ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5758 ภูเขากระดองเต่า(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5758
เมื่อสามร้อยปีผ่านไปหลินหว่านเอ๋อร์ได้หลับมาที่โซโรอีกครั้ง ที่นี่ไม่หลงเหลืออะไรที่เหมือนตอนนั้นแล้ว
ทะเลเอ๋อไห่ถึงแม้ว่าจะยังเป็นทะเลเอ๋อไห่อันนั้น แต่ความก้าวหน้าเมื่อร้อยปีก่อน ทำให้ผืนน้ำของทะเลเอ๋อไห่กับเมื่อสามร้อยปีก่อนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้ว
ยืนอยู่ท่ามกลางคึกคักมีชีวิตชีวาของตรอกซอยโซโร หลินหว่านเอ๋อร์ไม่สามารถนำเอาความทรงจำในโสตสมอง มาเชื่อมต่อกับวิวทิวทัศน์ ณ ปัจจุบันได้
ดีที่ภูเขาเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก ถึงแม้ภูเขาหลายลูกจะเคยถูกขุด แต่สำหรับลักษณะภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก
ผ่านการวิเคราะห์จากหลินหว่านเอ๋อร์แล้ว อนุสาวรีย์ของบิดาเธอ ก็อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเล็กๆในโซโร ข้ามเขาลูกแรกที่ยอดเขาเคยถูกขุดไปบางส่วนแล้ว ภูเขาด้านหลังที่มีรูปร่างเหมือนกระดองเต่าก็ใช่แล้ว
เย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์นำรถจอดเอาไว้ในเมืองแล้ว หลังจากนั้นสวมใส่รองเท้ากีฬาคู่รักที่หลินหว่านเอ๋อร์เตรียมเอาไว้เรียบร้อย ใส่แบบคู่รักอย่างที่หลินหว่านเอ๋อร์ได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าเฟย์เก้นเลคเบย์ เริ่มเดินขึ้นไปยังยอดเขาสูงที่เชื่อมติดกัน
ในขณะที่ออกเดินทาง เย่เฉินเริ่มขับเคลื่อนวิชาอย่างเงียบๆ พลังลมปราณที่อยู่บนร่างกายทันใดก็ถูกลดลงจนต่ำสุดแล้ว มองดูแล้ว วิชานี้มีผลลัพธ์อย่างแท้จริง
ภูเขาที่อยู่บริเวณใกล้ๆโซโรไม่สูงมาก จากยอดเขากับพื้นดินระดับความสูงก็อยู่ที่หลักร้อยไม่ถึงพันเมตร ความยากในการปีนเขาน้อยมาก บวกกับทัศนียภาพที่สวยงามตลอดเส้นทาง มองลงไปยังสามารถมองเห็นทะเลเอ๋อไห่ทั้งหมดได้ ดังนั้นปัจจุบันที่นี่จึงกลายเป็นเส้นทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินป่าคนหนุ่มสาวจำนวนมากแล้ว
เย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์เดินตรงไปยังปากทางขึ้นเขา ได้พบเจอเหล่าผู้คนคนที่รักในการเดินป่าไม่น้อยที่เตรียมพร้อมด้วยอุปกรณ์การเดินป่าผ่านไปผ่านมา รอจนมาถึงเชิงเขาแล้ว หลังจากนั้นถนนก็กลายเป็นแคบลง ผู้คนที่มาปีนเขาเปลี่ยนเป็นมากขึ้นแล้ว
หลินหว่านเอ๋อร์มองซ้ายมองขวาอยู่อย่างนั้นไม่หยุด ในตอนที่ใกล้จะถึงเชิงเขา สีหน้ามีความตื่นเต้นกับดีใจอยู่บ้าง
เธอมองเห็นปากทางขึ้นเขา พูดเสียงเบากับเย่เฉิน:“สามร้อยปีก่อน ฉันก็คือขึ้นเขาจากที่นี่ ในตอนนั้นมีเส้นทางเล็กๆสายหนึ่ง คือคนในพื้นที่เดินเหยียบย่ำจึงเกิดขึ้นมา คาดไม่ถึงหลังจากสามร้อยปีทางเส้นนี้ยังมีอยู่”
เย่เฉินยิ้มแย้มพูดออกมา:“ปีนเขากับเดินไม่เหมือนกัน ปีนเขายังคงยึดเส้นทางที่ยอดเยี่ยมที่สุด เมื่อเส้นทางที่ยอดเยี่ยมถูกหาออกมา ขอเพียงภูเขาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เส้นทางสายนี้ก็จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”
“ค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆแล้ว พูดว่า:“เส้นทางคือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่บรรยากาศกลับไม่ใช่บรรยากาศที่เคยมีอย่างเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้รอบด้านต่างเต็มไปด้วยร่องรอยก่อสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ แม้แต่ถนนยังจงใจทำให้กลายเป็นแข็ง สร้างขั้นบันไดแล้ว ผู้คนก็มากกว่าเมื่อก่อนมาก เมื่อก่อนที่นี่ไม่ค่อยจะมีคน บริเวณใกล้ๆของภูเขาหลายลูกนี้ต่างเป็นสุสานบรรพบุรุษของชาวบ้านโดยรอบ ใช้เส้นทางนี้ขึ้นเขา โดยพื้นฐานแล้วเพื่อกราบไหว้รำลึกถึงคนในครอบครัว”
เย่เฉินสำรวจดูรอบด้าน ยิ้มเล็กน้อยพูดออกมา:“การก่อสร้างโดยมนุษย์ก็มีข้อดีของการก่อสร้างโดยมนุษย์ มองดูแล้วที่นี่มีคนมาปีนเขาจำนวนไม่น้อย โดยรอบต่างเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด อีกทั้งยังมีการเฝ้าระวังป้องกันไฟป่าจำนวนไม่น้อย อู๋เฟยเยี่ยนถ้ามาที่นี่ คงจะหลบเลี่ยงขอบเขตของกล้องวงจรปิดที่ไม่มีแม้มุมอับแบบนี้ไม่ได้ ถึงเวลานั้นพวกเราสามารถให้คุณซุนคิดหาวิธีได้ ทำหนังสือเข้ามาตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมด ไม่แน่อาจจะล็อกร่องรอยของอู๋เฟยเยี่ยนได้”
หลินหว่านเอ๋อร์ถามเขา:“ถ้าสามารถล็อกร่องรอยของอู๋เฟยเยี่ยนจากที่นี่ได้จริงๆ งั้นต่อไปคุณวางแผนจะทำอย่างไร?”
ในใจของเย่เฉินวางแผนการเอาไว้เรียบร้อยแล้วพูดออกมาว่า:“จากที่นี่จนถึงภูเขาแสนลี้ ยังเหลือระยะทางอีกหนึ่งพันกิโลเมตร หนึ่งพันกิโลเมตรนี้ อู๋เฟยเยี่ยนไม่มีทางที่จะเดินเท้า ทว่าเธอลักลอบเข้าหัวเซี่ยมา แน่นอนว่าไม่มีทางนั่งเครื่องบิน รถไฟ ที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือขับรถมา ขอเพียงหาร่องรอยของเธอเจอ ล็อกป้ายทะเบียนรถของเธอได้ โดยพื้นฐานแล้วก็สามารถจับความเคลื่อนไหวของเธอแบบเรียลไทม์ได้แล้ว”
พูดไป เย่เฉินก็พูดอีกว่า:“ปัจจุบันบนท้องถนนกล้องวงจรปิดมีทั่วทุกที่ ตราบเท่าที่เป็นถนนลาดยางที่สามารถเดินรถยนต์ได้ ก็จะมีกล้องวงจรปิดบันทึกการจราจรอย่างแน่นอน ผมได้ยินมาว่ากรมการขนส่งมีคลังข้อมูลขนาดใหญ่ พวกเขาในพื้นที่ต่างๆภายในประเทศติดตั้งกล้องไปทั่ว โดยส่วนใหญ่สามารถถ่ายป้ายทะเบียนรถออกมาได้ ขอเพียงเอาคลังข้อมูลของพวกเขามาได้ ก็จะสามารถทราบเวลาของรถคันหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนหน้ากล้องได้อีกทั้งตำแหน่งที่ตั้ง ใช้ข้อมูลเหล่านี้ ก็จะสามารถนำเอาร่องรอยการเคลื่อนไหวของอู๋เฟยเยี่ยนร่างออกมาได้ จนท้ายที่สุดรถของเธอสูญเสียร่องรอยไปตรงไหน สถานที่แห่งนั้นห่างจากสถานที่บำเพ็ญของเมิ่งฉางเชิงในปีนั้น เกรงว่าน่าจะไม่ไกลมากนักแล้ว”