสด็จพี่ให้ได้รับความอัปยศ หากมิใช่เป็นเพราะเสด็จพี่ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา หม่อมฉันคงไม่ใส่ใจฐานะของตนลงมือสั่งสอนเขาให้หลาบจําด้วยตนเองไปแล้วเพคะ”
“หากแต่ผู้ใดจะคาดคิด กระทั่งน้ําพระทัยอันกว้างขวางของเสด็จพี่ยังไม่อาจเปลี่ยนจิตใจอันโฉดชั่วของคนผู้นี้ พวกหม่อมฉันละเว้นเขาด้วยใจเมตตา ไม่คิดเลยว่าแท้จริงกลับกลายเป็นปล่อยผู้ร้ายฆ่าคนให้ลอยนวลจนเป็นเหตุให้เสด็จพี่ต้องสิ้นพระชนม์ ฮือ ฮือ ฮือ… หากหม่อมฉันล่วงรู้ว่าเรื่องราวจะลงเอยเช่นนี้หม่อมฉันจะให้ราชองค์รักษ์จับกุมตัวคนโอหังผู้นี้เสียแต่ต้นเสด็จพี่ก็คงไม่ต้องมีพระชนมายุสั้นถึงเพียงนี้”
ขณะที่องค์หญิงบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เหล่าราชองค์รักษ์ทั้งหลายก็ล้วนผงกศีรษะรับรองด้วยความเห็นพ้อง
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเกอซีกับฉางกวนรุ่ย ฉางกวนเจิ้นเยวสองพี่น้องล้วนเป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าสายตาเหล่าอารักขาทั้งหลายที่ร่วมเดินทางในวันนั้น
ยิ่งได้ฟังฉางกวนเหวินก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวจนควันออกหูเสียงตะคอกคํารามใส่เกอซีดังสนั่น
“ซีเยว่ เจ้ายังมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่ ?”
หญิงสาวยกยิ้มกล่าวคํา
“เมื่อพวกท่านกล่าวเองแสดงความคิดเห็นสรุปเชื่อมโยงกันเองเช่นนี้ ข้ายังสามารถกล่าวค่าได้ได้อีกเล่า”
“เจ้ายังกล้ากล่าวว่าพระธิดาของข้ากับราชองครักษ์ปั้นเรื่องหลอกลวงกระนั้นหรือ ?”
เกอซีส่งเสียงตอบอย่างขอไปที่
“ก็ไม่เสียทีเดียว !”
น้ําเสียงของฉางกวนเหวินจีดังกระหมยิ่งกว่าก่อนหน้า
“ชัดเจนว่า เจ้านึกเจ็บแค้นพระโอรสของข้านับแต่วันนั้น เพียงจ่าต้องเก็บงําอําพรางไว้ ทว่าเมื่อเจ้าสบโอกาสงามในแดนผนึกมังกรเจ้าจึงรีบฉวยโอกาสสังหารเขาใช่หรือไม่ ?”
เกอซีแสดงอาการขบขันสายตาที่มองฉางกวนเหวินจประหนึ่งกําลังมองดูคนโง่เง่าไร้สมอง
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าที่ตรัส ล้วนตรงข้าม”
“เมื่อฉางกวนเจิ้นเยว่กล่าวว่านาง และองค์ชายสามถูกหม่อมฉันฉีกหน้าให้ได้รับความอับอายเช่นนั้นหม่อมฉันจะนึกแค้นเคืองด้วยเหตุใด? ไร้สาระสิ้นดี !”
เพียงได้ยินถ้อยคําของเกอซี ฉางกวนเจิ้นเยวสะดุ้งโหยง นางส่งเสียงร้องตะคอก
“เห็นได้ชัดว่าเจ้าริษยาที่ข้ากับองค์ราชันมัจจุราชมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น เจ้าจึงขัดขวางห้ามมิให้ข้ากับเสด็จพี่เข้าไปหาองค์ราชันมัจจุราช เสด็จพี่ช่วยปกป้องข้า เช่นนั้นเจ้าจึงพลอยเคียดแค้นเสด็จพี่ไปด้วย”
“องค์หญิงเห็นจะมีปัญหาทางสมองกระมัง ?”
เกอซ่อดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
“หากข้าจําไม่ผิดในตอนนั้นขากําลังจะออกจากตําหนักราชันมัจจุราชในขณะที่พวกเจ้าทั้งสองถูกผู้ดูแลตหนักกั้นขวางมิให้เข้าสู่ด้านในมิใช่หรือ ?”
“เจ้ากล่าวอ้างว่าข้าริษยาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับองค์ราชันมัจจุราชกระนั้นหรือ ? ข้าจะไปริษยาเจ้าด้วยเหตุใด ? พวกเจ้าถูกกักกันไว้ภายนอกเขตประตูพระตําหนักเพียงเท่านี้ ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้ากับองค์ราชันมัจจุราชนั้นแน่นแฟ้นเพียงไร”
“อ้อ ! องค์หญิงกระหม่อมอยากชี้แนะพระองค์สักเล็กน้อย อาการป่วยทางจิตโรคหวาดระแวงของพระองค์นี้แม่ไม่อาจรักษาให้หายขาด ทว่าย่อมสมควรได้รับการเยียวยารักษาให้พอทุเลาลงไปบ้างอ้า…ทั้งจะดีที่สุดหากพระองค์จะไม่พาเสด็จพ่อ และเสด็จพี่ติดตามไปด้วยจะได้ไม่ต้องหน้าแตกยับเยินกันทั้งครัวเยี่ยงนี้”
คํากล่าวแดกดันตรงไปตรงมาของเกอซี่ ส่งให้เหล่ายอดฝีมือที่ร่วมรับรู้หัวเราะร่วนด้วยความขบขัน
ขณะที่เจิ้นเยวโกรธจนหน้าเขียวนางชี้หน้าเกอซีคล้ายอยากสบฤด่าว่า ทว่ากลับเปล่งเสียงออกมาได้เพียงคําเดียวซ้ําไปซ้ํามา
“เจ้า…เจ้า…”
ยามนี้เองที่เพิ่งเหลียนยิ่งผู้นั่งชมเหตุการณ์อยู่ข้างเฟงอวินจึงลุกขึ้นกล่าวด้วยน้ําเสียงนิ่มนวล
“คุณชายซี ท่านเป็นผู้ฝึกยุทธที่มีพลังฝีมือสูงส่งกว่าองค์หญิงเฉินเยว่ เหตุใดจึงกล่าววาจาดูแคลนข่มเหงสตรีผู้อ่อนแอไร้ทางสู่เช่นนี้เล่า ?”
“ยิ่งมิต้องกล่าวว่าข้ากับพี่ยวล้วนรู้จักสนิทสนมกันมานานหลายปี เขายังเคยกล่าวถึงเจ้าให้ข้าฟังว่า เจ้าเป็นเพียงหมอผู้ต่ําต้อยในตําหนักราชันมัจจุราช เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเทียบเปรียบกับฐานะอันสูงส่งขององค์หญิงเฉินเยว่ และองค์ชายสาม มีหรือที่ผู้ดูแลหนานแห่งตําหนักราชันมัจจุราชจะขวางการเสด็จเยือนขององค์ชายสามและองค์หญิงเฉินเยว่หากแต่กลับปล่อยให้เจ้าเข้าสู่พระตําหนัก”
สีหน้าตําหนิติเตียนเผยผ่านดวงหน้านั้นในทุกถ้อยคํากล่าว เสียงถอนหายใจบางเบาถูกปลดปล่อยออกพร้อมน้ําเสียงอันอ่อนโยน
“แม้นหากเจ้าคิดเล่นลิ้นเอาตัวรอดก็ไม่ควรลากผู้ดูแลหนานแห่งตําหนักราชันมัจจุราชมา เกี่ยวข้องให้ต้องเสื่อมเสียการที่พี่ยวจาใจว่าจ้างเจ้าให้ทําหน้าที่หมอประจําตําหนักราชันมัจจุราชย่อมต้องมอบตําลึงเงินตอบแทนแก่เจ้าไม่น้อยไม่คิดเลยว่าเจ้ากลับตอบแทนน้ำใจของพี่ยวเช่น
***จบตอน โรคหวาดระแวง***