ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 41 ฉินเมิ่งผู้ขาดความยับยั้ง
"กรี๊ด… " หยุนชางอุทานออกมาอย่างตกใจ นางควบคุมอารมณ์อย่างยากลำบากแล้วจึงขมวดคิ้วและเอ่ยปาก "เสด็จอาทำอะไรเพคะ?"
จิ้งอ๋องยกเท้าก้าวออกไปนอกประตู "พาเจ้าไปพบหมอเทวดา"
จิ๋งอ๋องอุ้มหยุนชางเดินออกจากห้องไป หยุนชางมองไปที่ฉิงยีและฉินเมิ่ง ทั้งคู่มองคนทั้งสองด้วยอาการตกตะลึงตาค้าง พวกนางยืนเอ๋ออยู่นาน ฉิงยีก็รีบก้าวมาข้างหน้าพร้อมพูดอย่างตื่นตระหนก "ท่านอ๋อง องค์หญิงเป็นอะไรหรือเพคะ?"
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว "ข้าจะพานางไปพบหมอเทวดา" พูดจบก็ไม่รอช้าเดินออกไปทันที
"เฮ้อ องค์หญิง… " เสียงของฉิงยีดังอยู่ด้านหลัง หยุนชางกัดริมฝีปากเล็กน้อย นางถอนหายใจและกล่าวว่า "เสด็จอา ปล่อยชางเอ๋อร์ลง ชางเอ๋อร์เดินเองได้"
ฝีเท้าของจิ้งอ๋องหยุดชะงัก เขาวางหยุนชางลง
"หมอเทวดาเสวี่ยเหยียนอยู่ที่จวนของเสด็จอาจริงหรือ?" หยุนชางรู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด นางจึงรีบถามด้วยรอยยิ้ม
จิ้งอ๋องไม่ตอบสนอง เพียงเดินไปข้างหน้า
หยุนชางรีบเดินตาม ในปากก็พึมพำ "มีคนต้องอาศัยอยู่ในน้ำแข็งหิมะจึงจะอยู่ได้ ช่างน่าแปลกเสียจริง"
จิ้งอ๋องยังคงไม่ตอบ หยุนชางก็ไม่พูดอะไรอีกและเดินตามหลังของเขาไปเงียบๆ
เดินผ่านสวนดอกไม้เข้าไปในลาน เมื่อจิ้งอ๋องเดินมาถึงภูเขาหินเทียม เขาก็ทะลุเข้าไป หยุนชางตกตะลึงไปชั่วขณะ โดยไม่ได้คิดอะไรมาก นางก็เดินตามเขาเข้าไป
เมื่อเข้าไปแล้วก็รู้สึกได้ถึงอากาศเย็นที่พุ่งเข้ามาปะทะ หยุนชางตัวสั่น นางเดินตามหลังจิ้งอ๋องลึกเข้าไปด้านในมากขึ้นเรื่อย ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น
จิ้งอ๋องหันกลับมามองหยุนชางแวบหนึ่ง เขาเพียงขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ฝีเท้าของเขายิ่งเร็วขึ้นไปอีก
หลังจากเดินไปประมาณสิบห้านาที จิ้งอ๋องจึงหยุดเดิน หยุนชางหอบเล็กน้อย รู้สึกว่าร่างกายของนางเย็นจนแทบไม่รู้สึกถึงมือและเท้า สักพักจึงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าในกำแพงน้ำแข็งที่แผ่ไอเย็นออกมามีคนนั่งอยู่ตรงกลางซึ่งดูเหมือนหิมะ เสื้อผ้าสีขาวผมสีขาว แม้แต่ผิวหนังบนร่างกายของเขาก็เกือบจะโปร่งใส
หยุนชางเดาตัวตนของคนตรงหน้าได้แทบจะทันที "หมอเทวดาเสี่ยนเหยียน?" นางอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจอยู่ในใจ นึกไม่ถึงว่าจะมีบุคคลเช่นนี้อยู่ในโลก คนที่เหมือนกับน้ำแข็งและหิมะ
คนที่เหมือนน้ำแข็งก็มองหยุนชางอย่างประเมินเช่นกัน เป็นเวลานานกว่าเขาจะหันกลับมาพูดกับจิ้งอ๋อง "นี่คือใคร? มาทำอะไรกัน?"
"มาหาหมอ" จิ้งอ๋องเดินไปยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าหมอเทวดาเสวี่ยเหยียน หันศีรษะของเขามามองหยุนชางและพูดเบาๆ
หมอเทวดาเสวี่ยเหยียนหันศีรษะและมองไปที่หยุนชางอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "แม้ว่านางจะกินยาโดยเจตนาให้ชีพจรสับสน แต่ในความเป็นจริงร่างกายของนางดีมาก ยกเว้นโดนความเย็นกระทบแล้ว ข้าไม่เห็นว่านางจะมีโรคอะไร"
เมื่อพูดจบแล้ว หมอเทวดาก็หยุดไปครู่หนึ่ง แววแห่งความไม่อยากเชื่อก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาจ้องไปที่จิ้งอ๋อง "ท่านคงไม่ใช่จะให้ข้ารักษาโรคหวัดของนางหรอกนะ?"
จิ้งอ๋องไม่ได้พูดอะไร หมอเทวดาจึงโอดครวญว่า "ไม่ใช่หรอกน่า? แม้ข้าจะเป็นหมอแต่ก็ถือว่าเป็นหมอเทวดาแห่งยุค ถึงแม้จะไม่อาจปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้ แต่ข้าก็สามารถรักษาโรคยากๆได้ ท่านจะให้ข้ารักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยเช่นนี้หรือ?"
จิ้งอ๋องยังคงไม่พูดอะไร แต่หยุนชางรู้สึกอายเล็กน้อย นางจึงยิ้มและกล่าวว่า "ให้ท่านหมอขบขันแล้ว ชางเอ๋อร์เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยจึงขอให้เสด็จอาพามาพบท่าน อาการป่วยเล็กน้อยเช่นนี้คงไม่ต้องรบกวนท่านหมอ ชางเอ๋อร์เองก็มีวิชาแพทย์เล็กน้อย อีกครู่ข้าค่อยสั่งยาให้ตัวเองก็ได้"
เสวี่ยเหยียนมองไปที่หยุนชาง จากนั้นก็มองไปที่จิ้งอ๋อแล้วก็ถอนหายใจ "เอาเถอะๆ ผู้เป็นหมอไม่รักษาตนเอง เป็นหวัดก็เป็นหวัด ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าถึงสามครั้ง เจ้าใช้ครั้งนี้แล้วก็เหลืออีกเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น" เสวี่ยเหยียนลุกขึ้นเดินไปหาปากกาและหมึกด้านข้าง เขาเขียนบางอย่างลงบนแผ่นไม้ไผ่และส่งให้จิ้งอ๋อง "ตำรับยา"
จิ้งอ๋องรับมันมา เสวี่ยเหยียนก็พูดขึ้นอีกครั้ง "หากท่านปล่อยให้นางอยู่ในห้องใต้ดินน้ำแข็งนี้อีกสักพัก คาดว่ายาคงต้องแรงขึ้นอีก"
จิ้งอ๋องพยักหน้า หันหน้าไปทางหยุนชางและพูดว่า "ไปกันเถอะ"
หยุนชางกล่าวขอบคุณแก่เสวี่ยเหยียนซ้ำๆ เมื่อกำลังจะหันตามจิ้งอ๋องเดินออกไปข้างนอก แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นในห้องน้ำแข็งแห่งนี้ หยุนชางตกใจจากนั้นนางจึงหันไปเห็นเชือกเส้นเล็กๆรอบๆห้องน้ำแข็ง เชือกนั้นผูกไว้กับระฆัง หยุนชางไม่รู้ว่าระฆังนี้มีไว้เพื่ออะไร แต่กลับได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องเย็นชาขึ้นไปอีก "มีคนบุกเข้ามาในสวน"
หยุนชางเดินตามจิ้งอ๋องออกจากห้องน้ำแข็ง จิ้งอ๋องที่อยู่ด้านหน้าจู่ๆก็ชะงักฝีเท้าลง หยุนชางมองตามสายตาของเขาไปก็เห็นว่ามีเงาร่างสีชมพูอยู่หลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งในลาน เขามองไปรอบๆและเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
"ดูเหมือนว่าคนรอบตัวเจ้าจะไม่ค่อยสะอาดนัก" จิ้งอ๋องหรี่ตาลง น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
หยุนชางยิ้ม "เดิมทีนางก็เป็นคนข้างกายของฮองเฮา ข้าอยากกำจัดนางอยู่ตลอด เพียงแต่เพิ่งได้กลับวังจึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม คนเช่นนี้วางไว้ข้างกายน่ะดีแล้ว ให้โอกาสนางคอยจับจ้องข้า นายของนางจะได้วางใจและข้าก็จะสามารถหาโอกาสได้เช่นกัน"
จิ้งอ๋องหันศีรษะเหือบมองหยุนชางและไม่ได้พูดอะไร มองดูร่างนั้นอยู่ไกลออกไปเรื่อยๆจึงเดินออกมาจากภูเขาเทียม นำหยุนชางกลับไปที่สวนอีกครั้ง
"องค์หญิง ไม่เป็นไรใช่มั้ยเพคะ?" ฉิงยีรีบถามเมื่อเห็นหยุนชางกลับมา
หยุนชางส่ายหัวและนั่งลงบนเก้าอี้ "ไม่เป็นไร ฉินเมิ่งอยู่ที่ไหน?"
ฉิงยีได้ยินเช่นนั้นก็มองออกไปข้างนอกด้วยท่าทางประหลาด "ไม่มีใครอยู่ที่สวนหรือ? เมื่อครู่นางบอกข้าว่านางจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย แล้วข้าก็ไม่เห็นนางอีก แต่ไปห้องน้ำก็ไม่น่าต้องใช้เวลานานขนาดนี้? หรือว่าหลงทาง?"
มุมปากของหยุนชางกระตุกยิ้ม "ไปห้องน้ำ? ไปห้องน้ำเสียไกลเลยทีเดียว ช่างเถอะ ตอนนี้ข้าอยู่ในจวนจิ้งอ๋องมีเจ้าและนางเพียงสองคนเท่านั้น เจ้าคอยจับตาดูนางให้ดี แม้ว่าจะเป็นคนฉลาดก็คงไม่ลงมือในที่ที่ตนเองไม่คุ้นเคย แต่ตอนนี้ด้านฮองเฮาและหัวจิ้งต่างก็สถานการณ์ไม่ดีนัก นางก็ยังถูกข้าพามาที่อีก ไม่แน่ว่าเมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงจะก่อเรื่อง เจ้าต้องระวังให้ดี"
ฉิงยีได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว "ข้าเข้าใจแล้ว"
ทั้งสองคนคุยกันสักพัก เมื่อหยุนชางกำลังจะพักผ่อนกลับได้ยินเสียงเคาะประตูดังแว่วมา ฉิงยีเดินไปเปิดประตูและพบว่าเป็นหัวหน้าขันทีในจวนจิ้งอ๋องยืนอยู่นอกประตูถือชามไว้ในมือ ในชามก็ยังมีไอร้อนอยู่
"องค์หญิง ท่านอ๋องสั่งให้ข้าส่งยามาให้องค์หญิง ยาเพิ่งต้มเสร็จ ตามทางมานี้มันอุ่นขึ้นแล้ว องค์หญิงรีบดื่มมันตอนที่ยังอุ่นอยู่เถอะ" หัวหน้าขันทียิ้มเต็มใบหน้าและส่งชามนั้นให้ ฉิงยีรีบรับมันมาคนเล็กน้อยก่อนจะยื่นให้หยุนชาง
หยุนชางรับชามนั้นมา ไม่พูดอะไร เพียงเงยหน้าขึ้นดื่มมันลงไป
เมื่อเห็นเช่นนี้หัวหน้าขันทีก็รีบรับชามมาด้วยรอยยิ้มและถอยออกไป จากนั้นหยุนชางจึงให้ฉิงยีช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพักผ่อน
เมื่อนางรู้สึกตัวตื่น เพิ่งลุกจากเตียงก็ได้ยินเสียงมาจากข้างนอก "องค์หญิงตื่นหรือยัง? ข้ามีเรื่องจะรายงาน"
หยุนชางขมวดคิ้ว "มีอะไรเหรอ?"
"รายงานองค์หญิง หนึ่งในนางกำนัลของท่าน ไม่รู้เมื่อคืนทำไมเจ้าถึงบุกเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามของจวนอ๋องและถูกจับได้ ท่านอ๋องบอกว่ารอให้องค์หญิงตื่นแล้วให้ท่านลงโทษด้วยตนเอง องค์หญิงท่านว่า?"