ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 128 พี่สาวผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า คนจริงไม่มากความ
การที่ตัวเธอเฉียวเหวยอีระเบิดอารมณ์ออกมานั้น พวกเธอต่างก็เคยพบเจอและเคยได้รับบทเรียนมาก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่าทำไมพวกเธอถึงไม่รู้จักเข็ดหลาบ
ซ่งชิงหรูและเฉียวอีเหรินต่างก็รู้ดีว่าพวกเธอจบสิ้นแล้ว สามล้านหยวนได้ละลายหายไปกับสายน้ำแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ทั้งสองคนจ้องไปที่เศษซากที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างไม่วางตา ทั้งคู่ได้เหม่อลอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เฉียวเหวยอีหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วค้นหาราคาของเครื่องประดับเข็มกลัดติดหน้าอกชิ้นนี้ แล้วก็พูดออกมาอย่างนิ่งๆ ว่า "ฉันจำได้ว่าเข็มกลัดติดอกพวกนี้ราคาของมันจะอยู่ที่ชุดละประมาณสามล้านกว่าหยวนใช่ไหม"
"สามล้าน? เธอรู้ไหมว่าชุดสะสมนี้มันหายากขนาดไหน มันจะไปมีราคาแค่สามล้านได้ยังไง!" เฉียวอีเหรินตะเบ็งเสียงแหลมสูงตอบกลับ คุกเข่าลงเก็บเศษของเข็มกลัดติดอกที่กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บนพื้น
เฉียวเหวยอีหลุบตาลงต่ำ มองไปที่เฉียวอีเหรินด้วยสายตาที่กรุ่นโกรธ จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ของตัวเองลงไปแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "ที่พูดมันก็ถูก แต่ว่าถ้าพวกเธอคลานสี่ขาออกประตูไปเพื่ออ้อนวอนฉัน ฉันจะให้พวกคุณหกล้าน ไม่ต้องทอน"
"แก………." เฉียวอีเหรินใบหน้าขึ้นเป็นสีแดงก่ำ โกรธมากเสียจนไม่สามารถสรรหาถ้อยคำใดๆ มาเอื้อนเอ่ยได้
ปลายเท้าของเฉียวเหวยอี เหยียบลงไปบนมุมของกล่องอัญมณีเบาๆ จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น "แล้วสรุปเธอจะคลาน หรือว่าไม่คลานกันล่ะ"
หกล้าน ได้มามากขึ้นถึงสามล้าน
ไม่มีใครคิดที่จะไม่เห็นคุณค่าเงินเลย แล้วยิ่งวันนี้ตอนที่ก่อนจะออกจากบ้าน เฉียวเจิ้งกั๋วก็ได้เตือนพวกเธอเอาไว้แล้วด้วยว่า จะต้องเอาเงินกลับไปให้ได้
"ช่วงนี้พวกคุณคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากสินะ" เฉียวเหวยอีจ้องมองไปที่ซ่งชิงหรูและเฉียวอีเหริน โดยที่มองสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเสียดายว่า "เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นของฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีที่แล้ว ถ้าหากว่าฉันเป็นพวกคุณล่ะก็ คงไม่กล้าแม้แต่ที่จะออกจากประตูบ้านเลย"
แต่ละคำพูดของเฉียวเหวยอีต่างเสียดแทงเข้าไปที่จุดตายของพวกเธอ ซ่งชิงหรูและเฉียวอีเหรินรู้สึกเสียเกียรติจนยากที่จะทานทน
เฉียวเหวยอีกลับไม่คิดที่จะทนรออีกต่อไปแล้ว โน้มตัวไปข้างหน้า แล้วบีบแขนของเฉียวอีเหรินอย่างแรง แล้วลากให้ตัวเธอลงไปก้มหน้าเอาแขนยันไว้อยู่ที่พื้น
"คลานสิ!" เธอเอ่ยกับเฉียวอีเหรินด้วยน้ำเสียงที่เข้มขรึม
คราวที่แล้วที่บริเวณหน้าประตูใหญ่ของตระกูลเฉียว เธอได้ปล่อยให้เฉียวอีเหรินหลุดมือไป เธอได้เก็บมันเอาไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจมาจนถึงวันนี้ วันนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเพราะการที่เธอไม่ยอมเลือกทางที่ทอดยาวสู่สวรรค์ แต่กลับพยายามบุกเข้ามาสู่ประตูอเวจี ทั้งๆ ที่มันไม่มีถนนที่มุ่งลงสู่ขุมนรกให้เธอแต่แรกเสียด้วยซ้ำ
"แกกล้าลงมืองั้นเหรอ!" ซ่งชิงหรูที่อยู่อีกด้านก็ส่งเสียงแหลมบาดแก้วหูขึ้นมา "แกคอยดูเถอะ! ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก…………"
เฉียวเหวยอีได้ยกเท้าขึ้นมาหนึ่งข้าง จากนั้นก็ตวัดเข้าไปที่โทรศัพท์ในมือของซ่งชิงหรูอย่างงดงาม โทรศัพท์ของเธอลอยกระเด็นออกไปไกล
"กล้าหรือคะ?" เธอเอ่ยถามกลับ พร้อมกับที่แค่นรอยยิ้มแล้วจ้องเขม็งมองไปที่ซ่งชิงหรู
แววตาของเฉียวเหวยอีได้พ้นเกินขีดจำกัดของคำว่าน่าหวาดกลัวไปแล้ว ซ่งชิงหรูก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เธอข่มขู่ว่าจะจับเฉียวอีเหรินเข้าคุก ทันใดนั้นซ่งชิงหรูก็พลันเสียวสันหลังวาบ รู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วทั้งกาย
"ฉันจะคลาน! เธอให้เฉียวอีเหรินลุกขึ้นมาได้แล้ว" ซ่งชิงหรูอดทนฝืนเอ่ยออกไปเสียงเบา
"ทั้งสองคนคลานออกไปให้ฉันนั่นแหละ" เฉียวเหวยอีเอ่ยออกไปเรียบๆ โดยที่ไม่คิดที่จะให้โอกาสในการต่อรองแก่เธอ
"เฉียวเหวยอี เธออย่ากดดันคนอื่นให้มันมากจนเกินไปนะ! ให้ฉันขายหน้าแค่เพียงคนเดียวก็พอแล้ว!" เฉียวอีเหรินเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา
ยังไม่ทันที่จะพูดให้จบประโยคดี เฉียวเหวยอีก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเหลืออด "ถ้าพูดขึ้นมาอีกแม้แต่ประโยคเดียว จะให้คลานออกไปถึงหน้าประตูใหญ่ของห้างโกลบอล"
ใบหน้าของซ่งชิงหรูซีดเผือดลงมาในทันที คุกเข่าลงที่แทบเท้าของเฉียวเหวยอี แล้วหันไปส่ายหน้าให้กับเฉียวอีเหริน
ในมือเธอยังมีสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นต่อกับเฉียวเหวยอีอยู่ ครั้งนี้ให้อดกลั้นฝืนทนไปก่อน ในอนาคตจะต้องมีโอกาสในการแก้แค้นคืนอีกแน่!
ภายใต้สายตาของผู้คนมากมายที่รายล้อม ทั้งสองคนก้มหน้า แล้วคลานเรียงต่อกันออกนอกร้านไป
ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็จ้องมองไปที่สองแม่ลูกด้วยความตกตะลึง เฉียวอีเหรินกลัวว่าจะมีแฟนคลับจำเธอได้ จึงใช้มือหนึ่งข้างบังหน้าผากของตนเองไว้ สภาพท่าทางที่เธอคลานนั้นช่างดูน่าอดสู
เฉียวเหวยอีนั่งอยู่บนโซฟา สายตาเย็นเยียบจ้องมองไปที่ทั้งสองคนที่กำลังคลานมุ่งออกนอกร้านไป มองดูสองแม่ลูกที่ลุกขึ้นยืนโดยที่ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเอามาปิดบังใบหน้าไว้ แล้วจึงช่วยกันพยุงตัวเดินหนีจากไป
"พี่สาวผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า คนจริงไม่มากความ" หยวนเป่าที่มองดูสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็อดที่จะเผลออุทานออกมาเสียงเบาไม่ได้
คนที่มุงดูอยู่บริเวณหน้าร้านก็พากันแยกย้ายหายไป
เฉียวเหวยอีรอให้คนที่มามุงดูกันอย่างคึกคักนั้นสลายกลุ่มกันไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยเบนสายตามาจ้องมองไปที่พนักงานขายที่กำลังเบิกตาโตอ้าปากค้างอยู่
ที่มุมหนึ่งของชั้น 5 ภายในลิฟต์ตัวหนึ่ง กลุ่มชายที่สวมชุดสูทรองเท้าหนังก็รีบสาวเท้าก้าวออกมาจากลิฟต์