ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! - ตอนที่ 22งานใหม่ที่สวรรค์ส่งมาให้
บทที่ 22งานใหม่ที่สวรรค์ส่งมาให้
กับความอำมหิตของเธอ เจียงสื้อสื้อนั้นไม่ได้รู้ถึงมันเลย
เธอได้แต่อยู่กับความกระวนกระวาย
ค่ายาของแม่ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เธอยังกลับหางานไม่ได้เลยสักงาน หลังจากหมดกำลังใจ เธอจึงตัดสินใจที่จะไปหางานพาร์ทไทม์ทำ
และในตอนนั้นเอง ก็มีเบอร์ที่ไม่ทราบชื่อโทรเข้ามา
ต้นสายเขาแนะนำตัวว่าเป็นผู้ดูแลของ ‘บริษัทจิ่นซื่อ’ เพราะเห็นใบประวัติที่เธอส่งไปแล้วรู้สึกพอใจมาก จึงอยากรับเธอเข้าทำงาน
ปฏิกิริยาแรกของเจียงสื้อสื้อก็คือ เธอไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้มาก่อน และเธอก็ไม่เคยส่งใบประวัติไปให้บริษัทนี้ด้วย ต้องเป็นมิจฉาชีพแน่ๆ
ว่าแล้ว จึงได้ถามไปเพื่อความปลอดภัยว่า “บริษัทของคุณต้องการใช้ฉันจริงๆ เหรอคะ? ไม่ต้องไปสัมภาษณ์งานเหรอคะ?”
ผู้หญิงต้นสายตอบมาด้วยความจริงใจว่า “ใช่ค่ะ ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์ค่ะ ถ้าอยากจะรู้ถึงความสามารถของคนๆ หนึ่ง ดูจากประวัติก็สามารถตัดสินใจได้แล้วค่ะ สมัยเรียนคุณเจียงก็เป็นนักเรียนดีเด่น คาดว่าความสามารถในการทำงานก็คงไม่ด้อย”
พอได้ยินอย่างนั้น ยิ่งทำให้มั่นใจเลยว่านี้มันมิจฉาชีพชัดๆ
เจียงสื้อสื้อหมดความสนใจในทันที แล้วตอบกลับไปว่า “คุณผู้หญิง ถ้าคิดจะหลอกคนก็ให้มันแยบยลกว่านี้หน่อย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงหรือบริษัทเล็กที่ไม่มีใครรู้จัก ตอนที่คิดจะจ้างใคร อย่างน้อยก็ต้องมีการเรียกสัมภาษณ์กันบ้าง ทำแบบนี้คุณไม่มีทางได้ผลงานหรอกนะรู้หรือเปล่า?”
ผู้หญิงที่อยู่ต้นสายชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงรีบอธิบายว่า “คุณเจียงคะ คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่หรือเปล่าคะ? ฉันไม่ใช่มิจฉาชีพนะคะ! คือบริษัทของเราเพิ่งเปิดได้ไม่นาน จึงรีบเร่งที่ตามหาคนที่มีความสามารถอยู่ และคุณก็เหมาะสมกับความต้องการของทางเรามาก จึงได้ข้ามขั้นตอนรับคุณเข้าทำงานเลยค่ะ”
เจียงสื้อสื้อได้ขำออกมา “จริงเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยว่าที่อยู่ของบริษัทอยู่ตรงไหนคะ?”
อย่าได้พูดเชียวนะว่าอยู่ตามซอกไหนสักซอกหนึ่งของเมืองนี้นะ!
อีกฝั่งตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า “บริษัทของเราตั้งอยู่ที่ชั้น28ของอาคารซื่อซินค่ะ ถ้าคุณเจียงไม่มั่นใจก็สามารถเดินทางเข้ามาดูได้ด้วยตนเองเลยค่ะ แล้วถ้าตอนนั้น คุณตกลงที่จะทำงานกับเรา ก็สามารถเริ่มงานได้เลยค่ะส่วนเรื่องค่าจ้างก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ทางเราจะไม่มีทางเอาเปรียบคุณแน่นอนค่ะ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับอึ้งไปเลย
อาคารซื่อซินนั้นเธอรู้จัก สำนักงานนั่นตั้งอยู่ในใจกลางเมือง เป็นย่านที่เจริญที่สุดในเมืองจิ่น ถ้าเขาเป็นมิจฉาชีพจริงคงไม่กล้าบอกที่อยู่ของบริษัทให้เรารู้หรอก
น่าขายหน้าจริง!
เขาอยากจะรับเธอขึ้นทำงานจริงๆ แต่เธอกลับไปสงสัยบริษัทของคนอื่นเขา
เจียงสื้อสื้อหน้าแดงก่ำ พูดไปด้วยความเขินอายว่า “ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะสงสัยในบริษัทของคุณเลยนะคะ……”
หญิงสาวยิ้มอย่างมีมารยาท “ไม่เป็นไรค่ะ ทางนี้เข้าใจค่ะ แล้วฉันจะรอการมาของคุณเจียงนะคะ”
“ตกลงค่ะ”
เจียงสื้อสื้อตอบตกลงด้วยความดีใจ รอจนสายตัดไปถึงเก็บมือถือเข้าที่ จากนั้น……ก็กระโดดขึ้นสูงสามเมตรเห็นจะได้ตะโกนออกมาด้วยความดีใจว่า “ในที่สุดก็ได้งานแล้ว!”
……
และในขณะเดียวกัน ณ ห้องผู้จัดการบุคคลของบริษัทจิ่นซื่อ
ซูซานผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่อายุสามสิบกว่าปี กำลังรายงานผลให้กับผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานอย่างมีมารยาทว่า “ท่านประทานคะ คุณเจียงตกลงที่จะมาทำงานกับเราแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน พยักหน้าตอบรับด้วยความขี้เกียจ ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจ
บรรยากาศของความเย็นชาถูกแผ่ออกมาอยู่รอบกาย ยากที่จะรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
น้องชายของเขาที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่ขำอยู่ในใจ
ทำเป็นเข้ม!
นี่ขนาดยังไม่แต่งงานเลย ยังหลงว่าที่ภรรยาจนโงหัวไม่ขึ้น ถึงกับให้เขารีบมาซื้อบริษัทนี้ไว้ แล้วยังสั่งย้ายคนจากสาขาอื่นมา เพื่อสร้างบริษัท บริษัทจิ่นซื่อนี่ขึ้นมาให้เร็วที่สุด
นี่มันไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ!
แล้วถ้าแต่งงานกันแล้ว วันๆ คงจะให้ภรรยานอนอยู่แต่บนเตียงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะมั้ง?
แล้วในตอนที่จิ้นเฟิงเหรากำลังแอบเบะปากอยู่นั้นเอง พี่ชายของเขาก็ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เหมือนกับว่ากำลังจะจากไป
จิ้นเฟิงเหรารีบตามเขาไป แล้วถามไป “พี่ครับ พี่จะไปไหน?”
จิ้นเฟิงเฉินตอบ “กลับบ้าน ไปหาเสี่ยวเป่า เขาอยากเจอคุณเจียง ที่นี่ให้แกดูแลไปก่อนนะ ต้องทำให้บริษัทนี้สามารถดำเนินการไปได้ให้เร็วที่สุด”
พอจิ้นเฟิงเหราพอได้ยินอย่างนั้นก็ต้องตีหน้าเศร้า “แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะ?”
ทั้งๆ ที่พี่เป็นคนจีบสาว แล้วทำไมต้องเป็นผมด้วยที่ต้องมาทนลำบาก?
จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับไปอย่างมีเหตุผลว่า “แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าช่วงนี้แกว่าง? ถ้าไม่ใช่แก หรือจะให้เป็นฉัน?”
จิ้นเฟิงเหราทำหน้าละห้อย
พูดหน่ะมันง่าย!
เขารู้บ้างหรือเปล่าว่าการบริหารบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่มันเหนื่อยยากขนาดไหน?
ทำไมพูดอย่างกับว่ามันง่ายเหมือนกินข้าวอย่างนั้นแหละ?
เหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ จิ้นเฟิงเฉินจึงล้วงเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วโยนให้น้องชายไป “ทำงานดีๆ ถ้าผ่านช่วงนี้ไปเดี๋ยวฉันจะให้แกลาพักร้อนได้สามเดือน”
จิ้นเฟิงเหราถึงกับอึ้ง แล้วอุทานด้วยความดีใจ “อ้าาาาา! ……ไมบัครุ่นใหม่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นด้วย! ที่รักของผม ผมรักคุณ” พูดไปเขาก็จูบไปที่กุญแจรถอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็วิ่งมากอดเอวของพี่ชายเอาไว้ “พี่ครับ พี่สัญญาแล้วนะว่าจะให้ผมลาพักร้อนได้สามเดือน!”
จิ้นเฟิงเฉินเอามือเขาออกไปอย่างน่ารังเกียจ แล้วพูดว่า “ใช่ ฉันสัญญา แต่ก่อนอื่นแกต้องตั้งใจทำให้ดีก่อน”
จิ้นเฟิงเหราดีใจจนหมุนเป็นวงกลม “วางใจได้เลย ผมจะทำให้ดีที่สุด”
หยุดตั้งสามเดือนเลย!
ตั้งแต่เรียนจบมา ก็ถูกพี่ชายบังคับให้เข้ามาทำงานในบริษัท จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยได้หยุดเลยแม้แต่วันเดียว วันๆ หมุนไปหมุนมาเหมือนกับลูกข่าง จนเกือบลืมไปแล้วว่าวันหยุดมันเป็นยังไง
คุณชายรองจิ้นเขาได้วางแผนในทันทีเลยว่า สามเดือนที่ได้หยุด เขาจะได้พักร้อนที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นก็หาสาวสวยสักกลุ่มมาอยู่เป็นเพื่อน นอนดูสาวๆ ในชุดบิกินี่อยู่ริมชายหาด
มันช่างวิเศษอะไรอย่างนี้!
จิ้นเฟิงเฉินพอเห็นว่าน้องชายเริ่มฝันกลางวัน ได้แต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหัว หันหลังแล้วเดินจากไป
………
ตอนประมาณหกโมงเย็น จิ้นเฟิงเฉินพาเสี่ยวเป่า มาที่ ฝูหรงย่วนอีกครั้ง
ทั้งคู่เดินขึ้นมาอย่างคุ้นเคย แต่ก็บังเอิญพบเข้ากับเจียงสื้อสื้อที่หน้าลิฟต์
เจียงสื้อสื้อกำลังจะออกไปซื้อกับข้าว แล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ ซาลาเปาลูกใหญ่อุ้มซาลาเปาลูกเล็กเอาไว้ แล้วซาลาเปาลูกเล็กก็อุ้ม……กุหลาบไว้หนึ่งช่อ
ภาพที่เห็นทำให้เธอลืมการตอบสนองไป เสี่ยวเป่ายื่นช่อกุหลาบให้เธอด้วยความกระตือรือร้น แล้วพูดด้วยความน่ารักน่าชังว่า “น้าสื้อสื้อครับ อันนี้ให้น้าครับ”
ไม่เจอหลายวัน เด็กน้อยยิ่งโตยิ่งน่ารัก แก้มยุ้ยๆ ทั้งสองข้าง ดูตุ้ยนุ้ยน่ารักมาก ใครเห็นก็ต้องหลงรักอย่างแน่นอน
เจียงสื้อสื้อยื่นมือไปรับมาด้วยความดีใจ เธอรับมาทั้งดอกทั้งเด็ก “พวกเธอมาได้ยังไง?”
จิ้นเฟิงเฉินพูดเบาๆ ว่า “เสี่ยวเป่าคิดถึงเธอจนงอแง บอกว่าจะมาให้ได้”
เสี่ยวเป่าที่โชคร้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ได้แต่กอดคอของเจียงสื้อสื้ออย่างชอบใจ “ผมคิดถึงน้าสื้อสื้อมากเลยครับ ปู่กับย่านั้นใจร้าย ไม่ยอมให้ผมมาหาน้าสื้อสื้อเลย”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างมีความสุข อุ้มเสี่ยวเป่าแล้วเดินเข้าบ้านไป พูดไปหอมแก้มไป “น้าก็คิดถึงเสี่ยวเป่าเหมือนกันจ๊ะ”
จิ้นเฟิงเฉินเดินตามหลังมา แล้วถามเธอไปว่า “คุณจะไปข้างนอกเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อตอบ “ใช่ค่ะ กะว่าจะออกไปซื้อของมาฉลองสักหน่อยที่ฉันได้งานใหม่แล้ว”
“จริงเหรอ? ยินดีด้วย ออกไปด้วยกันไหม?”
“ห๊ะ?” เจียงสื้อสื้ออึ้งไปเลย อะไรคือออกไปพร้อมกัน?
จิ้นเฟิงเฉิน “จะออกไปซื้อกับข้าวไม่ใช่เหรอ? ผมกับเสี่ยวเป่าจะไปเป็นเพื่อนไงครับ”