ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 42 ลงโทษฉินเมิ่ง
หยุนชางนิ่งค้างไป นางพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีแววรอยยิ้มแวบหนึ่งในดวงตาของนาง นางเงยหน้าขึ้นและพูดกับฉิงยี "ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ให้ข้าทานอาหารเช้าก่อนแล้วกัน"
ฉิงยีรีบขานรับอย่างรวดเร็ว หันหลังกลับออกไปและพูดอะไรบางอย่างกับคนที่มาส่งข่าวที่อยู่นอกประตู หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนนำอาหารเช้ามาให้ ฉิงยียิ้มรับอาหารเช้ามาและพูดกับหยุนชาง "เป็นโจ๊กถั่วแดงเพคะ ดูไม่เลวเลยที่เดียว"
หยุนชางพยักหน้าและยิ้มให้ฉิงยี "ดูเถอะ มีคนอยู่ไม่สุขเสมอ"
ฉิงยีเสิร์ฟอาหารแก่หยุนชางพลางกล่าวว่า "ข้าลืมไปแล้วว่านี่ไม่ใช่พระราชวังแต่เป็นจวนจิ้งอ๋อง ควรให้ฉินเมิ่งได้เรียนรู้บทเรียนเสียบ้างและทำให้นางรู้ว่าไม่ใช่ทุกที่ที่นางจะทำได้ทุกอย่างที่นางต้องการ"
หยุนชางยิ้ม ถือช้อนเงิน พร้อมด้วยไข่ม้วนหรูอี้ รับประทานโจ๊กถั่วแดง หลังจากทานอาหารเสร็จ นางก็พักผ่อนอีกสักพักก่อนจะเรียกบ่าวรับใช้ให้นำนางไปยังเขตต้องห้าม
ฉินเมิ่งกำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูเขตต้องห้าม ดูเหมือนว่านางจะคุกเข่ามาหลายชั่วยามแล้ว ร่างกายของนางเอียงเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงนางก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหยุนชาง ดวงตาของนางก็เปล่งประกายรีบตั้งตัวตรงพร้อมพูดด้วยน้ำตา "องค์หญิง ช่วยข้าด้วย ข้าเพียงออกไปห้องน้ำเท่านั้นแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจวนอ๋องแห่งนี้ใหญ่เกินไป ข้าเดินอยู่นานก็ไม่พบใคร
ข้าจึงเดินมาถึงที่นี่อย่างไม่เข้าใจ ข้าไม่รู้จริงๆว่านี้เป็นเขตต้องห้ามของจวน องค์หญิงช่วยข้าด้วย… "
หยุนชางขมวดคิ้วและเดินไปด้านหน้าของฉินเมิ่งอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย "ฉินเมิ่ง ทำไมเจ้าจึงไม่ระวังตัว? ที่นี่คือจวนจิ้งอ๋อง เจ้าจะเดินไปมาตามอำเภอใจได้อย่างไร หากล่วงเกินเสด็จอาเข้า ข้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้… "
"ข้าไม่ได้ตั้งใจ องค์หญิงช่วยข้าขอร้องท่านอ๋องหน่อยเถอะเพคะ" ฉินเมิ่งรีบคว้ากระโปรงของหยุนชาง น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตา
"เขตต้องห้ามของจวนอ๋อง ผู้บุกรุกต้องตาย ท่านอ๋องเห็นแก่องค์หญิงจึงได้ไว้ชีวิตเจ้า แต่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเจ้าก็ได้บุกเข้ามาในเขตต้องห้ามจริง โทษตายอาจละเว้นได้ แต่โทษเป็นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกล้าบุกเข้ามาก็ต้องกล้าแบกรับผลที่ตามมา" หัวหน้าขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าเฉยเมยและไม่ขยับตัวเลยแม้สักนิด
"องค์หญิง องค์หญิง โปรดช่วยข้าขอร้องท่านอ๋อง" ฉินเมิ่งกัดริมฝีปาก ใบหน้าของนางซีดขาว แต่เสียงของนางกลับแหลมขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น เสียงต่ำและน่าดึงดูดใจของบุรุษก็ดังขึ้น หยุนชางหันศีรษะไปมองก็เห็นว่าเป็นจิ้งอ๋องลั่วชิงเหยียน
"ท่านอ๋อง นี่คือคนที่ลุกล้ำเข้ามาในเขตต้องห้ามเมื่อวานนี้ เป็นนางกำนัลที่องค์หญิงพามาด้วย ท่านอ๋องคิดว่า?" หัวหน้าขันทีรีบเดินมาข้างหน้าโค้งเอวคำนับพร้อมพูดด้วยความเคารพ
จิ้งอ๋องกวาดตามองใบหน้าของหยุนชางอย่างเฉยเมย หลังจากที่ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งก็รีบเบนสายตาออกจากกันอย่างรวดเร็ว "องค์หญิงว่ายังไง?"
หยุนชางยิ้มบางๆ ใบหน้าของนางสงบ "ฉินเมิ่งเป็นคนที่ข้าพามาที่จวนอ๋อง ชางเอ๋อร์ไม่ได้อบรมอย่างเคร่งครัด เพียงแต่ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด หวังว่าเสด็จอาจะลงโทษนางโดยเบา"
จิ้งอ๋องครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็พยักหน้า "เช่นนั้นก็ทำตามที่องค์หญิงว่า ลงโทษสถานเบาก็แล้วกัน" ในขณะที่พูด เขามองไปที่หญิงสาวในชุดสีชมพูที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น เมื่อเห็นว่านางดูเหมือนจะโล่งใจ จิ้งอ๋องก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก "ผู้ที่บุกเข้ามาในเขตต้องห้าม ตามปกติแล้วจะไม่ได้รับการไว้ชีวิต แต่ข้าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทขององค์หญิง เอาเถอะ เพียงหักขานางก็พอแล้ว ไว้ชีวิต"
หยุนชางได้ยินคำพูดนั้นก็รีบเก็บรอยยิ้มในดวงตาของนางและแสดงสีหน้าตกใจออกมา หัวหน้าขันทีพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าน้อยรับทราบ"
ด้านฉินเมิ่งนั้น นางดูเหมือนจะเพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนอง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นยืน "ไม่… พวกเจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้… "
"หนวกหูจริง" จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว องครักษ์จึงนำของมายัดปากนาง
จิ้งอ๋องหันศีรษะมาชำเลืองมองหยุนชาง เขาชะงักฝีเท้า "หากทหารของข้าลงมือจะมีการนองเลือดเล็กน้อย องค์หญิงหลบไปก่อนเถอะ"
"แต่ … " หยุนชางขมวดคิ้วและหันไปมองฉินเมิ่งที่น้ำตาไหลอาบหน้า บนหน้าผากมีเส้นเอ็นสีเขียวปูดออกมา นางลังเลและกล่าวว่า "ฉินเมิ่ง นาง… "
"องค์หญิงไม่จำเป็นต้องขอร้องแทนนางอีก ข้าได้อนุโลมมากแล้ว" จิ้งอ๋องหมุนตัวก้าวออกไป
หยุนชางชะงักฝีเท้า หยุดมองฉินเมิ่งหลายครั้ง แต่ก็เดินตามไปในที่สุด
หลังจากออกจากประตูสวนมาแล้ว หยุนชางจึงกระซิบ "ชางเอ๋อร์ ขอขอบคุณเสด็จอา"
จิ้งอ๋องตอบเพียง "อืม" และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า "แม้แต่ข้างกายตัวเองก็ทำให้สะอาดไม่ได้ แล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร ครั้งนี้ถือว่าข้ามอบน้ำใจแก่เจ้า ครั้งหน้าหากยังมีคนเช่นนี้อีก เจ้าก็จัดการเองเถิด"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ ความรำคาญจางๆก็ผุดขึ้นในใจ นางพยักหน้าเล็กน้อย "ชางเอ๋อร์เข้าใจแล้ว"
จิ้งอ๋องจึงไม่พูดอะไรมากและเร่งฝีเท้าเดินออกไปจนห่างจากนาง
"องค์หญิง เช่นนี้ฉินเมิ่งก็ถูกกำจัดออกไปได้แล้วใช่ไหมเพคะ ฮ่าๆ ช่างน่ายินดีจริงๆ ฮองเฮาใช้ความพยายามอย่างมากในการนำนางมาอยู่ข้างกายองค์หญิง แต่ก่อนที่นางจะได้สร้างผลงานก็ถูกท่านอ๋องกำจัดเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นข้อหานี้ท่านอ๋องเป็นผู้แบกรับและมือขององค์หญิงก็สะอาดสะอ้าน ไม่มีใครสามารถจับผิดได้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ" ฉิงยีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
หยุนชางยืนอยู่ที่เดิมมองไปที่ป่าไผ่อันห่างไกล ใบหน้าของนางไม่ได้มีความสุขมากนัก "ฉินเมิ่งอยู่ข้างกายข้าก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแย่นัก เดิมทีข้าคิดว่าข้าจะสามารถใช้นางได้ในอนาคต คิดไม่ถึง… ช่างเถอะๆ เป็นอย่างนี้ก็ดี คนร้ายน้อยลงไปหนึ่งคน ไม่จำเป็นต้องกังวลอยู่ตลอดเวลา"
"ใช่แล้ว องค์หญิงสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเพิ่มคนที่ไว้ใจได้สักสองสามคน" ฉิงยียิ้มบางๆและรู้สึกว่าตั้งกลับมาที่วังจนถึงตอนนี้ หัวใจจึงรู้สึกสงบลงได้เล็กน้อย
หยุนชางพยักหน้า "อีกครู่เมื่อบ่าวในจวนส่งฉินเมิ่งกลับมา พวกเราก็กลับวังเถอะ"
หยุนชางเพียงแค่อยากพบจิ้งอ๋องเท่านั้น ในเมื่อจิ้งอ๋องตกลงร่วมมือกับนางแล้ว เช่นนั้นจุดประสงค์ของการออกจากวังของนางในครั้งนี้ก็บรรลุแล้ว นอกจากนี้หลังจากที่จิ้งอ๋องก่อเรื่องนี้แล้ว เกรงว่าในวังจะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกครั้ง แล้วนางจะพลาดได้อย่างไร?