ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! - ตอนที่ 23นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ
บทที่ 23นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ
เจียงสื้อสื้อมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดไป ทำเธองงเป็นไก่ตาแตก หัวหมุนจนงงไปหมด “ไม่เป็นไรมั้งคะ? ฉันไปคนเดียวได้ค่ะ จะให้คุณไปซื้อกับข้าวพร้อมฉันได้ยังไงกัน?”
หรืออีกอย่าง เขาเป็นถึงประธานบริษัทของจิ้นกรุ๊ปเชียวนะ! เป็นเทพบุตรในสายตาของสาวๆ นับพันนับหมื่น มีทรัพย์สินมากเป็นแสนล้าน! เป็นยอดคนในยอดคน เป็นคนที่ไม่มีใครจะมาเทียบได้ นี่ถ้าใครรู้เข้าว่าไปกับเธอมันจะไม่มีปัญหาเหรอ?
แต่ว่าท่านประธานจิ้นยังคงไม่รู้ตัว ทำหน้าไม่เห็นด้วย “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อตอบอยู่ในใจว่า ยังจะถามอีกเหรอว่าทำไม?
คุณดูดีมีชาติตระกูลขนาดนี้ ถ้าไปเดินอยู่ในตลาดมันคงจะดูขัดกันอย่างมากๆ เลย
ถ้าไปจริงๆ ไม่ถูกชาวบ้านมุงดูก็คงแปลก
ถึงแม้ในใจจะคิดแบบนี้ แต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่ยิ้มแห้งๆ “ก็เพราะว่าคุณเป็นแขกไงคะ! เรื่องแบบนี้จะไปรบกวนคุณได้ยังไงกัน”
ระหว่างที่พูด คนทั้งสามก็ได้เดินมาอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว
มือข้างหนึ่งของเจียงสื้อสื้ออุ้มเสี่ยวเป่าเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ล้วงกุญแจ เตรียมจะเปิดประตู
แต่ใครจะไปคิด จู่ๆ เสี่ยวเป่าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดกับเธอว่า “น้าสื้อสื้อ เสี่ยวเป่าอยากไปด้วยครับ”
เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แล้วมองไปที่เขา “ทำไมเธอก็อยากไปด้วยล่ะ? ตลาดไม่ใช่ที่ๆ น่าไปสักหน่อย ที่นั่นวุ่นวายจะตาย แถมกลิ่นยังเหม็นอีกด้วยนะ!”
ทั้งกลิ่นคาวปลากลิ่นเนื้อสด รวมๆ กันแล้วบางทีเธอยังทนไม่ค่อยได้เลย
เสี่ยวเป่าตอบ “ผมไม่กลัว ผมแค่อยากไปกับน้าสื้อสื้อจะได้ไหมครับ?” พูดถึงตรงนี้เขาก็ใช้สายตาที่ใสซื่อ สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังมองมาที่เจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อถึงกับต้องชะงัก คำปฏิเสธทั้งหลายต้องหยุดเอาไว้ที่ปาก หัวใจทั้งดวงแทบจะถูกเขาทำให้ละลายไปหมดแล้วเธอจำต้องตอบตกลงในทันที “ได้ น้าจะพาเธอไปด้วย”
เสี่ยวเป่าดีใจตะโกนออกมา “น้าสื้อสื้อใจดีที่สุดเลย” พูดจบเขาก็หันไป ‘จ๊วบ’ หอมแก้มของเธอไปหนึ่งที
หัวใจของเจียงสื้อสื้อถูกละลายจนกลายเป็นแอ่งน้ำ อ่อนแอจนไม่เหลือชิ้นดี อยากจะถวายชีวิตให้เขาไปเลยจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินที่ยืนดูอยู่ข้างๆ รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ตอนเขาขอไปด้วย เธอก็ปฏิเสธมาแบบไม่คิดเลย แต่พอเป็นเสี่ยวเป่า เธอกลับตอบตกลงในทันที
นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ!
ในตอนที่เขากำลังคิดหนักอยู่นั่นเอง เจียงสื้อสื้อ ก็ได้หันมาพูดกับเขาว่า “คุณจิ้นคะ ให้ฉันพาเสี่ยวเป่าไปด้วยได้ไหมคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ได้สิครับ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มร่า “ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนคุณไปกับพวกเราด้วยเลยนะคะ เพราะตอนที่ฉันเลือกกับข้าว คุณจะได้ช่วยดูเสี่ยวเป่าด้วย”
แล้วจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เดินคุ้มกันคนทั้งสองไปอย่างมีความสุข
……
ประมาณสิบนาทีให้หลัง คนทั้งสามก็ได้มาถึงที่หน้าตลาดแล้ว
เห็นได้ชัดเลยว่าจิ้นเฟิงเฉินมายังที่แบบนี้เป็นครั้งแรก เพราะเขาดูตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
เห็นสภาพตลาดที่ดูยุ่งเหยิง เสียงตะโกนขายของดังมาจากทุกทาง เสียงสับหมูบนเขียงดังจนสะเทือนหู ปลาก็ถูกฆ่าบนเขียงปลา มันดูกระฉับกระเฉง แถมเร็วอีกต่างหาก แต่กลิ่นคาวปลากับกลิ่นคาวเลือดมันช่างรุนแรงจริงๆ มันแสบจมูกจนทนไม่ไหว
จิ้นเฟิงเฉินดูเป็นกังวล รู้สึกว่าเขาไม่เหมาะกับที่นี่สักเท่าไหร่
เสี่ยวเป่าเองก็คิ้วชนกันแล้วเอามือปิดจมูกเอาไว้
เจียงสื้อสื้อพอเห็นทั้งคู่เป็นแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่เธอคิดเอาไว้แล้ว จึงได้เสนอไปว่า “คุณจิ้นคะ คุณกับเสี่ยวเป่ารออยู่ข้างนอกก่อนดีไหมคะ? ฉันเข้าไปซื้อของแปบเดียวเดี๋ยวก็มาแล้ว”
พอเสี่ยวเป่าได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที ทั้งแขนทั้งขาเกาะคอกับเอวของเจียงสื้อสื้อเอาไว้แน่น “ผมจะไปกับน้าสื้อสื้อครับ”
จิ้นเฟิงเฉินก็รีบสนับสนุน “ผมจะไปด้วย ไม่เป็นไร มันแค่ไม่ชิน แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
“จริงเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อมองเขาด้วยความสงสัย เหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ “ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้าแล้วก็ยิ้ม “ไม่ฝืนครับ ผมแค่คิดว่าที่นี่มันค่อนข้างคึกคัก มันดีออก”
เจียงสื้อสื้อยังคงไม่ค่อยเชื่อนัก แต่จิ้นเฟิงเฉินพูดมาแบบนี้ แล้วเธอจะว่าอะไรได้ จากนั้นก็พาทั้งคู่เดินเข้าตลาดไป
เธอเดินเข้าไปข้างในอย่างคุ้นเคย แม่ค้าหลายคนรู้จัก เจียงสื้อสื้อ ต่างก็พากันทักทายเธอ “สื้อสื้อมาจ่ายตลาดเหรอ? มาๆ มา วันนี้ป้าอู๋ซื้อผัดสดๆ มาใหม่ ตั้งใจเก็บเอาไว้ให้เธอเลยนะ รีบมาดูเร็ว”
“สื้อสื้อ นี่กุ้งที่เพิ่งจับมา จะเอาไหม?”
“สื้อสื้อ……”
เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะปฏิเสธยังไง สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มกลับไป “ได้ค่ะได้ค่ะ”
“ไม่คิดว่าคุณจะเป็นที่ต้อนรับขนาดนี้?” จิ้นเฟิงเฉินยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างน่าสนใจ
เสี่ยวเป่าเองก็เปลี่ยนจากความรังเกียจเมื่อกี้เป็นความกระตือรือร้น หันซ้ายหันขวา รู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวมันช่างแปลกใหม่ไปหมด
เจียงสื้อสื้อพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาหลายปี ทุกคนแทบจะเป็นเพื่อนบ้านกันหมด พอนานๆ ไปต่างก็คุ้นเคยกัน พวกเขาต่างก็เป็นคนดี หลายปีก่อนตอนที่ฉันลำบากมากๆ พวกเขาก็เคยให้ความช่วยเหลือกับฉัน
ถึงมันจะฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่คำพูดเหล่านี้มันแฝงด้วยความขมขื่นมากแค่ไหนมีแค่เธอเท่านั้นที่จะรู้
จิ้นเฟิงเฉินได้ฟังอย่างนั้น ก็กระทืบเท้าอยู่ในใจไปทีหนึ่ง
ในตอนที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั่นเอง เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็ได้สังเกตเห็นชายหนุ่มและเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ เจียงสื้อสื้อ
ตั้งแต่เข้ามาจิ้นเฟิงเฉินก็ได้อุ้ม เสี่ยวเป่าเอาไว้
สองพ่อลูก เล็กคนใหญ่คน ใบหน้าทั้งสองเหมือนถูกก๊อบปี้ออกมายังไงอย่างนั้น คนหนึ่งดูดีมีราศี ส่วนอีกคนก็น่ารักน่าเอ็นดู ทำเอาน้าๆ อาๆ แถวนั้นถึงกับร้อนรุ่มขึ้นมาเลย
“นี่ๆ สื้อสื้อ คนหล่อที่อยู่ข้างๆ เธอนั่นเขาเป็นใคร? แฟนเธอเหรอ?”
“ฟงแฟนที่ไหนกัน สามีล่ะสิไม่ว่า ดูสิลูกโตขนาดนี้แล้ว”
“จะเป็นสามีได้ยังไง สื้อสื้อยังไม่ได้แต่งงานเลยไม่ใช่เหรอ? คราวก่อนยังเห็นป้าอู๋จะแนะนำหลานชายที่เป็นทนายให้เธอรู้จักเลยหนิ”
” ……”
เจียงสื้อสื้อคิดไม่ถึงว่าการที่ตัวเองคุยกับจิ้นเฟิงเฉินยังไม่ถึงสองคำ มันจะทำให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ใบหน้าเหมือนถูกย้อมสี มันกลายเป็นสีแดง เธอรีบอธิบายไปว่า “อย่าพูดมั่วๆ นะ พวกเราไม่ใช่……”
“อะไรคือไม่ใช่ ฉันดูก็รู้แล้ว ดูเด็กคนนั้นสิ ปากแดงฟันขาว ดูตาเขาสิเหมือนกับสื้อสื้อเลย โดยเฉพาะปากเล็กๆ นั้นเหมือนกันอย่างกับอะไรดี”
“พอเธอพูดแบบนี้ มันก็ใช่จริงๆ นะ ไอ้หยา สื้อสื้อ เธอนี่ใจดำจริงๆ เลยนะ มีสามีแล้วทำไมต้องปิดบังกันด้วย ไม่ยอมบอกให้ใครรู้”
“โอ้โห หนุ่มคนนี้มองไปก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนธรรมดา ดูบุคลิกนี่สิ ดูการแต่งตัวนี่สิ ยังไงก็ผู้ดีชัดๆ ……แต่จะว่าไป ฉันรู้สึกว่าเขาหน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?”
เจียงสื้อสื้อเริ่มร้อนรนแล้ว คิดในใจ จะไม่คุ้นหน้าได้ยังไง?
เขาคือประธานของบริษัทจิ้นกรุ๊ปเลยนะ ถึงเขาจะถ่อมตัว แต่บางครั้งเขาก็มักจะปรากฏตัวอยู่ตามนิตยสารหรือข่าวสารทางธุรกิจอยู่บ่อยครั้งนะ!
เธอไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ฐานะของท่านประธานจิ้นอาจถูกเปิดเผยได้ ถือโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังเถียงกันอยู่นั้นเอง เธอก็รีบดึงมือของจิ้นเฟิงเฉินแล้วก็วิ่งหนีออกมาเลย
ทั้งสามคนวิ่งออกมาจากตลาด วิ่งมาจนถึงตรงทางม้าลายถึงได้หยุดลง
เจียงสื้อสื้อหายใจหอบ ใบหน้ายังแดงไม่เปลี่ยน แล้วส่งสายตาอาฆาตมาที่จิ้นเฟิงเฉิน “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้พวกคุณตามมา ตอนนี้เป็นไง เข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว!”
จิ้นเฟิงเฉินยืนมองเธออยู่ข้างๆ นัยน์ตาแสดงความรู้สึกที่ใครก็ไม่อาจเข้าใจได้ ขนคิ้วทั้งสองข้างแสดงออกถึงความดีใจที่มีอยู่ภายในออกมาอยางเบาบาง ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาดีใจได้
เสี่ยวเป่าเองก็รู้สึกดีใจ หันไปถามพ่อด้วยตาที่เป็นประกาย “พ่อครับ ผมกับน้าสื้อสื้อเราหน้าตาเหมือนกันจริงๆ เหรอครับ?”