ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 40 ร่วมมือกัน
"ไปรักษาตัวที่จวนจิ้งอ๋องงั้นหรือ?" หยุนชางไอออกมาสองสามที ใบหน้าของเธอแดงไปหมด "ร่างกายของข้า ไม่มีหมอเทวดาที่ไหนสามารถรักษาให้หายได้หรอก ช่างมันเถอะ ถึงยังไงมันก็เป็นความหวังดีของเสด็จพ่อ หากว่าข้าปฏิเสธ เสด็จพ่อจะต้องเสียใจอย่างมากแน่นอน แต่ข้าได้ยินมาว่าจิ้งอ๋องเป็นคนเย็นชา และในจวนจิ้งอ๋องนั้นไม่มีสาวใช้เลย ฉินยีและฉินเมิ่งไปที่จวนจิ้งอ๋องกับข้าเถิด "
ฉินยีฉินเมิ่งได้ยินเช่นนี้ก็รีบตอบรับ และสั่งให้สาวใช้ไปเก็บข้าวของ หลังจากนั้นไม่นานก็มีนางกำนัลมาแจ้งข่าว ว่าจิ้งอ๋องจะกลับจวนแล้ว และมารับองค์หญิงร่วมทางด้วย หยุนชางพยักหน้า ภายใต้การพยุงของฉินยีและฉินเมิ่ง เธอออกจากตำหนักชิงซินและขึ้นเสลี่ยงไป ไปถึงที่หน้าประตูพระราชวัง ก็เห็นมีเกวียนม้าสองคันจอดอยู่หน้าประตูพระราชวัง จิ้งอ๋องยืนอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นหยุนชาง เขาก็เดินเข้าไป พยุงหยุนชางลงจากเสลี่ยงมา
มีลมกระโชกแรงที่หน้าประตูพระราชวัง หยุนชางไอสองสามที แล้วขึ้นเกวียนม้าไปโดยมีจิ้งอ๋องพยุงไว้ หยุนชางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจึงกล่าวขอบคุณเขาเบา ๆ และเข้าไปในเกวียนม้า
หลังจากเกวียนม้าเดินทางไปประมาณครึ่งชั่วโมง เกวียนม้าก็หยุดลง และผ้าม่านของเกวียนม้าก็เปิดออก ฉินยีและฉินเมิ่งยืนอยู่นอกเกวียนม้า " องค์หญิง เราถึงจวนจิ้งอ๋องแล้วเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้า ลุกขึ้นและลงจากเกวียนม้า
จิ้งอ๋องกำลังยืนอยู่ที่ประตูและกำลังออกคำสั่งกับชายวัยกลางคน เมื่อเห็นหยุนชางลุกจากเกวียน เขาก็เดินไป "ข้าได้สั่งกับพ่อบ้านแล้ว ให้ไปแจ้งหมอเทวดา เจ้าไปพักที่บ้านก่อน และพักผ่อนสักครู่เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปพบหมอเทวดา"
หยุนชางพยักหน้าและกล่าวอย่างมีมารยาท "เช่นนั้น ข้าขอขอบพระคุณเสด็จอาเพคะ"
หยุนชางถูกพาเข้าไปในจวนจิ้งอ๋อง แม้ว่าจวนจิ้งอ๋องจะใหญ่โต แต่ก็มีบ่าวรับใช้ไม่มากนัก ดูท่าจะเงียบเหงาเล็กน้อย หยุนชางได้พักในลานที่มีชื่อว่าจิ่นเซ้อ หลังจากที่หัวหน้าบ่าวใช้พาหยุนชางไปที่ลานที่พักแล้ว เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
"ทำไมจวนจิ้งอ๋องนี้ถึงได้เงียบเหงาเช่นนี้? ไม่เห็นแม้แต่เงาร่างของคนเลย ช่างน่ากลัว องค์หญิง… เรากลับวังกันดีกว่า" ฉินเมิ่งตัวสั่น
หยุนชางยิ้ม "ยัยโง่ ระวังจิ้งอ๋องจะได้ยินเข้านะ ถ้าจิ้งอ๋องโกรธขึ้นมา ข้าเองก็ปกป้องเจ้าไม่ได้นะ"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่สนามหญ้าข้างหน้า แม้ว่ามันจะถูกปกคลุมไปด้วยค่ำคืนนี้ แต่ลานก็สามารถมองเห็นได้อย่างคร่าวๆ ภายใต้เงาสะท้อนของโคมไฟใต้ชายคา ลานนี้ค่อนข้างใหญ่มีทางเดินสองสายอยู่ข้างหน้าอาคาร ทางเดินเส้นหนึ่งเป็นทางประตูเข้าของลาน อีกหนึ่งทางคือทางเดินที่ไม่ยาวมากนัก สองข้างทางนั้นมีป่าไผ่และข้างๆ ป่าไผ่เป็นต้นพลัมจำนวนมาก
ฉินยีพยุงหยุนชางเข้าไปในห้อง ไฟในห้องนั้นสว่างขึ้น ของประดับตกแต่งในห้องนั้นมีไม่มาก มีเพียงโต๊ะหนึ่งตัว และเก้าอี้ไม่กี่ตัว เมื่อเดินผ่านไปห้องด้านนอก ด้านในห้องโถงมีเตียงวางอยู่ มีมุ้งลวด โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะวางขิม โต๊ะอ่านหนังสือ ของมีไม่เยอะ แต่มีกลิ่นอายของความสวยงามสง่าเผยออกมา
"ว่ากันว่าจิ้งอ๋องนี้ไม่ได้ใกล้ชิดกับสตรี ในจวนนี้ไม่มีแม้แต่บ่าวใช้ที่เป็นหญิงสาว แต่ทำไมห้องนี้จึง … เหมือนห้องที่อยู่อาศัยของหญิงสาว?" ฉินยีมองไปที่ห้องนี้และพูดเบา ๆ
"เอาหน่า ที่นี่ไม่ใช่พระราชวัง เก็บกวาดแล้วเอาของที่นำมาวางให้เรียบร้อย และรีบพักผ่อนเสีย ตอนนี้ดึกแล้ว" หยุนชางนั่งลงบนเก้าอี้ เพียงรู้สึกว่าได้ยินเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาดังเข้ามา เธอจึงโบกมือและส่งสัญญาณให้ทั้งสองถอยกลับไป
"คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ" เสียงของฉินยีและฉินเมิ่งดังมาจากด้านนอกประตู หยุนชางนั่งตัวตรงและมองไปที่ประตู เธอเห็นชายในชุดสีม่วงเดินเข้ามาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
หยุนชางยิ้มออกมาเล็กน้อย "เสด็จอามาแล้วเหรอเพคะ? เราจะไปพบหมอเทวดาตอนนี้เลยหรือเพคะ?"
จิ้งอ๋องไม่ได้พูดอะไร เขานั่งลงตรงข้ามหยุนชาง จ้องไปที่หยุนชางสักพักแล้วกล่าวว่า " เราเป็นคนตรงไปตรงมา ขอไม่อ้อมค้อมแล้วกัน องค์หญิงพยายามอย่างยิ่งที่อยากจะเจอข้า ทำเพื่ออันใด?"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ เธอก็ก้มหน้าลงหัวเราะอยู่นานก่อนที่จะพูดว่า "ชางเอ๋อร์แค่ต้องการที่จะทราบว่า ซู่เฟยเหนียงเหนียงเป็นคนของจิ้งอ๋องหรือเปล่าก็เท่านั้นเองเพคะ"
"จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ทราบหรือยัง? " จิ้งอ๋องลดสายตาลงไปเล่นจี้หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของตน มีความชิวๆ สบายๆ อยู่ในนำเสียงของเขา
"ทราบแล้วเพคะ" หยุนชางตอบ มือทั้งสองที่อยู่ข้างในแขนเสื้อนั้นถูไปมาเป็นเวลานาน จึงจะพูดว่า "ไม่คาดคิดเลยเพคะ เสด็จอาอยู่ไกลถึงชายแดน แต่ดวงตาคู่นี้กับวางอยู่ข้างหมอนของเสด็จพ่อ ช่างทำให้ชางเอ๋อร์ชื่นชมจริงๆ เลย"
จิ้งอ๋องยิ้มออกมาเล็กน้อย และไม่ได้แก้ตัวมากนัก "ไม่ต่างกันไม่ต่างกันหรอก"
"ซู่เฟยมีความวิจิตรงดงามในวัง แต่เธอมักจะมีปัญหากับฮองเฮา ข้าคิดว่าคงจะเป็นคำสั่งของเสด็จอา ชางเอ๋อร์ไม่ทราบว่าเสด็จอามีการวางแผนที่ยาวไกลอย่างไร แต่ข้ารู้ว่าตอนนี้ คนที่เสด็จอาอยากจัดการนั้นเป็นคนคนเดียวกันกับชางเอ๋อร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ชางเอ๋อร์ร่วมมือกับเสด็จอาดีหรือไม่เพคะ? แม้ว่าชางเอ๋อร์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้เสด็จอาได้บรรลุเป้าหมายเพคะ" หยุนชางยื่นมือออกมาพยุงหัวไว้ และเอียงศีรษะมองไปที่จิ้งอ๋อง
"ดีมาก" จิ้งอ๋องพยักหน้า แต่ยังไม่มีการแสดงออกใด ๆ บนใบหน้าของเขา
หยุนชางยืนขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "วันนี้มันดึกมากแล้ว ในเมื่อเสด็จอามิได้จะพาชางเอ๋อร์ไปพบหมอเทวดา ถ้าอย่างนั้นชางเอ๋อร์ก็ขอพักผ่อนก่อนนะเพคะ เสด็จอา ท่าน…….."
จิ้งอ๋องเหลือบมองไปที่หยุนชาง แล้วยืนขึ้น แววตาของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของหยุนชาง แต่ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปแตะที่หน้าผากของหยุนชางอย่างกะทันหัน
หยุนชางไม่ได้ตั้งตัว เธอตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นจึงก้าวถอยหลังไปสองก้าว
"เจ้าไม่สบาย" จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว มันเป็นคำถาม แต่เขากลับพูดออกมาอย่างแน่ใจมาก " ข้าคิดว่าเจ้าแค่แสร้งทำเป็นไม่สบาย แต่ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะไม่สบายจริงๆ ….."
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย เพื่อปกปิดความตื่นตระหนกเล็กน้อยในใจ "ถ้าไม่ใช่เพราะเสด็จอาอารมณ์วาบหวามกลางดึก พยายามจะพาชางเอ๋อไปตากลมที่หอจายซินล่ะก็ ชางเอ๋อร์ก็คงไม่เป็นหวัดหรอก"
จิ้งอ๋องผงะเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างหน้า และอุ้มหยุนชางขึ้นมา