ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5759 ภูเขากระดองเต่า(2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5759
หลินหว่านเอ๋อร์ พูดเตือนสติว่า:“คุณชาย ก่อนหน้าที่อู๋เฟยเยี่ยนยังไม่ไปจากหัวเซี่ย คุณอย่าได้ไปที่ภูเขาแสนลี้เด็ดขาด คุณในตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ จำเป็นต้องหลบหลีกการปะทะกับเธอ”
เย่เฉินยิ้มบางๆพูดว่า:“วางใจเถอะ ผมไม่ใช่ชายโง่ไม่มีสมอง จุดนี้ก็ยังรู้ตัวเองดี”
หลินหว่านเอ๋อร์จึงวางใจลง:“งั้นก็ดี……”
หลังจากทั้งสองคนเดินเท้าข้ามภูเขาลูกที่หนึ่งแล้ว จึงปืนขึ้นไปบนภูเขาที่เหมือนกระดองเต่าลูกนั้นแล้ว
เพราะว่าที่นี่เป็นภูเขาลูกที่สองของเส้นทางการเดิน ดังนั้นผู้คนที่อยู่ที่นี่ไม่น้อยไปกว่าภูเขาลูกที่หนึ่ง
หลินหว่านเอ๋อร์พูดแนะนำกับเย่เฉิน:“เขาที่มีรูปร่างเหมือนกระดองเต่าลูกนี้ มีชื่อว่าภูเขากระดองเต่า เป็นพื้นที่ที่มีฮวงจุ้ยดีอย่างมากซึ่งเห็นได้น้อยในบริเวณใกล้ๆ ในตอนนั้นตอนที่คุณตาและเหล่าบรรพบุรุษดำรงตำแหน่งข้าราชการ ใช้พลังความคิดไปไม่น้อยกว่าจะเลือกสถานที่แห่งนี้มาเป็นสุสานบรรพบุรุษของตระกูลตนเอง”
เย่เฉินถามอย่างสงสัย:“ภูเขาทั้งลูกต่างเป็นสุสานบรรพบุรุษที่เป็นเชื้อสายของคุณตาคุณทั้งหมดเลยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า พูดว่า:“ฮวงจุ้ยของที่นี่ มีพลังแห่งมนต์สะกดลึกลับ ถือว่าในวงการฮวงจุ้ย เป็นสิ่งที่ดีมากอย่างหนึ่งเลือกที่นี่เป็นสุสานบรรพบุรุษ สามารถปกปักรักษาให้ชนรุ่นหลังเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทอง เพียงแค่น่าเสียดายที่ชีพจรมังกรต้าหมิงของปีนั้นถูกทำลาย ดวงชะตาของประเทศชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล เมื่อดวงชะตาของประเทศชาติเกิดการเปลี่ยนแปลง ดวงชะตาฮวงจุ้ยทั้งหมดในพรมแดนประเทศต่างเพราะเช่นนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย เดิมทีเป็นเขตฮวงจุ้ยอันล้ำค่า จึงสูญเสียความสามารถในการคุ้มครองชนรุ่นหลังไปแล้ว”
พูดไป หลินหว่านเอ๋อร์จูงมือเย่เฉิน ทันใดก็ออกไปจากเส้นทางขึ้นเขาที่เป็นบันไดหิน พาเย่เฉินตรงไปยังสถานที่ที่เงียบสงบบนไหล่เขาแห่งหนึ่ง
เวลานี้ในพื้นที่อันว่างเปล่าเงียบสงบผืนนี้ ต่างเต็มไปด้วยร่องรอยการตั้งแคมป์ที่สามารถมองเห็นได้ บนพื้นมีตาตะปูที่ตอกกันลมพัดของเต็นท์จำนวนไม่น้อย ยังสามารถมองเห็นรูปร่างของเต็นท์จำนวนหลายหลัง เย่เฉินคาดว่า ที่นี่น่าจะกลายเป็นฐานการตั้งแคมป์ของเหล่านักเดินป่า
หลินหว่านเอ๋อร์มองไปรอบ ๆ พบว่าต้นสนเตียนหนานที่อยู่ไม่ไกลต้นหนึ่งที่แผ่กิ่งก้านสาขาอย่างแน่นหนา ทันใดภายใต้ความปีติ พูดกับเย่เฉินว่า:“คุณชาย ต้นสนเตียนหนานต้นนั้น ก็คือสุสานของคุณตาฉัน อนุสาวรีย์ของคุณพ่อ อยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของต้นสนเตียนหนานต้นนั้น”
เย่เฉินมองไป บริเวณใกล้ๆของต้นสนเตียนหนานขนาดใหญ่ต้นนั้น กลับมองไม่เห็นการมีอยู่ของสุสาน จากนั้นจึงถามหลินหว่านเอ๋อร์:“คุณตาของคุณพวกเขา ไม่ได้เหลือป้ายหน้าหลุมศพเอาไว้เหรอ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดออกมาเบาๆ:“เดิมทีคือมีป้ายหน้าหลุมศพ ฉันยังนึกว่าคุณพ่อแกะสลักแล้วแผ่นหนึ่ง แต่ต่อมาว่ากันว่าป้ายหน้าหลุมศพของตระกูลคุณตา ต่างถูกคนใช้แรงอันมหาศาลบดแตกละเอียดแล้ว แม้แต่หลุมศพพ่อแม่ของฉันก็ถูกคนขุดออกมา คิดดูแล้วน่าจะเป็นอู๋เฟยเยี่ยนเป็นคนทำ เธอเกลียดพ่อแม่ของฉันเข้ากระดูก การขุดหลุมศพพ่อแม่ของฉันก็ทำให้คนคาดไม่ถึงมาก”
พูดไป หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดอีกว่า:“ฉันคาดว่า เธอน่าจะมาจากความโกรธ ขุดหลุมศพพ่อแม่ของฉัน พบว่าโครงกระดูกไม่มีแล้ว แน่นอนรู้แล้วว่าถูกฉันหลอกแล้ว ดังนั้นใช้คนอื่นๆของตระกูลคุณตาระบายความไม่พอใจออกมา”
เย่เฉินไม่เพียงถอดถอนใจ:“ผู้หญิงคนนี้มีความอาฆาตอย่างมาก ทั้งๆที่คือเธอเป็นคนทำให้บิดาของคุณบาดเจ็บหนัก ตามเหตุผลแล้วน่าจะเป็นบิดาของคุณที่เกลียดเธอ ปรากฏว่าเธอนั้นให้ตายยังไงก็ยังกัดไม่ปล่อย”
หลินหว่านเอ๋อร์พูด:“อู๋เฟยเยี่ยนเดิมทีก็จดจำความแค้นอย่างมาก ครั้งนี้ที่เธอมาเตียนหนาน เกรงว่าส่วนหนึ่งเหตุก็เพราะว่าเกลียดฉันเข้ากระดูก ดังนั้นจึงอยากมาที่นี่เพื่อระบายความไม่พอใจ”
พูดไป เธอไม่เพียงถอดถอนใจ:“ก็ไม่รู้ว่าเธอจะมีเมตตาต่อกับต้นไม้ต้นนี้หรือเปล่า”
เย่เฉินมองไปรอบ ๆ ไม่เพียงชี้ไปยังยอดเขาอย่างถอดถอนใจ:“คุณหลินคุณดูสิ ถ้าบนก้อนหินก้อนมหึมาสองสามก้อนนั้นผมสามารถแอบซ่อนระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์เอาไว้ได้ งั้นก็ไม่ใช่ว่าก็จะสามารถจัดการอู๋เฟยเยี่ยนได้ภายในทีเดียวเหรอ?”