หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 506 พยานปากสําคัญ
นิยาย หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 506 พยานปากสําคัญ
ตําแหน่งที่สองทางซ้ายคืออาวุโสสูงสุดแห่งวังเจ็ดดารา ขณะตําแหน่งที่สองทางขวาคืออาวุโสแห่งสํานักนที่จันทรา
ด้านหลังคือเหล่ายอดฝีมือผู้มีพลังปราณธาตุสูงส่งผู้กําลังยืนด้วยอาการนอบน้อม พลังฝีมือของพวกเขาล้วนไม่ต่ําเตี้ยไปกว่าพลังปราณขั้นปฐพี่สะท้านสะเทือน
ถัดจากตําแหน่งสี่สํานักใหญ่ ก็คือสํานักเล็กที่มีประปรายในแคว้นต่าง ๆ กระนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นยอดฝีมือผู้บรรลุถึงระดับสูงสุดของพลังปราณขั้นที่สี่ ปฐพีสะท้านสะเทือนทั้งสิ้น
ย่อมเป็นที่แน่นอน เมื่อการตัดสินคดีความครั้งใหญ่นี้ถูกจัดให้ชี้แจงชัดเจนเบื้องหน้าสี่สํานักและเหล่าตระกูลใหญ่ เช่นนั้นเหล่าราชนิกูลทั้งหลายแห่งแคว้นจนหลิงตลอดถึงบรรดายอดฝีมือผู้เยี่ยมยุทธระดับแนวหน้าล้วนถูกเชิญให้ได้ร่วมสนุกในคดีความระทึกขวัญครานี้
ตลอดทั่วแคว้นจินหลิงนอกเสียจากองค์ราชันมัจจุราชหนานกงยผู้เก่งฉกาจเกรียงไกรที่สามารถบรรลุถึงพลังปราณระดับสูงสุดขั้นปฐพี่สะท้านสะเทือน ล้วนไม่ปรากฏผู้ใดสามารถฝึกฝนพลังฝีมือให้ถึงระดับพลังปราณขั้นที่ห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ
เช่นนั้นเบื้องหน้าเหล่าชาวยุทธยอดฝีมือกลุ่มนี้ ฉางกวนเหวินจี้จึงเหลือหน้าแค่เพียงปลายเข็ม
ทว่าเมื่อมีเพิ่งอขึ้นจึงคอยหนุนหลัง เขาจึงกล้าเค้นเสียงข่ม วางอํานาจดุดันอยู่ได้
โอรสสวรรค์ทุบแท่นวางพระหัตถ์เหนือบัลลังก์มังกรส่งเสียงตะคอกใส่หนุ่มน้อยผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า
“ขวัญกล้ายิ่งนัก ! มีผู้รู้เห็นว่าเจ้าลงมือสังหารพระโอรสของเราในเขตแดนผนึกมังกร ทว่าเจ้ากลับยังปากแข็งไม่ยอมรับกระนั้นหรือ ?”
เกอซีตอบกลับด้วยน้ําเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
“ไม่อาจรับ”
ฉางกวนเหวินจรั้งรอให้อีกฝ่ายสาธยายแก้ตัวอยู่เนิ่นนาน ผู้ใดจะคาดคิดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้กลับกล่าวตัดบทออกมาดื้อๆ เช่นนี้
โอรสสวรรค์สําลักน้ําลายในลําคอขึ้นมาทันทีถ้อยคําโต้ตอบกลับติด ๆ ขัด ๆ ในบัดดล
“แค่ก แค่ก..ซีเยว่ หลักฐานพยานล้วนมัดตัวเจ้าแน่นหนา แม้นเจ้าจะไม่ยอมรับย่อมไม่อาจหลีกหนีความผิดในครานี้ไปได้อย่างแน่นอน”
หญิงสาวยกยิ้มด้วยท่าทีผ่อนคลายไร้ความกังวลใจ
“เมื่อเป็นเช่นนั้น ขอฝ่าบาทโปรดนําหลักฐานออกพิสูจน์ให้ทุกคนได้ประจักษ์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฉางกวนเหวินจองตะลึงกับความคิด และการกระทําของเกอซึจนหน้าเขียวหน้าเหลือง ความหวั่นเกรงครั่นคร้ามที่เคยมีต่อคนตระกูลเฉินพนมลายหายจากใจสิ้น เขายกมือโบกสั่ง
“เจ้าจะได้ตายสมใจแน่ ! เชิญตัวองค์หญิงเฉินเยว่ และราชองค์รักษ์มาที่นี่”
เพียงไม่ช้านานองค์หญิงเฉินเยวผู้งดงามก็ถูกนําตัวมายังท้องพระโรง
แม้พลังฝีมือของนางจะต่ำต้อย ทว่าด้วยวัยสาวสะคราญผนวกกับเรือนร่างที่บอบบางระหง
งนางเยื้องย่างกรายเข้าสู่เขตห้องท้องพระโรงพลางยกมือขึ้นปาดหยาดน้ําตาที่หลั่งรินลงเป็นสาย ด้วยนัยน์ตา และจมูกที่แดงก่ําเช่นนี้ย่อมสามารถชักพาจิตใจผู้คนให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มพร้อมพลีกายใจ
เบื้องหลังที่ติดตามองค์หญิงเฉินเยวมา ก็คือทหารราชองครักษ์จํานวนสองนายผู้มีพลังฝีมือเพียงขั้นปฐมภูมิโลกันตร์
องค์หญิงผู้หมดจดงดงามย่อกายลงคารวะฉางกวนเหวินจี้ก่อนจะหันมาตวาดพลางร่ําไห้ใส่เกอซีด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ซีเยว่ เหตุใดเจ้าจึงมีจิตใจโหดร้ายถึงเพียงนี้ เสด็จพของข้าทรงบาดหมางกับเจ้าแค่เพียงเล็กน้อย ทว่าเจ้าถึงกับลอบปลงพระชนม์ โธ่ ! เสด็จพี่ของข้านั้นทั้งแสนดีทั้งมือปนิสัยอ่อนน้อมไม่ถือพระองค์ ไม่คิดเลยว่าจะเสด็จจากไปเช่นนี้ ฮือ ฮือ ฮือ…”
เพียงคิดถึงความตายของพระโอรส ใบหน้าของฉางกวนเหวินก็ยิ่งหม่นมัวด้วยความเคียดแค่นชิงชัง
สายตายามเมื่อจองมายังเกอซีเผยความน่าสะพรึงกลัวอย่างเห็นได้ชัด น้ําเสียงเอ่ยถามผู้เป็นพระธิดาดังก้องชัด
“เจ้ากล่าวว่าในครานั้นรุ่ยเอ๋อมีเรื่องขัดแย้งกับคนผู้นี้ใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นก็จงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้เหล่าชาวยุทธทุกท่านได้ฟังอย่างละเอียด
*รุ่ยเอ๋อ หมายถึงฉางกวนรุ่ย เอ๋อใช้เรียกตามหลังชื่อเล่นกับคนสนิท
องค์หญิงเฉินเยวสะอึกสะอื่นอีกสองคราก่อนค่อย ๆ เอื้อนเอ่ยวาจา
“ในวันนั้น หม่อมฉันกับเสด็จพี่ชักชวนกันไปเยี่ยมองค์ราชันมัจจจุราชถึงพระตําหนัก ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าหม่อมฉันจะได้เจอคนผู้นี้ที่หน้าประตูพระตําหนัก แม้นพวกเราจะไม่รู้จักเขา หากทว่ามองเพียงปราดเดียวย่อมสามารถล่วงรู้ได้ว่าคนผู้นี้มีพลังฝีมือเพียงขั้นต้นหากแต่วาจาท่าทึกลับ โอหังอวดดี เขาไม่ให้ความเคารพเสด็จพี่แม้เพียงน้อย เช่นนั้นหม่อมฉันจึงบันดาลโทสะกล่าวว่าหนิเขาไปเพียงไม่กี่ประโยค
“ผู้ใดจะคาดคิดว่าคนผู้นี้กล่าวอ้างนามองค์ราชันมัจจุราชต่อปากต่อคํากับหม่อมฉัน เสด็จพี่ทรงใช้ความอดกลั้นเข้าข่ม กระนั้นเขาก็ยังไม่สํานึกกล่าววาจาจ้วงจาบล่วงเกินหม่อมฉันและเสด็จพี่”
***จบตอน พยานปากสําคัญ***