ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 126 หมาด่าตัวเอง?
พูดไปได้ไม่กี่คำ ก็มีเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นมา "ใช่แล้ว ก็เหมือนว่าจะตีหมาแล้วก็ต้องดูเจ้าของก่อนด้วย เพราะการลงโทษใครก็ต้องพิจารณาถึงคนอื่นที่จะได้รับผลกระทบด้วย ลองเสื้อผ้าซื้อเสื้อผ้า ก็ต้องดูกำลังของตัวเองด้วยเช่นกันนะ"
เฉียวเหวยอีหันไปมอง ซ่งชิงหรูและเฉียวอีเหรินที่สวมใส่แว่นกันแดดอยู่กำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูร้าน โดยมองมาที่ตัวเธอและหยวนเป่าด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม
"พี่ บังเอิญจังเลย เจอกันอีกแล้วนะ" เฉียวอีเหรินมองไปที่เฉียวเหวยอีแล้ววาดรอยยิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมาเสียงเบา
ซ่งชิงหรูและเฉียวอีเหรินกำลังรอคำตอบจากทางสำนักงานใหญ่บริษัทอัญมณี ดังนั้นก็เลยมาเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอเข้ากันกับเฉียวเหวยอี ยัยคนไร้ยางอายคนนี้เสียได้
หยวนเป่ามองเฉียวอีเหรินหนึ่งที แล้วก็จำได้ว่าคนคนนี้เป็นใคร จึงอดที่จะเผลอขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ "ที่คุณพูดมานี่ คือคุณเป็นหมาอย่างงั้นเหรอคะ นี่หมากำลังด่าตัวเองอยู่เหรอเนี่ย"
"แก!" เฉียวอีเหรินตะลึงกับคำพูดจนชะงักไป
หยวนเป่าพูดต่ออย่างดูหมิ่น "คราวที่แล้วที่โดนเล่นงานไปยังไม่พออีกหรือคะ ยังขายหน้าไม่พอใช่ไหม"
เฉียวเหวยอีเพียงแค่จ้องมองไปที่ซ่งชิงหรูและเฉียวอีเหรินสองแม่ลูก มองราวกับว่าไม่เคยพบเจอ เสร็จแล้วจึงถอนสายตากลับคืนมา
พนักงานหญิงที่ยังดูอ่อนวัยและกำลังบริการลูกค้าท่านอื่นอยู่ เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกันก็รีบเดินมาหาในทันที ส่งเสียงอันอ่อนโยนขึ้นเพื่อเจรจาห้ามทัพ "ถ้าหากว่าทั้งสองท่านอยากจะลองก็ได้นะคะ ห้องลองเสื้ออยู่ทางด้านนั้น เดี๋ยวฉันจะนำทางทั้งสองท่านให้เองค่ะ"
หยวนเป่ารู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ยังอยากที่จะทำสงครามปะทะคารมต่อ
"หยวนเป่า" เฉียวเหวยอีรีบเอามือมากดที่บ่าของหยวนเป่าเบาๆ ในทันที ไม่ยอมให้เธอเอ่ยอะไรต่อ
หยวนเป่าสบสายตาเข้ากับเฉียวเหวยอี เฉียวเหวยอีส่งสายตาโดยมีความนัยไปให้เธอ เมื่อหยวนเป่าเห็นดังว่า จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
"พวกคุณรู้ไหมว่านักแสดงระดับล่าง เวลาแสดงละครหนึ่งตอนได้เงินเท่าไหร่" เฉียวอีเหรินรู้สึกมีน้ำโหขึ้นมาที่ถูกหยวนเป่าพูดโจมตีเมื่อสักครู่ แถมยังถูกเฉียวเหวยอีเมินราวกับไม่อยู่ในสายตาอีก เธอจึงรีบรุดเข้ามาภายในร้าน แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นๆ
“ตอนละห้าพันยังไงล่ะ! แม้ว่าจะเป็นละครที่ยาวถึง ห้าหกสิบตอนก็ตาม ครึ่งปีเธอก็ทำเงินได้ไม่เกินสองแสนกว่าหยวนหรอก จะมาซื้อเสื้อผ้าราคาแสนหก นี่มันนิยายเพ้อฝันหลอกเด็กแล้ว!”
"ฉันเห็นว่า เสื้อผ้าชุดนี้คงจะเหมาะกับฉัน"
ขณะที่พูด เฉียวอีเหรินก็หยิบเอาเสื้อผ้าในมือของเฉียวเหวยอีมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เฉียวเหวยอีไม่ได้สนใจเธอเลย เพียงแค่หันไปเลือกดูชุดตัวอื่นต่อ ท่าทางของเธอดูนิ่งมาก
"แล้วยังกล้ามาเดินดูเสื้อผ้าในร้านเราต่ออีก" พนักงานบริการหญิงสูงอายุท่านหนึ่งก็อดไม่ไหว แค่นยิ้มเหยียดหยามออกมา "คุณพี่กับคุณน้องขา โปรดฟังฉันหน่อยนะคะ ร้านเสื้อผ้าราคาถูกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ดูจะเหมาะสมกับคุณมากกว่านะคะ เสื้อผ้าตัวละไม่กี่ร้อยหยวนเองค่ะ"
เฉียวเหวยอีทำราวกับว่าไม่ได้ยินอะไร แล้วหยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยถามพนักงาน "ตัวนี้มีไซซ์ s ไหม"
"ร้านของเรามีเสื้อผ้าครบทุกไซซ์ค่ะ แน่นอนว่ามีไซซ์ s แต่ว่าคุณถามขึ้นมาแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ ในเมื่อก็ไม่มีปัญญาซื้อ" พนักงานขายส่ายหน้า แล้วตอบอย่างเหลืออด
พนักงานขายกลับรู้สึกว่าเฉียวอีเหรินดูคุ้นหน้าเป็นอย่างมาก ราวกับว่าจะเป็นดาราชื่อดัง จึงหมุนตัวหันไปแนะนำเสื้อผ้าให้กับเฉียวอีเหรินแทน
เฉียวอีเหรินหันไปเห็นเฉียวเหวยอีเม้มมุมริมปากเล็กน้อย
เฉียวเหวยอียืนอยู่ที่เดิม จ้องมองไปที่พวกเธอสักพัก จากนั้นก็หมุนตัวหันไปเดินดูเสื้อผ้าที่อยู่รอบๆ แทน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาหลายชิ้น มองไปยังพนักงานขายที่ยังสาวและคอยยืนอยู่ข้างหน้าเธอตลอดเวลา เฉียวเหวยอีก็เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ ว่า "ฉันไม่ต้องการให้เธอมาบริการฉันหรอกนะ เธอไปทำงานของเธอต่อเถอะ"
กล่าวจบ ก็หันกลับไปมองยังพนักงานขายที่บริการเฉียวอีเหรินอย่างอบอุ่นหาที่เปรียบไม่ได้ แล้วเอ่ยขึ้นว่า "คุณมานี่หน่อย นอกจากชุดพวกนี้แล้ว ที่เหลือให้คุณห่อเอาใส่ถุงมาให้ฉันด้วย"
พนักงานขายตะลึงนิ่งค้างแข็งไป รู้สึกไม่เชื่อหูตัวเองเล็กน้อย
หลังจากที่นิ่งเงียบไปหลายวินาที จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยออกไปอย่างระมัดระวัง เพื่อยืนยันในสิ่งที่ได้ยิน "ต้องการที่จะรับทั้งหมดเลยเหรอคะ ไม่ลองก่อนเหรอคะ"
"ใช่ ไม่ต้องลอง เอาไซซ์ s" เฉียวเหวยอีพยักหน้าลงอย่างจริงจัง จากนั้นก็เอานิ้วชี้ไปที่เสื้อในมือของเฉียวอีเหรินแล้วเอ่ยขึ้นว่า "รวมไปถึงตัวที่อยู่ในมือเธอด้วย ใส่ถุงมาด้วยเลย"
"ตาเธอบอดไปแล้วหรือไง เสื้อตัวนี้ฉันจะเอานะ!" เฉียวอีเหรินอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้