ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 470 ผู้ที่มาขวางถนน
หลิ่วหยินเฟิงมองไปที่หยุนชางแล้วค่อยๆพยักหน้า “ใช่ ถ้าเป็นเพียงเพราะไม่มีเวลาจึงไม่ได้ส่งข่าวมายังเมืองจิ่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก รุ่ยอ๋องและฮวากั๋วกงนำเหล่าทหารไปยังชุมชนชาวหย่าแล้วก็จริง แต่ว่า พวกเราได้ส่งคนไปดูทีท่าที่ชุมชนชาวหย่าแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเหล่าทหารได้ไปถึงที่นั่นแล้ว แล้วก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลยว่า ขณะนี้นั้นเหล่าทหารได้เดินทางไปถึงไหนแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อพวกเขาได้เลย พวกชาวหย่าเองก็ไม่ได้มีการเตรียมการป้องกันผู้บุกรุกแต่อย่างใด ราวกับว่า กองทหารจำนวนกว่าแสนนาย เมื่อไปถึงชุมชนชาวหย่าแล้วก็หายตัวไปดื้อๆเสียอย่างนั้น”
หยุนชางไม่รู้ว่าสามารถเชื่อคำพูดของหลิ่วหยินเฟิงได้มากน้อยแค่ไหน แต่หยุนชางก็รู้ดีว่า หลิ่วหยินเฟิงนั้นไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องมาสร้างเรื่องโกหกนาง เห็นทีว่า นางคงต้องเข้าวังไปทูลถามเซี่ยหวนอวี่ด้วยตัวเองเสียแล้ว ในชุมชนชาวหย่ามีหน่วยข่าวกรองของเขา ในกองทัพก็มีหน่วยข่าวกรองของเขาแฝงตัวอยู่เช่นกัน หากไม่มีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา ก็ไม่มีทางที่จะติดต่อพวกเขาไม่ได้
หยุนชางลุกขึ้นยืน นางขมวดคิ้วแล้วพูดกับหลิ่วหยินเฟิง “ขอบใจคุณชายหลิ่วมากที่บอกเรื่องนี้ให้ข้ารู้ ข้ายังมีธุระที่ต้องสะสาง ต้องขอตัวก่อน” พูดจบก็เดินออกไปจากห้องในทันที
“เดี๋ยวสิ ช้าก่อน” หลิ่วหยินเฟิงก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน เขาเรียกหยุนชางให้หยุดรอสักครู่
เมื่อหยุนชางเดินกลับมาด้วยท่าทีที่ไม่สบายใจ หลิ่วหยินเฟิงก็ได้ถือหมวกเดินมาหาหยุนชางแล้วช่วยนางสวม “ระวังตัวด้วยนะ ในเมืองจิ่นนี้ ท่านอย่าได้ไว้ใจคนทั่วไปเด็ดขาด หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท สงครามช่วงชิงตำแหน่งก็ทวีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สตรีธรรมดาทั่วๆไปก็อาจจะเป็นกลลวงที่ใครส่งมาก็เป็นได้”
หยุนชางยืนคิดตามอยู่สักครู่ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆหลิ่วหยินเฟิงจึงมาพูดกับนางเช่นนี้ แต่นางก็ตอบกลับเขาไปแค่เพียง “ขอบใจท่านมาก” หลังจากนั้นนางก็มองดูสาวใช้เปิดม่านประตูออก ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปจากที่แห่งนั้น
หลิ่วหยินเฟิงยืนยิ้มเศร้าๆ เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “หาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้วไหมล่ะ” เขาพูดกับตัวเองแล้วเขกศีรษะตัวเองเบาๆ “ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้นางจะชอบกินกุ้งฝอยทองเป็นพิเศษนะ ให้คนส่งไปให้นางกินทุกวันเลยดีกว่า”
ในขณะที่กำลังพูดเองเออเองอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวเดินเข้ามา นางมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าปลอดคนดีแล้ว จึงเปิดม่านประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง นางรายงานต่อหลิ่วหยินเฟิง “แย่แล้วเจ้าค่ะ คุณชาย เมื่อครู่นี้ท่านอ๋องเจ็ดได้เสด็จไปที่จวนหลิ่ว เขาถูกนายท่านและท่านฮูหยินใช้ไม้ตีเพื่อไล่เขาออกมาข้างนอก ท่านฮูหยินยังประกาศกร้าวอีกว่าจะไม่ให้ท่านอ๋องเจ็ดได้เหยียบเข้าไปในจวนแม้แต่ก้าวเดียวเจ้าค่ะ”
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ฟังก็เลิกคิ้วขึ้นมาในทันที สีหน้าของเขาเหมือนกำลังยิ้มเยาะ “เขาคิดว่าตัวเองฉลาดนัก แต่กลับวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ออกเลยงั้นหรือ? เขายังคงคิดว่าจวนหลิ่วในตอนนี้ จะยังคงเป็นเหมือนจวนหลิ่วเมื่อ 15 ปีก่อนหรืออย่างไร? แต่ถ้าอ๋องเจ็ดถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในจวนหลิ่วจริงๆล่ะก็ เกรงว่าจวนหลิ่วคงจะเหลือแค่เพียงชื่อภายในระยะเวลา 1 ปี” พูดจบ หลิ่วหยินเฟิงก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าหากอินอินยังอยู่ ก็คงจะดีสินะ”
“ถ้าเช่นนั้นคุณชาย……” หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณชายของตนจึงได้พูดเช่นนั้น นางงุนงงอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเรากลับจวนกันเลยไหมเจ้าคะ?”
“จะกลับไปทำไมล่ะ?” หลิ่วหยินเฟิงตรวจดูความเรียบร้อยของชุดที่สวมใส่พลางขมวดคิ้ว “ฮวานเชิงตายไปแล้ว สองคนนั้นวันๆก็เลยทำตัวเหมือนกับพลุ พอถูกจุดไฟเข้าหน่อยก็ทะยานแรงดันขึ้นสูงเสียดฟ้า จะให้ข้ากลับไปเจอบรรยากาศแบบนั้นทำไมกัน” พูดจบเขาก็เดินไปที่ประตู แหวกม่านประตูออก แล้วจึงเดินออกไป
หลังจากที่หยุนชางเดินออกมาจากหอหลงเฟิ่ง นางก็สั่งให้สารถีรถม้ามุ่งหน้าไปยังประตูวัง นางรู้สึกฟุ้งซ่าน อยากจะรีบไปถามเซี่ยหวนอวี่ว่าเรื่องที่ตนได้ยินมาเป็นความจริงหรือไม่ เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นแล้วเหตุใดเขาจึงไม่ยอมบอกให้นางได้รับรู้บ้างเลย?
“พระชายา ถึงประตูวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สารถีกล่าวรายงาน หยุนชางขานรับ แต่ก็ยังคงนั่งเงียบอยู่บนรถม้า ไม่นานนัก นางก็ได้เอ่ยปากสั่งการขึ้นมาอีกครั้ง “กลับจวนเถอะ”
สารถีรู้สึกงุนงง เขานิ่งไปสักพักหนึ่ง จากนั้นจึงถอยรถม้าเดินทางกลับไปยังจวนรุ่ยอ๋อง
เมื่อมาถึงจวน สาวใช้ก็ได้เข้ามารายงานหยุนชาง “พระชายา มีแขกมาพบเพคะ พี่เฉี่ยนอินได้นำเขาไปที่เรือนรับรองแล้วเพคะ”
หยุนชางขมวดคิ้ว “ใคร?”
สาวใช้นางนั้นยืนนึกอยู่สักครู่ “หม่อมฉันได้ยินพี่เฉี่ยนอินเรียกนางว่ากู้ฮูหยินเพคะ แต่ว่านางเป็นใครหม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ”
กู้ฮูหยิน หยุนชางขมวดคิ้ว ในเมืองจิ่นมีคนแซ่กู้มากมาย แต่เฉี่ยนอินกลับรู้จักนางได้ คงจะเคยพบกันมาแล้วเป็นแน่ แต่เหตุใดตัวหยุนชางเองจึงนึกไม่ออกเสียเลยล่ะ
แม้ในใจจะรู้สึกฟุ้งซ่านเพียงใด แต่หยุนชางก็ยังคงเดินไปที่เรือนรับรอง ภายในเรือนรับรองนั้น มีหญิงรูปงามกำลังนั่งเหม่อมองไปยังถ้วยน้ำชาบนโต๊ะ
กู้ฮูหยิน หยุนชางจ้องมองไปที่นาง ในที่สุดก็นึกขึ้นมาได้ ที่แท้ก็นางนี่เอง ฮูหยินรองของทั่นฮวากู้เฉาเกอ แต่ว่า หยุนชางหวนคิดไปยังเหตุการณ์ในวันนั้น ตนกับนางก็มิได้รู้จักกันเท่าไร เหตุใดนางจึงมาถึงที่นี่ได้
หยุนชางพยายามรวบรวมสติ นางยิ้ม แล้วเดินไปที่เรือนรับรอง นางกล่าวคำทักทายอย่างเป็นมิตร “ที่แท้ก็กู้ฮูหยินนั่นเอง ไม่รู้เลยว่ากู้ฮูหยินจะมาที่นี่ในวันนี้ เมื่อครู่ข้าออกไปข้างนอกมา เลยทำให้กู้ฮูหยินรอข้าเสียนานเลย”
เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงของหยุนชาง นางก็ลุกขึ้นยืน เมื่อหยุนชางพูดจบ นางก็รีบส่ายหน้า นางค่อยๆมองไปที่หยุนชางด้วยอาการสำรวม เสียงเล็กๆของนางตอบกลับไปว่า “มิได้เพคะ ไม่ได้รอนานเลยเพคะ”
หยุนชางมองไปที่หญิงสาวแล้วยิ้มให้ แล้วนางก็ได้เห็นว่าหญิงสาวกำลังกำผ้าในมือจนแน่นโดยไม่รู้ตัว นางกัดริมฝีปากนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “พระชายาโปรดเรียกหม่อมฉันว่าหนูซีเถิดเพคะ”
หนูซี หยุนชางแอบหัวเราะในใจ ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูต่ำต้อยเสียจริงๆ
เมื่อหนูซีเห็นว่าหยุนชางเงียบไปก็ยิ่งทำให้นางตื่นเต้น “ที่หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าพระชายาในวันนี้ หม่อมฉันมาด้วยเรื่องของฮูหยินน้อยหลิ่วเพคะ”
“งั้นหรือ?” หยุนชางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตำแหน่งหลัก นางรู้สึกแปลกใจ “มาด้วยเรื่องของฮูหยินน้อยหลิ่ว? ฮูหยินน้อยหลิ่วเป็นฮูหยินคนเล็กในจวนหลิ่ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับจวนรุ่ยอ๋องเลยนี่นา?”
เมื่อหนูซีได้ยิน นางก็หน้าซีดลงไปเล็กน้อย ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระชายา และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนกั๋วกงด้วยเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่า การตายของฮูหยินน้อยหลิ่วผู้นั้น ทางกรมอาญาทำการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นฝีมือของคนในจวนกั๋งกง มีหลักฐานยืนยันครบถ้วนด้วยนะเพคะ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือนี่” หยุนชางครุ่นคิด นางรู้สึกเคลือบแคลงในการพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ของหญิงสาวที่อยู่ตรงเบื้องหน้า
“หม่อมฉัน เอ่อ……” หนูซีกัดริมฝีปาก นางรวบรวมความกล้า และพูดในขณะที่ยังคงกำมือแน่น “เมื่อวันก่อน ตอนที่หม่อมฉันได้ยกน้ำชาไปให้สามี ก็ได้ยินคนบอกให้สามีของหม่อมฉันสั่งการให้บ่าวไพร่ในจวนกั๋วกงกินยาปลิดชีพตัวเอง เห็นเขาพูดกันว่าขอเพียงให้บ่าวไพร่คนนั้นฆ่าตัวตาย ใครต่อใครจะต้องพากันคิดว่า เจ้านายบางคนในจวนกั๋วกงเป็นคนสั่งฆ่าเพคะ”
หยุนชางเงียบไปสักพัก นางลูบไปที่ปิ่นหยกรูปผีเสื้อแล้วยิ้มออกมา “กู้ฮูหยินรู้หรือไม่ การที่ท่านพูดจาเช่นนี้ จะนำผลลัพธ์อย่างไรมาสู่สามีของท่าน?”