ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 498 ถูกสะกดรอยตาม
หยุนชางเห็นว่าสีหน้าของเขาค่อนข้างแย่ จึงดึงมือของเขาแล้วพูดว่า “เจ้าเข้าวังมาทำกระไรหรือ?”
ลั่วชิงเหยียนโอบหยุนชางเอาไว้และกระโดดขึ้น แล้วข้ามประตูวังไป และเข้าไปในรถม้าที่คอยอยู่นอกประตูวัง จากนั้นจึงตอบเบาๆ ว่า “ข้าเห็นว่าผ่านไปนานแล้วเจ้าก็ยังไม่กลับมา ข้าจึงเป็นห่วงและตามมาดู”
หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ และยิ้ม “ตอนนี้แม้แต่เซี่ยหวนอวี่ก็โกรธเคืองแล้ว ชีวิตต่อจากนี้ที่อยู่ในแคว้นเซี่ยคงจะลำบากกว่าเดิมมากขึ้นแล้วล่ะ”
ส่วนลั่วชิงเหยียนนั้นกลับดูมิได้สนใจเท่าไหร่นัก เขาโอบไหล่หยุนชางไว้และกล่าวว่า “ขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบากใจ ต่อไปนี้หากว่ามีใครพูดจาเหลวไหลเช่นนี้อีก เจ้ามิต้องเกรงใจใคร ไม่ว่าเกิดเรื่องกระไรขึ้น ข้าจะรับมันไว้เอง”
“อืม แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้อาวุโส หากว่าพวกเขาอยากจะยัดเยียดเหม่ยเหรินให้เจ้า แล้วข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร” หยุนชางกัดริมฝีปากและกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
ลั่วชิงเหยียนเอามือเคาะหัวของนางเบา ๆ ” มีเรื่องกระไรที่เจ้าจัดการไม่ได้อีกหรือ?”
หยุนชางก็หัวเราะออกมา และหลังจากนั้นไม่นานก็เงียบลงอีกครั้ง พูดเบา ๆ ว่า “ข้าจะไม่ปล่อยให้ลูกน้องของข้าต้องเสียชีวิตไปโดยไม่มีการชดใช้ ชีวิตย่อมชดใช้ด้วยชีวิต เป็นสัจธรรมอันเปลี่ยนแปลงมิได้”
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบา ๆ ลูบหัวหยุนชางและกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “หากว่าเจ้าอยากทำก็ทำเถิด”
หยุนชางเอียงศีรษะและพิงลั่วชิงเหยียนเอาไว้ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “ศัตรูของศัตรูคือมิตรของเรา แม้ว่าฮองเฮาและซูฉีจะเคยมีความขันแย้งกับเรา แต่ทว่าก็มิใช่ว่าไม่สามารถร่วมมือได้ สองสามวันก่อน ฮองเฮายังคิดอยากที่จะร่วมมือกับพวกเราอยู่”
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบา ๆ “องค์รัชทายาทเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ฮองเฮาอยู่ในสถานการณ์ที่ร้อนรนที่สุด และนางมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น หนึ่งคือร่วมมือกับองค์ชาย เพื่อรับรองและปกป้องความมั่งคั่งในอนาคตของนาง สองคือรับเลี้ยงองค์ชายที่อายุยังน้อย จากนั้นก็เลี้ยงดูด้วยตัวเองเพื่อให้นางได้ใช้ในอนาคต”
“แม้ว่าวิธีที่สองจะเหมาะสมกว่า แต่ก็ใช้เวลานานมากและใช้ความพยายามอย่างสูง ฮองเฮาอาจรอไม่ไหว ส่วนอ๋องเจ็ดนั้นมีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว หากพวกเขาร่วมมือกันย่อมสำเร็จอย่างแน่นอน เพียงแต่หากว่าอ๋องเจ็ดได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการแล้ว ก็ยากที่จะรับประกันว่าเขาจะไม่กำจัดฮองเฮาและตระกูลซูทิ้ง มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะได้รับการสนับสนุนจากฮัวกั๋วกง แต่ฮัวกั๋วกงมิได้ยุ่งเรื่องการเมืองเหล่านั้นมาหลายปีแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก หากว่าฮองเฮาสนับสนุนเจ้า หลังจากที่เจ้าครองบัลลังก์แล้ว เจ้ายังคงพึ่งพาอำนาจของตระกูลซูเช่นเดิม” หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า “หากฮองเฮายินดี เราก็อาจใช้อำนาจของฮองเฮาเพื่อขจัดอุปสรรคบางอย่างได้”
ลั่วชิงเหยียนแตะศีรษะหยุนชางเบา ๆ แล้วยิ้มพร้อมกล่าว “หากว่าชางเอ๋อร์เป็นชาย ข้าคงต้องกังวลหากว่าชางเอ๋อร์คงเป็นศัตรูกับข้า”
หยุดไปครู่เดียว ลั่วชิงเหยียนก็ก้มศีรษะมองไปที่หยุนชางอีกครั้ง และถามเบา ๆ ว่า ” ข้าได้ยินมาว่าชางเอ๋อร์สนิทกับองค์หญิงเหล่านั้นในวังใช่หรือไม่?”
“ใช่ องค์หญิงเชียนหลิงพาพวกนางมา พวกนางอายุไม่มาก กำลังน่ารักไร้เดียงสาและมาเล่นที่จวนรุ่ยอ๋องอยู่บ่อยๆ” หยุนชางไม่เข้าใจว่าเหตุใดลั่วชิงเหยียนจึงถามเช่นนี้ นางจึงตอบกลับไปตามจริง “ข้าจะชี้ทางให้เจ้า องค์หญิงเหล่านี้ดูเหมือนว่ายังเด็ก และเจ้าสนิทกับพวกนางย่อมมีข้อดี แต่ทว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนางคือเหล่านางสนมที่อยู่ในพระราชวัง เจ้าต้องเข้าใจว่า นางสนมบางคนดูเหมือนจะมีตำแหน่งต่ำ แต่บางครั้งก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง”
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย ในแคว้นเซี่ยที่มีแต่ความอันตรายนี้ พวกเขาจะต้องคว้าโอกาสทุกอย่างเอาไว้ และหาพันธมิตรที่สามารถร่วมมือได้
“พระชายาเพคะ สายลับกล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่พระชายาไปที่ร้านขายยา มีคนแอบสะกดรอยตามพระชายาเพคะ” เฉี่ยนอินเฝ้าอยู่หน้าประตู และเมื่อเห็นว่าหยุนชางและลั่วชิงเหยียนกลับมาพร้อมกัน จึงรีบกล่าวว่า “คนคนนั้นมิได้สะกดรอยตามใกล้ชิด เดิมทีสายลับก็มิได้สังเกตเห็นเพคะ แต่ทว่าได้ยินคนๆ นั้นถามเถ้าแก่ว่าท่านซื้อยากระไรไปบ้างเพคะ” แล้วหันไปมองหยุนชาง
หยุนชางพยักหน้า ” เมื่อวานที่ข้าออกไปข้าได้แปลงโฉมแล้ว และแปลงเป็นเพียงทูตเล็ก ๆ ของแคว้นหนิง แต่ก็ยังมีคนสะกดรอยตาม เกรงว่าคงเป็นคนที่ลงมือกับหวังจิ้นฮวน ยาสัตตนิทรานั้นเป็นฝีมือของพวกเขา และพวกเขาก็ทราบดีว่าข้าไปซื้อยากระไร และคงทราบแล้วว่าพวกเราทราบเรื่องยาสัตตนิทราแล้ว”
เฉี่ยนอินพยักหน้าและพูดต่อ “มีอีกเรื่องหนึ่งเพคะ ภาพเหมือนที่พระชายาให้พวกเรามาในก่อนหน้านั้น เราสืบอยู่ตลอดแต่ไม่มีข่าวสารใดๆ เพคะ แต่ยามค่ำเย็นนี้สายลับกลับเห็นว่านางเดินผ่านเรือนรับรองไปหลายครั้ง สายลับจึงตามนางไป และหลังจากการตรวจสอบของสายลับได้ทราบว่า นางเป็นสาวใช้ทางครัวของหอจุ้ยเฟิ่งเพคะ แต่ทว่านางไปถึงหอจุ้ยเฟิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ และเหมือนว่าตอนนี้จะไม่อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่นางไปที่หอจุ้ยเฟิ่งนั้น สืบกระไรมิได้เลยเพคะ”
เดินทางผ่านเรือนรับรองอยู่หลาย เป็นสาวใช้ของหอจุ้ยเฟิ่ง
คนที่อยู่เบื้องหลังต้องการจะทำกระไรกันแน่ หยุนชางหรี่ตาลง และแยกแยะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทีละเรื่องอยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
“พอแล้ว มิต้องคิดมาหรอก ดึกมากแล้วรีบพักผ่อนเถิด” ลั่วชิงเหยียนดึงหยุนชางเข้าไปในห้อง และกล่าวเบาๆ ว่า “มิต้องกังวลหรอก เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”
หยุนชางพยักหน้า แล้วจึงเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติพวกนางเตรียมตัวก่อนเข้านอน จากนั้นก็พักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อหยุนชางตื่นขึ้นมา ลั่วชิงเหยียนออกไปข้างนอกพร้อมหลิ่วหยินเฟิงแล้ว หยุนชางเห็นว่าไม่มีเรื่องกระไรทำ จึงได้แปลงโฉมและตามเฉี่ยนอินออกจากไปเรือนรับรอง ไปเที่ยวเล่นในตลาด
หลังจากกินอะไรไปบ้าง และกำลังคิดจะไปเดินเที่ยวที่ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว แต่เฉี่ยนอินกลับดึงแขนเสื้อของหยุนชางเอาไว้อย่างกะทันหัน “นายหญิง นางคือผู้หญิงคนนั้น”
หยุนชางตกตะลึง หันไปมองตามสายตาของเฉี่ยนอิน และพบผู้หญิงในชุดสีชมพูกำลังดูกำไลข้อมือเงินบนแผงเล็กๆ ริมถนนโดยหันหลังให้พวกนาง ทันทีที่หยุนชางมองไป ก็เห็นว่านางหันกลับมา หยุนชางจึงได้เห็นรูปลักษณ์ของนางอย่างชัดเจน นางก็คือหญิงสาวที่อยู่ในภาพวาดของคุณชายในตรอกซานชุ่น
หญิงสาวคนนั้นสบตากับหยุนชาง และนางก็หันกลับไปอย่างเร่งรีบพร้อมทิ้งกำไลข้อมือเงินที่ถืออยู่ลง จากนั้นก็เดินเข้าตรอกข้างๆ ไปอย่างเร่งรีบ
หยุนชางเลิกคิ้ว แววตาแห่งความสนใจแวบวาบ “ไปกันเถอะ ตามไปดูว่านางคิดจะทำกระไร”
เฉี่ยนอินตอบรับ และส่งสัญญาณให้สายลับที่อยู่รอบๆ ให้พวกเขาตามนางไป
หยุนชางตามหญิงสาวนั้นเดินเข้าไปในตรอกซอย หลังจากเดินไปประมาณสิบห้านาที ก็พบว่าเป็นตรอกซอยทางตัน และข้างๆ มีประตูไม้ที่ล็อกเอาไว้ หญิงสาวผู้นั้นเห็นหยุนชาง แววตาของนางร้อนรนเล็กน้อย และถอยหลังไปสองก้าวเอนตัวพิงกำแพงเอาไว้ และมองดูหยุนชางอย่างหวาดกลัว
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มมุมปากและกล่าว “เหตุใดเจ้าจึงหนีทันทีที่พบเห็นข้า?”
หญิงสาวนั้นส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว แววตาของนางเต็มไปด้วยความร้อนรน นางมองไปทางด้านหลังหยุนชาง แต่เหมือนว่าหยุนชางไม่สะท้าน แววตาของหยุนชางเอาแต่จ้องไปที่ตัวหญิงสาวผู้นั้น “แม่นางดูคุ้นตาอย่างมาก……”
หญิงสาวนั้นส่ายหน้าอีกครั้ง และกล่าวเบาๆ ว่า “ท่านโปรดปล่อยข้าน้อยไปเถิด เรื่องนั้นมิใช่ฝีมือของข้า ไม่ใช่ฝีมือของข้าเจ้าค่ะ” ขณะที่กล่าวเช่นนี้ ก็มีกริชเล่มสีทองร่วงออกมาจากแขนเสื้อของนาง แววตาของหยุนชางจ้องไปที่กริชนั้น ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แม่นาง ของเจ้าร่วง”
หญิงสาวนั้นได้ยินเช่นนี้ก็รีบมองไปที่กริชที่ตกอยู่บนพื้นและร้อง “อ๊า” ขึ้นมา จากนั้นก็เห็นว่าประตูไม้ข้างๆ เปิดออก นางรีบหลบเข้าไปภายในประตูไม้ ไม่มีเวลาสนใจกริชที่ตกอยู่บนพื้น
หยุนชางขมวดคิ้วและกล่าวเบาๆ ว่า “ตามนางไป”