ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 485 พิธีส่งศพที่คาดไม่ถึง
ไม่นานหลังจากออกจากเมืองหลวง ก็เดินเข้าไปในหุบเขาเล็กๆ ที่มีเนินเขาทั้งสองข้างแต่ไม่สูง หยุนชางกำลังคิด น่าจะถึงประมาณที่นี่ก็พอ กำลังจะหันหลังกลับไปเมืองจิ่น
ในขณะนี้ มีร่างสองร่างในชุดสีแดงสดเหินลงมาบนเนินเขาทั้งสองข้าง และมีคนชุดดำหลายร้อยคนตามหลังเขา
“มีนักฆ่า มีนักฆ่า!” มีเสียงร้องตะโกนมากมายในขบวนส่งวิญญาณ และก็เกิดความโกลหล หยุนชางลืมตาขึ้นเพื่อมองดูร่างสองร่างในชุดสีแดงสด ขมวดคิ้วทันที
ก่อนที่หยุนชางจะโต้ตอบ ผู้ที่แต่งชุดราษฎรทั่วไปบางคนที่ยืนอยู่รอบๆหยุนชางที่เดินมาพร้อมกับขวบนส่งวิญญาณก็ชักดาบออกมา และพุ่งเข้าหาชายชุดดำที่เหินลงมาจากภูเขา ต่อสู้กันขึ้นมา
ม้าลากโลงศพดูเหมือนจะตกใจ ยกขาขึ้นแล้วร้องสองครั้ง จากนั้นก็เริ่มชนใส่ท่ามกลางฝูงชน ทุกคนรีบหลบ หยุนชางยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นความโกลาหลนี้ และถือเข็มเงินไว้ในมือ ดีดไปที่ตัวม้า แล้วม้าก็บ้าคลั่งมากกว่าเดิม พุ่งชนไปรอบๆ รถม้าโยกจากทางด้านข้าง และล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดัง และโลงศพบนรถม้าก็กลิ้งลงมา
ดูเหมือนโลงศพไม่ได้ถูกตอกแน่นนัก เมื่อถูกกระแทก ฝาก็เปิดออก หยุนชางก็มองไปในโลงศพ ขมวดคิ้วทันที มันว่างเปล่า
โลงศพนี้ว่างเปล่า?
หยุนชางดึงสติอย่างรวดเร็ว และผู้คนมากมายที่อยู่รอบๆ ได้เห็นฉากนั้นในโลงศพแล้ว และเริ่มร้องตะโกนอีกครั้ง เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชุดแดงสองคนก็รีบตะโกนว่า “โลงเปล่า ถอย!” จากนั้นพวกเขาก็กระโดดขึ้นเนินเขาอย่างรวดเร็ว กระโดดลงและหายตัวไป
พ่อบ้านได้สติ และรีบตะโกนว่า “พระชายาหายไปแล้ว พระชายาไปแล้ว!” ฝูงชนเกิดความโกลาหลมาก หยุนชางมองครู่หนึ่ง ก็พาหลี่เฉียนโม่และเฉี่ยนอินจากไปในช่วงกำลังสับสนอลหม่าน
“ทำไมโลงศพถึงว่างเปล่า?” เฉี่ยนอินกระซิบกับตัวเอง “แต่เดิมมันควรเป็นศพปลอม แต่มันหายไปตอนงานส่งศพ?”
หยุนชางก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน นางจึงเงียบ หลังจากนั้นไม่นาน ก็กล่าวว่า “ข้าจะไปถามพ่อบ้านอย่างเงียบๆในเรื่องนี้ เจ้าให้องครักษ์ลับสืบดูว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”
เฉี่ยนอินเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองที่หยุนชาง จากนั้นรู้ว่าพวกเขาที่หยุนชางกล่าวถึงเป็นใคร พยักหน้าและไปสั่งการ ก่อนค่ำ องครักษ์ลับได้พบสถานที่นั้นแล้ว และหยุนชางก็รีบแต่งตัวและไปที่โรงเตี้ยมที่องครักษ์ลับกล่าว เดินไปที่ประตูห้อง แล้วเคาะประตู
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออก ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น มองหยุนชางอย่างแปลกใจเล็กน้อย “เจ้าเป็นใคร” หยุนชางได้ยินเสียงชักดาบส่งมาอย่างแผ่วเบา และยิ้มออกมาทันที “ข้าเอง เหยียนเอ๋อร์เจ้าจะไม่เชิญข้าเข้าไปนั่งหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงของหยุนชาง จู่ๆ ก็เกิดความประหลาดใจในดวงตาของหญิงสาวที่เปิดประตู แต่ดวงตาของนางยังคงตกอยู่ที่ใบหน้าของหยุนชางที่ปลอมตัวมา “เหยียนเอ๋อร์ไม่เชิญข้าเข้าไปนั่งหรือ? ข้าจะค่อยๆอธิบายเรื่องนี้กับเจ้า”
เสียงนั้นเป็นเสียงของหยุนชางอย่างแท้จริงใน หญิงสาวในห้องครุ่นคิด หลังจากคิดแล้ว นางก็ดึงหยุนชางเข้าไปในห้อง และหยุนชางก็เห็นว่ายังมีคนอยู่ในบ้านอีกหลายคน และที่โดดเด่นที่สุดคือชายชุดแดงนั่งอยู่ข้างโต๊ะ
“หวังจิ้นฮวน?” หยุนชางเคยเห็นเขามาก่อนแล้ว ก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก นอกจากสองพี่น้องหวังจินเหยียนและหวังจิ้นฮวนแล้ว ยังมีผู้ชายสองสามคนที่แต่งตัวเป็นนักสู้ยืนอยู่ในห้อง
หวังจินเหยียนดึงหยุนชางแล้วนั่งลงที่ข้างโต๊ะ จ้องมองใบหน้าของนางด้วยดวงตาที่ราวกับกำลังแผดเผา หลังจากผ่านไปนาน นางก็ทนไม่ไหว นางยื่นมือออกมาสัมผัสก่อนจะถอนหายใจ “ชางเอ๋อร์ เจ้าถอดสิ่งนี้มาเถิด เผยให้ข้าเห็นที พอสัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนของจริงเลย”
หยุนชางรู้ว่านางยังไม่เชื่อในตัวเอง จึงยกมือขึ้นถอดหน้ากากออก ยิ้มแล้วยื่นให้ ให้กับหวังจินเหยียน “อย่าทำเสียล่ะ ถ้ามันเสียแล้วทำใหม่จะไม่ง่ายเลย และมันยากยิ่งกว่าที่จะทำให้มันเสมือนจริง”
หวังจินเหยียนพยักหน้ารับมา หลังจากดูอยู่นาน นางก็หมดความสนใจในหน้ากาก รีบดึงหยุนชางมาแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ชางเอ๋อร์ ตอนที่เราเพิ่งมาแคว้นเซี่ยแล้วได้ยินเรื่องของเจ้า เราใจหายแทบตาย โชคดีที่พี่ชายของข้าติดต่อกับจิ้งอ๋องได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นข้าคงคิดว่าเจ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”
“นั่นน่ะสิ…” หวังจิ้นฮวนขดริมฝีปากของเขาและดวงตาที่มีเสน่ห์กวาดไปที่หยุนชาง “เหยียนเอ๋อร์ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของเจ้าก่อนที่จะมาถึงเมืองจิ่น นางร้องไห้ในห้องเป็นเวลานาน ไม่ว่าข้าปลอบอย่างไร มันไม่มีประโยชน์ ข้าจึงส่งคนรีบส่งจดหมายถึงลั่วชิงเหยียน แล้วได้รู้ว่าเจ้าไม่เป็นไร แต่นางว่าข้าโกหกนางเพื่อปลอบนาง ทำเอาข้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหยุดขบวนส่งวิญญาณ เพื่อชิงโลศพ เมื่อเห็นโลงศพ ในที่สุดนางก็ยอมแพ้ แต่คราวนี้นางกลับมาพูดเสียงดังว่าไม่เห็นเจ้าและนางก็ไม่สบายใจ ตอนนี้กำลังหารือว่าจะสืบหาเบาะแสของเจ้าได้ที่ไหน ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว ถ้าเจ้ายังไม่ปรากฏขึ้นอีก ข้าเกรงว่าคงจะถูกนางพลิกหาทั่วเมืองจิ่นเป็นแน่”
หยุนชางได้ยินคำพูด มีความอบอุ่นวาบอยู่ในหัวใจ ยิ้มแล้วจับมือหวังจินเหยียน “เรื่องนี้ไม่ซับซ้อน ข้าจะเล่าให้สั้น เป็นเพราะมีคนที่วางแผนเพื่อล่อข้าออกจากเมืองจิ่นและต้องการจะฆ่าข้าในระหว่างทาง ข้าหนีรอดมาได้ เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังต้องการล่อข้าออกมาปรากฏตัว ดังนั้นพวกเขาจึงแสร้งทำเป็นว่าข้าตายไปแล้ว และได้ทำเรื่องตลกเช่นนี้”
“อะไรนะ เป็นใครกัน? ช่างโหดเหี้ยมนัก” วังจินเหยียนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้และ “ชางเอ๋อร์ บอกข้าทีว่าใครทำ ข้าจะไปปลิดชีพเขา องค์หญิงแห่งแคว้นหนิงของเรา มาถึงเมืองเซี่ย ก็โดนรังแกเยี่ยงนี้ คิดว่าแคว้นหนิงของเราไม่มีคนแล้วใช่หรือไม่”
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อเห็นว่านางกำลังจะหาเรื่องคนเยี่ยงนี้ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เหยียนเอ๋อร์ ไม่ต้องห่วง ข้า ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง ว่าแต่พวกเจ้า ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่แคว้นเซี่ยได้ล่ะ?”
หวังจินเหยียนลูบจมูกด้วยความเขินอาย แล้วหยุดพูด หวังจิ้นฮวนเลิกคิ้ว เอนหลังพิงเก้าอี้ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย และทำเสียงอย่างเย็นชา “ก็เพราะท่านแม่น่ะสิ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็จัดให้ข้ากับเหยียนเอ๋อร์ไปเจอผู้คน หญิงสาวพวกนั้นหน้าตาน่าเกลียดกว่าข้า ข้าจะมองดูพวกนางได้อย่างไร”
หยุนชางแทบสำลัก เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองหวังจิ้นฮวนที่อยู่ตรงข้ามในชุดสีแดง ดวงตาที่มีมนต์เสน่ห์ ริมฝีปากสีแดง และฟันที่ขาวสะอาด มีใบหน้าที่งดงาม
“ในใต้หล้านี้ หากเจ้าต้องการหาหญิงสาวที่ดูงามกว่าเจ้าล่ะก็ เกรงว่าจะมีน้อยคนนัก” หยุนชางยิ้ม
รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังจิ้นฮวนจางลงเล็กน้อย และจ้องมองไปที่หยุนชางด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมจะไม่มี ก็แม่นางเฉี่ยนเฉียนไง แต่เจ้าโหดร้ายนัก ส่งนางเข้าวังแห่งแคว้นเซี่ย ให้อยู่กับชายชราที่มีใบหน้าที่อัปลักษณ์”
หยุนชางลูบจมูกของนาง นางลืมไปว่า ตอนที่อยู่แคว้นเซี่ย หวังจิ้นฮวนชอบเฉี่ยนเฉียนยิ่งนัก เมื่อเห็นแววตาที่กล่าวโทษของหวังจิ้นฮวน หยุนชางก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงหันไปด้านข้าง และมองไปที่หวังจินเหยียน “แล้วเจ้าล่ะเป็นอะไรไป ท่านแม่ของเจ้าได้หาคนที่เจ้าไม่ชอบให้งั้นหรือ?”
หวังจินเหยียนวางมือลง ไอเบาๆ “ข้าปล่อยคำพูดว่า ใครก็ตามที่สามารถเอาชนะข้าสามารถแต่งงานกับข้าได้ เอ่อ ไม่มีใครกล้ามา แต่หลิวฉีเหยียนยืนยันที่จะสู้กับข้า ปรากฏว่าถูกข้าตีจนสลบไป ตอนนี้เขาเป็นถึงท่านเสนาบดีแล้ว เป็นพี่ชายของฮองเฮา ข้าจะกล้ารุกรานได้อย่างไร เลยต้องหนีมา”
“พู่…” หยุนชางเกือบสำลักน้ำลายของตัวเอง หลิวฉีเหยียน?
ถ้าจำไม่ผิด เขาคือลูกน้องของนางใช่ไหม