ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 499 เข้าถ้ำเสือ
จากนั้นก็มีสายลับตามไป แววตาของเฉี่ยนอินมองไปที่กริชเดินเข้าไปสองก้าวและอยากเก็บมันขึ้นมา หยุนชางรีบหยุดนางเอาไว้ “รอเดี๋ยว ระวังมีพิษ”
เฉี่ยนอินตกตะลึง จากนั้นก็รีบหยิบผ้าออกมา และย่อตัวลงเก็บกริชนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วยื่นไปให้หยุนชาง
หยุนชางมองดูและกล่าวเบาๆ ว่า “นี่เป็นกริชฝังไข่มุก เจ้าของกริชนี้คงเป็นคนที่ร่ำรวยอย่างมาก นำกลับไป ข้าอยากรู้จริงๆ ว่า พวกเขาจะเริ่มกระไรกัน”
หลังจากกลับไปถึงเรือนรับรองไม่นาน สายลับก็กลับมา “ข้าน้อยตามไม่ทันขอรับ ดูเหมือนในลานนั้นจะมีอุโมงค์ลับขอรับ ข้าน้อยหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่พบใครเลยขอรับ”
หยุนชางสง่าผ่าเผย ค่อย ๆ ยิ้มมุมปากขึ้นมาและกล่าวว่า ” หากเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะถูกวางแผนไว้ก่อนแล้ว”
“ให้หม่อมฉันส่งคนไปถามว่าลานนั้นเป็นของใครดีหรือไม่เพคะ?” เฉี่ยนอินกล่าวอย่างรวดเร็ว
หยุนชางส่ายหน้า “ในเมื่อวางแผนมาแล้ว ก็คงมิได้ทิ้งเบาะแสอะไรไว้ให้เรา ตั้งแต่ที่เราพบหญิงสาวนั้นจนเจอนาง เราเดินทางราวๆ สิบห้านาที ข้าคิดว่าไม่ว่าพวกเราเจอนางที่ใด นางก็คงพาเราไปถึงที่นั่นอย่างแน่นอน”
หยุนชางจ้องมองไปที่กริช ” นางพยายามเช่นนี้ อาจเป็นเพราะอยากทิ้งกริชนี้ไว้ให้เรา ไม่ทราบว่าในกริชนี้มีอะไรแปลกๆ หรือ”
เฉี่ยนอินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “ให้หม่อมฉันไปตามท่านอ๋องกลับมาถามท่านดีหรือไม่เพคะ?”
“กี่ยามแล้ว” หยุนชางถามด้วยเสียงเบา
“ยามเซิน (ช่วงบ่าย) สิบห้านาทีเพคะ” เฉี่ยนอินตอบอย่างรวดเร็ว
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ช่างเถอะ อีกไม่นานท่านอ๋องก็คงกลับมา มิต้องรีบร้อนหรอก”
เฉี่ยนอินพยักหน้าเมื่อได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “เช่นนั้นบ่าวขอตัวไปเตรียมอาหารค่ำนะเพคะ”
เฉี่ยนอินออกไป หยุนชางไม่มีกระไรทำ จึงนั่งที่เบาะนุ่มและอ่านหนังสือ หลังจากผ่านไปสักครู่ กลับพบว่าสาวใช้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ” นายหญิงเพคะ มีคนอยู่นอกเรือนรับรองเพคะ ดูจากการแต่งกายแล้วเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ของที่ทำการเพคะ โดยกล่าวว่าคุณชายหลิ่วมีเรื่องเข้าพบ ขอให้นายหญิงไปพบเพคะ”
“หลิ่วหยินเฟิงหรือ?” มือของหยุนชางที่กำลังพลิกหนังสือชะงักเล็กน้อย แต่คิดในใจว่า ลั่วชิงเหยียนคงอยู่กับหลิ่วหยินเฟิงมิใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงให้เจ้าหน้าที่ของที่ทำการมาตามนางหรือ?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยุนชางก็รีบพูดกับสาวใช้ว่า “เจ้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าข้ากำลังพักผ่อน ให้พวกเขารอครู่หนึ่ง เมื่อข้าแต่งกายเตรียมตัวพร้อมแล้ว ข้าจะออกไป”
สาวใช้ถอยออกไป หยุนชางปรบมือและตามสายลับออกมา “ไปหาว่าท่านอ๋องอยู่ที่ใด
สายลับรีบตอบรับและออกไป หยุนชางยืนขึ้น และครุ่นคิดเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่กลับรู้สึกว่า เรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำเล็กน้อย
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันได้ยินว่าด้านนอกนั้นมีเจ้าหน้าที่จากที่ทำการหรือ?” เฉี่ยนอินได้รับข่าวและรีบตามมา
หยุนชางครุ่นคิดเรื่องของหวังจิ้นฮวนอย่างละเอียด มีความเป็นไปได้หลายอย่างค่อยๆ ผุดขึ้นในใจ มือของหยุนชางแอบกำแน่นอยู่ใต้แขนเสื้อ ทันใดนั้นเองก็ได้ยินว่าสายลับกลับมาแล้ว “นายหญิงขอรับ ท่านอ๋องอยู่กับหลิ่วหยินเฟิงขอรับ หลิ่วหยินเฟิงมิได้สั่งให้คนมาตามตัวนายหญิงขอรับ”
หยุนชางพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว” จากนั้นนางก็หยิบกริชทองคำที่ฝังไข่มุกนั้นขึ้นแล้วยื่นให้สายลับพร้อมกล่าว ” เจ้านำของสิ่งนี้ไปมอบให้ท่านอ๋อง แนบหูเข้ามา…” สายลับรีบแนบหูเข้าใกล้หยุนชาง หยุนชางสั่งการบางอย่างไว้อย่างละเอียด สายลับก็กับกริชนั้นไป โค้งคำนับและจากไป
หยุนชางยืนขึ้นและพูดกับเฉี่ยนอินว่า ” ไปกันเถอะ เราลองเข้าถ้ำเสือที่เต็มไปด้วยความอันตรายนี้กันเถิด”
เฉี่ยนอินตอบรับและรีบตามนางไป
มีเจ้าหน้าที่ของที่ทำการจำนวน20กว่านายยืนอยู่หน้าประตูเรือนรับรอง หยุนชางเงยหน้ามอง แววตาของนางจ้องไปที่รองเท้าที่เป็นระเบียบของพวกเขา นางยิ้มเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้น “ต้องขอโทษจริงๆ นะ เมื่อสักครู่ข้าอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ไม่รู้หลับไปเมื่อใด จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านต้องรอนาน”
หัวหน้ารีบประสานมือและกล่าวว่า “ไม่เป็นกระไรขอรับ ได้โปรดท่านไปกับพวกเราโดยเร็วขอรับ คุณชายหลิ่วคงรอนานแล้วขอรับ ข้าน้อยทราบมาว่าท่านมีเรื่องด่วนที่ต้องการจะหารือกับท่านขอรับ”
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยออกมาและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เช่นนี้เองหรือ คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าหวังของเรากระมั้ง แสดงว่าได้เบาะแสแล้ว ดีเลย ข้าจะไปกับพวกเจ้าประเดี๋ยวนี้” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งนางหันกลับมาและโบกมือให้เฉี่ยนอิน และพูดอะไรบางอย่างข้างหูเฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินตกตะลึง จึงพยักหน้าและหันหลังกลับไปที่เรือนรับรอง
หยุนชางยิ้มและพูดกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ว่า ” ก่อนหน้านี้ข้าได้สั่งให้คนใช้เตรียมอาหารเอาไว้ ยามนี้ก็คงไม่ทันได้กิน ข้าจึงให้สาวใช้ไปบอกว่ามิต้องเตรียมแล้ว เราไปกันเถิด” จากนั้นนางก็ก้าวขาเดินไปข้างๆ หัวหน้า
ชายคนนั้นยิ้มให้หยุนชางและโบกมือ เหล่าเจ้าหน้าที่ตามพวกเขาไปและเดินมุ่งไปทางข้างหน้า
หลังจากเดินไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ชายคนนั้นจึงพูดว่า “ท่านขอรับ ถึงแล้วขอรับ”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองดูที่ที่ตนยืนอยู่ กองบัญชาการองครักษ์ หยุนชางตะลึงหันไปถามคนคนนั้นว่า ” คุณชายหลิ่วขอพบข้ามิใช่หรือ? แล้วอยู่ที่กองบัญชาการองครักษ์ได้อย่างไร?”
“เรื่องนี้ข้าน้อยมิทราบขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีเบาะแสอยู่ในนี้ ท่านเข้าไปดูแล้วจะทราบเองขอรับ” คนคนนั้นกล่าวด้วยเสียเบา
หยุนชางเห็นยิ้มเยาะเย้ยที่อยู่มุมปากของเขา หยุนชางก็ยิ้ม “เช่นนี้นี่เอง ขอบคุณเจ้ามาก” พูดจบนางก็เดินเข้าไป
ทันทีที่หยุนชางเดินเข้าไปในจวนนั้น ประตูจวนก็ปิดลง หยุนชางหันกลับไปมองก็พบว่าหลังประตูนั้นมีคนที่แต่งกายเป็นองครักษ์ยืนอยู่ นางเดินเข้าไปในห้อง ภายในห้องนั้นมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ รอบๆมีองครักษ์ยืนอยู่หลายคน หยุนชางเคยพบชายคนนั้น แต่ไม่ทราบตัวตนของเขา นางจึงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ท่านคือ? คุณชายหลิ่วขอพบข้ามิใช่หรือ?”
“คุณชายหลิ่วหรือ?” ชายวัยกลางคนนั้นหัวเราะเบา ๆ มองหยุนชางราวกับกำลังดูคนโง่เง่า “หากไม่ใช้ชื่อของหลิ่วหยินเฟิงมาอ้าง เจ้าจะมาที่นี่หรือ? ข้าคือหลี่เชียน ผู้บัญชาการของกองบัญชาการองครักษ์ นักโทษคุกเข่าประเดี๋ยวนี้!”
หยุนชางมองไปที่ชายวัยกลางคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้บัญชาการด้วยสีหน้างุนงง และพูดอย่างงุนงงว่า “นักโทษอะไรกัน? ท่านจำผิดคนหรือไม่? ข้าคือทูตของแคว้นหนิง”
เมื่อหลี่เชียนได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าทราบอยู่แล้วว่าเจ้าคือทูตของแคว้นหนิง แต่ข้าก็ทราบว่าเจ้าสั่งให้คนไปสังหารหญิงโสเภณีของหอจุ้ยเฟิง และใส่ความให้ทูตแคว้นหนิงหวังจิ้นฮวน”
“ห้ะ?” หยุนชางอุทานออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นางมองไปที่หลี่เชียนด้วยความเย็นชา ผ่านไปอยู่นานจึงกล่าวว่า “ท่านกำลังพูดกระไรหรือ? สั่งการกระไร? สังหารกระไร? ใส่ความกระไรกัน?”
“หวังจิ้นฮวนเป็นบุตรชายของเจ้ากรมกลาโหม สนิทกับรุ่ยอ๋องตั้งแต่ยังเล็ก เขาออกจากแคว้นในคราวนี้ก็เพราะว่ามาเยี่ยมเพื่อนเก่า เจ้าฆ่าคนและใส่ความในครั้งนี้ เพื่อที่จะให้รุ่ยอ๋องคิดว่าเป็นฝีมือของแคว้นเซี่น และทำให้รุ่ยอ๋องมีอคติกับแคว้นเซี่ย” หลี่เชียนนั่งบนที่นั่งพร้อมแสดงออกถึงความยุติธรรมที่น่าเกรงขาม จ้องมองที่หยุนชางอย่างไม่ละสายตา