ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5760 คุณทำอะไรโดยไม่คิดแบบนี้มาตลอดเหรอ?(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5760
มองเห็นเย่เฉินใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง หลินหว่านเอ๋อร์ไม่เพียงยิ้มแย้มพูดออกมา:“คุณชาย ระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์สามารถฆ่าท่านเอิร์ลเจี้ยนกงได้ อาจจะฆ่าอู๋เฟยเยี่ยนไม่ได้ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ดั่งเช่นในวันนี้รู้แล้วว่าสถานที่แห่งการบำเพ็ญของซือกงในปีนั้นอยู่ที่ไหน ก็มีเพียงอู๋เฟยเยี่ยนคนเดียว คุณชายอดทนสักหน่อยเถอะ อย่าได้ปลิดชีวิตของอู๋เฟยเยี่ยนในที่นี่เสียแล้ว”
เย่เฉินหัวเราะฮ่าๆพูดว่า:“ผมก็แค่รู้สึกโกรธก็เท่านั้น ต่อให้มีคนสามารถนำเอาระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์ย้ายมาที่นี่ได้จริงๆ ผมก็ไม่สามารถใช้ที่นี่ได้”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากออกมา:“คุณชาย ที่นี่มีกล้องวงจรปิด คุณได้โปรดรอฉันสักครู่ ฉันจะไปกราบไหว้บรรพบุรุษตระกูลหลินที่ด้านหน้าสักหน่อย”
เย่เฉินพยักหน้าอย่างสง่าพูดออกมาว่า:“ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มกับเขาอย่างขออภัย หลังจากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปในป่าต้นสนที่อยู่ไม่ไกลทางด้านหน้า
หลังจากนั้นห้านาที หลินหว่านเอ๋อร์ก็ตาแดงเดินออกมาจากป่าต้นสนแล้ว ในเวลานี้ เหล่านักเดินป่าห้าหกคนแบกสัมภาระ รวมกลุ่มเดินเข้ามาทางเย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์ หนึ่งในนั้นเอ่ยปากออกมา:“ผมเห็นว่าวิวทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลว อีกทั้งสถานที่ทั้งราบเรียบทั้งกว้างขวาง ค่อนข้างเหมาะสมกับการตั้งแคมป์ งั้นคืนนี้พวกเราก็พักอยู่ที่นี่เอาไหม?”
“ได้สิ”เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยปากออกมา:“พวกเรากางเต็นท์ขึ้นมาก่อนเถอะ นำเอาเต็นท์จองที่ดีๆเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นค่อยไปเดินเล่นรอบๆเขาสองสามลูก ตอนเย็นกลับมาทำอาหาร แล้วค่อยจัดปาร์ตี้รอบกองไฟ”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า:“งั้นก็ติดต่อกับเหล่าหูพวกเขาสักหน่อย นำเอาพิกัดส่งให้เขา ให้เขานำพาคนของกลุ่มที่สองขึ้นมา”
“ดีมากเลย!”เด็กสาวคนนั้นยิ้มแย้มพูดออกมาว่า:“แบบนี้ละก็ คืนนี้พวกเราคงจะครื้นเครงกันมากแล้ว รีบนำเอาสถานที่ดีๆกางเต็นท์เอาไว้เถอะ กางเสร็จแล้วฉันจะไปเก็บฟืนแล้ว”
หลินหว่านเอ๋อร์ฟังบทสนทนาของพวกเขา ในตอนที่เดินมาที่ด้านหน้าของเย่เฉิน ยื่นมือไปจับไหล่ของเย่เฉินเอาไว้ พูดออกมาอย่างออดอ้อน:“ที่รักคะ ฉันก็อยากจะตั้งแคมป์ที่นี่!เอาอย่างนี้ไหมพวกเราก็ไปซื้ออุปกรณ์การตั้งแคมป์มาลองสัมผัสดูสักหน่อย!”
พูดจบ ไม่รอให้เย่เฉินตอบกลับ เธอก็ตะโกนเสียงถามเหล่านักเดินป่าในเมื่อสักครู่:“ขอสอบถามหน่อยค่ะ พวกเราสามารถเข้าร่วมด้วยได้ไหมคะ? พวกเราไม่มีประสบการณ์ในการตั้งแคมป์ อยากจะลองดูสักหน่อย!”
เด็กสาวคนนั้นยิ้มแย้มพูดออกมาว่า:“ได้สิ แต่ว่าพวกเราไม่มีเต็นท์เหลืออยู่แล้ว ถ้าพวกคุณต้องการตั้งแคมป์ละก็ สามารถรีบไปที่ในเมืองซื้อเต็นท์มาหนึ่งหลังได้ คืนนี้พวกเราจัดปาร์ตี้รอบกองไฟด้วยกัน!”
“ดีมากเลย!”หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มแย้มพูดออกมา:“ขอบคุณมากค่ะ!พวกเราจะรีบไปซื้ออุปกรณ์เหล่านี้แล้วกลับมา!”
เย่เฉินถูกคำพูดของเธอทำให้ตกใจแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น เขาก็ทำได้เพียงพูดอย่างคลุมเครือออกไป:“ที่รัก ที่นี่มีระดับความสูงที่สูงมาก รอบด้านต่างก็ไม่มีอะไรมากั้น พวกเราไม่ได้มีประสบการณ์อะไร ถ้าเกิดมีลมพัดรุนแรง เป็นไปได้ว่าคนพร้อมกับเต็นท์จะถูกพัดไปพร้อมกันแล้ว ผมกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย”
เย่เฉินในเวลานี้สำหรับหลินหว่านเอ๋อร์ส่งคำใบ้อย่างที่สามารถเข้าใจกันได้ออกมา
คำว่าลมแรงของเขา ก็คืออู๋เฟยเยี่ยน;
ทว่าแม้แต่คนพร้อมทั้งเต็นท์ถูกพัดไปด้วยกัน ชี้ให้เห็นว่าถ้าตั้งแคมป์อยู่ที่นี่จริงๆ เป็นไปได้ว่าจะทำให้อู๋เฟยเยี่ยนมาพบเข้าได้พร้อมทั้งจัดการทิ้งเสีย
หลินหว่านเอ๋อร์แน่นอนว่าฟังเข้าใจคำพูดนี้แล้ว พูดอย่างจริงจังว่า:“เต็นท์ตอกตะปูได้ไม่ใช่เหรอ? ตอกตะปูบนพื้นดีแล้ว ลมแรงระดับเจ็ดแปดหรือว่าจะแรงกว่านั้นก็คงจะพัดเต็นท์ไปไม่ได้หรอก”
พูดไป เธอก็จงใจพูดว่า:“คุณพึ่งจะเรียนกับพี่สาวของฉันว่าตอกตะปูยังไงแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้มีโอกาสได้ใช้พอดีแล้ว”
เย่เฉินทราบ พี่สาวที่หลินหว่านเอ๋อร์พูดถึง ความจริงก็คือท่านเอิร์ลติ้งหยวนหยุนหรูเกอ
ทว่าในคำพูดของเธอการเรียนตอกตะปู ก็คือกำลังเตือนสติตัวเอง ตัวเองได้เรียนรู้วิชาจากศาสตราจารย์หยุนหรูเกออย่างชำนาญแล้ว สามารถแอบซ่อนพลังลมปราณของตัวเองได้ จะไม่ถูกคนประเภทเดียวกันกันค้นพบ
แต่ว่า เย่เฉินถึงแม้ว่าจะพิสูจน์แล้วว่าวิชานี้มีผลลัพธ์อย่างแท้จริง แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าวิชานั้นจะสามารถปกปิดได้อย่างมิดชิดจริงไหม ถ้าเกิดอู๋เฟยเยี่ยนสามารถมองผ่านทะลุความจริงได้ล่ะ?