ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 127 คลานออกไปก็ได้
"เธอซื้อไหวเหรอ" เฉียวเหวยอียิ้มออกมาแล้วเอ่ยถามกลับ "ไม่ใช่ว่าช่วงนี้สภาพการเงินของตระกูลเธอค่อนข้างที่จะฝืดเคืองหรอกเหรอ"
"เธอ………" เฉียวอีเหรินโกรธเสียจนหน้าและใบหูขึ้นสีแดงก่ำ
เฉียวเหวยอีกล่าวเสร็จ ก็หยิบเอาบัตรหนึ่งใบออกมาจากกระเป๋า แล้ววางลงไปบนเคาน์เตอร์เบาๆ แล้วเอ่ยถามพนักงานขายอย่างสุภาพ "รบกวนช่วยเอาใส่ถุงให้หน่อยได้ไหมคะ"
ทันทีที่พนักงานขายเห็นบัตรเครดิตสีขาวทองใบนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปในทันที
บัตรใบสีขาวทองใบนี้นั้นเป็นบัตรสำหรับผู้บริหารระดับสูงของห้างสรรพสินค้าโกลบอลของพวกเธอ! สำหรับพวกเธอที่เป็นพนักงานขายแล้ว ในหนึ่งปีก็พบเห็นได้ไม่กี่ครั้ง ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีมัน!
ไม่อาจที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้เลยจริงๆ !
"ชุดไซซ์ s ตัวนี้ฉันจะเอา! เอาใส่ถุงให้ฉันก่อน!" เฉียวอีเหรินไม่อยากที่จะเสียหน้าต่อหน้าผู้คน จึงรีบแย่งแล้วพูดขึ้นมาก่อน
"แต่ว่า……….ตัวนี้เป็นสินค้าจำนวนจำกัดมีเพียงชิ้นเดียว" พนักงานขายลังเลไปชั่วขณะ แล้วเอ่ยตอบกลับอย่างยากลำบากด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เธอจะทำให้คนในครอบครัวของผู้บริหารที่มีบัตรใบสีขาวทองท่านนี้รู้สึกแย่ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
"ฉันไม่สน! ฉันบอกก่อนไปแล้วว่าจะเอา!" เฉียวอีเหรินร้อนรนเสียจนขมวดคิ้วเป็นปมแน่น
"ใช่แล้ว ขายของยังไงก็ต้องเอาตามลำดับว่าใครมาก่อนใช่ไหมล่ะ" ซ่งชิงหรูที่อยู่ด้านข้างก็พูดออกมาอย่างนิ่งๆ "แล้วก็ เธอมั่นใจแล้วเหรอว่าจะซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ แล้วถึงซื้อไป ก็ไม่รู้ว่าเป็นเงินสกปรกที่ยอมไปร่วมหลับนอนกับใครเขามา!"
เมื่อเฉียวเหวยอีได้ยินคำที่พวกเธอพูดขึ้นมา ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธจนหัวเราะออกมาเบาๆ
"สุภาพสตรีสองท่านนี้ ไม่ทราบว่าพวกคุณสมองมีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าคะ" หยวนเป่าที่อยู่ข้างๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา "ใครมาก่อนยังคิดไม่ออกอีกเหรอคะ ถ้าป่วยอยู่ล่ะก็ให้ออกจากร้านแล้วหันซ้ายไปเลยค่ะ เดินตรงไปข้างหน้า 10 กิโลเมตรก็จะเจอโรงพยาบาล รีบรักษาก็ได้จะหายไวๆ นะคะ"
สถานที่ที่หยวนเป่าแนะนำไปนั้นก็คือโรงพยาบาลจิตเวชอันมีชื่อเสียงในตัวเมืองเจียงเฉิง
"นี่แกกล้าด่าฉันว่าเป็นประสาทอย่างงั้นเหรอ"สีหน้าของซ่งชิงหรูเปลี่ยนทันที
"ขอโทษด้วย นี่ท่านพูดเองนะคะ ฉันไม่ได้เป็นคนพูด" หยวนเป่าตอบกลับอย่างเหลืออด
ทางด้านพนักงานขายที่เห็นว่าพวกเธอเริ่มที่จะทะเลาะกัน ก็รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย หันไปพูดกับเฉียวอีเหรินว่า "ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณผู้หญิงมาพรุ่งนี้อีกทีดีไหมคะ ฉันจะช่วยสั่งของจากที่อื่นเข้ามาให้เองค่ะ"
สีหน้าของเฉียวอีเหรินถมึงทึงจนถึงขีดสุด "ฉันบอกว่าจะเอาตัวนี้ก็คือจะเอาตัวนี้!"
"ถ้าเธออยากได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เธอเอ่ยปาก ฉันก็จะซื้อแล้วส่งมันไปให้เธอเองก็ได้" มุมปากของเฉียวเหวยอีแค่นรอยยิ้มออกมาอย่างเฉยชา เหลือบหางตามองไปทางเฉียวอีเหรินแล้วเอ่ยขึ้นมาดังว่า
เฉียวเหวยอีจะใจดีขนาดนี้เลยอย่างงั้นเหรอ
เฉียวอีเหรินสบสายตาเข้ากันกับเธอ ใบหน้าของเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงใจอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ
เฉียวเหวยอีนั่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อขึ้นว่า "แต่ถ้าวันนี้ไม่อยากที่จะคุกเข่า งั้นคลานสี่ขาเป็นหมาออกไปแทนก็ย่อมได้"
"ตั้งแต่ที่บริเวณแทบเท้าของฉันตรงนี้ ให้คลานออกไปนอกประตูร้าน แค่นี้ก็พอแล้ว"
เฉียวอีเหรินบอกว่าเธอเป็นหมา ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะทำให้เฉียวอีเหรินได้เข้าใจและรู้ซึ้ง ว่าการเป็นหมานั้นเป็นอย่างไร
"แก!!!!" เฉียวอีเหรินถลึงตาเสียจนดวงตาเบิกโต
ไม่รอให้เธอตอบกลับ เฉียวเหวยอีก็หยิบเอากล่องเครื่องประดับอัญมณีที่อยู่ในมือมา แล้วชูขึ้นแกว่งไปมาให้เธอเห็น
หลังจากนั้น ก็เขวี้ยงลงพื้นไปอย่างแรงโดยที่ดวงตาไม่กะพริบเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
"เฉียวเหวยอี นี่แกบ้าไปแล้วเหรอ!!!" ซ่งชิงหรูที่อยู่ด้านข้างก็กรีดร้องเสียงแหลมออกมาเสียงดัง
หยวนเป่ามองดูเข็มกลัดติดหน้าอกที่เป็นอัญมณีอันสวยสดงดงามแตกกระจายอยู่บนพื้น เป็นชั่วขณะที่ตัวเธอตื่นตะลึงเสียจนอ้าปากค้างและไม่อาจที่จะกะพริบตาได้เลย
ผู้หญิงคนนี้ เป็นนางพญาจิ้งจอก โหดร้ายเสียยิ่งกว่าจิ้งจอกธรรมดาเสียอีก
ในความเป็นจริงแล้ว เฉียวเหวยอีก็ได้เห็นรูปเข็มกลัดติดอกที่เป็นเครื่องประดับนี้บนสื่อโซเชียลออนไลน์ของเฉียวอีเหรินอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
และในตอนนี้ เฉียวอีเหรินระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก โดยที่สวมแว่นกันแดด แต่งตัวเต็มยศแล้วก็นำเอาเครื่องประดับเข็มกลัดติดหน้าอกอันนี้มาถึงห้างสรรพสินค้าโกลบอลด้วย ผลปรากฏว่า เธอคิดที่จะเอามันมาคืน แล้วก็ไม่อยากที่จะให้บรรดาแฟนคลับจำเธอได้และรู้ว่าเธอกำลังลำบากเสียขนาดนี้อยู่
ช่วงนี้สถานภาพการเงินของตระกูลเฉียวค่อนข้างที่จะขัดสน เธอใช้แค่หัวแม่เท้าคิดดู ก็สามารถรู้ได้แล้วว่าเรื่องมันเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร
"แค่คลานออกไปที่หน้าประตูเพื่ออ้อนวอนฉัน ฉันก็ได้ให้ทางออกกับพวกคุณ แล้วยังแถมเสื้อผ้าส่งไปให้อีกหนึ่งชุดด้วยนะ" เธออธิบายโดยการพูดใหม่อีกครั้งหนึ่ง และตลอดที่เอ่ยประโยคนี้ มุมปากของเธอก็แค่นรอยยิ้มอันเฉยชาออกมา
เฉียวเหวยอีได้ให้โอกาสแก่พวกเธอมามากมายหลายครั้งแล้ว แต่ว่าพวกเธอไม่เห็นคุณค่าเอง ไม่ดูน้ำยาตนเองแล้วก็มายั่วโมโหเธอ
หยวนเป่าเองก็ได้กล่าวเตือนอย่างใจดีไปแล้วเสียด้วยซ้ำ