ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5656 ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียว(2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5656 ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียว(2)
สามร้อยปีมานี้ เธอไม่เคยดีใจที่ตัวเองได้ความอายุยืนเลย ในทางกลับกัน เธอเบื่อหน่ายชีวิตที่หลบซ่อนพวกนี้ตั้งนานแล้ว
สามร้อยกว่าปีในอดีต เธอคิดอยากจบชีวิตของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่เมื่อนึกได้ว่าคุณพ่อใช้ชีวิตของตัวเขาเองจึงจะแลกความอายุยืนมาให้ตัวเองได้ เธอทำได้แต่ละทิ้งความคิดฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม เธอรู้อยู่แก่ใจดี ก่อนคุณพ่อจะสิ้นลม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป
เขาหวังว่าลูกสาวสุดที่รักของเขามีชีวิตยืนยาวถึงร้อยปี ถึงขนาดที่ชีวิตยืนยาวถึงร้อยปีก็ยังไม่พอ ห้าร้อยปีจึงจะดีที่สุด
ส่วนชีวิตของเขาเอง กลับนิ่งอยู่ที่สี่สิบเอ็ดปีไปตลอดกาล
เป็นเพราะเช่นนี้เอง หลินหว่านเอ๋อร์จึงจะกรอดฟันยืนหยัดต่อไป ตอนที่ขอบกำลังจะพังทลายอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
แต่ในใจของเธอ ได้รับความทุกข์และความทรมานของความอายุยืนมาเต็มอิ่มตั้งนานแล้ว
เย่เฉินรู้สึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าจริง ๆ ต่อให้เธออายุใกล้สี่ร้อยปีแล้วก็ตาม
ในตอนนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง พูดสะอึกสะอื้นด้วยตาแดงก่ำ : “ดิฉันขอขอบคุณคุณชายที่ห่วงใยค่ะ”
พูดจบ หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดอีก : “ดิฉันเคยสืบดูอดีตของคุณชาย ทราบว่าคุณชายมีความแค้นกับองค์กรพั่วชิงด้วยเหมือนกัน หากว่าคุณชายยินดี นับตั้งแต่วันนี้ไป ดิฉันยินดีที่จะพยายามสุดความสามารถ ช่วยคุณชายสังหารอู๋เฟยเยี่ยน ถึงเวลานั้น ดิฉันก็สามารถสิ้นสุดชีวิตหลบหนีสามร้อยกว่าปีนี้ ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป……”
เย่เฉินพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น : “คุณหลินวางใจได้ครับ องค์กรพั่วชิงฆ่าพ่อแม่ผม และอยากฆ่าคุณตากับคุณยายของผมทั้งตระกูลอยู่หลายครั้ง ความแค้นนี้ผมจะให้อู๋เฟยเยี่ยนชดใช้ด้วยเลือด !”
พูดจบ เย่เฉินก็พูดอย่างห่อเหี่ยว : “เพียงแต่คิดว่ากำลังของอู๋เฟยเยี่ยนนี่ยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน ไม่พูดถึงอย่างอื่น สวี่ฉางชิงนั่นด่ากราดว่าผู้มีพระคุณจิตใจอำมหิตตอนระเบิดตัวเอง คิดว่าพลังอันใหญ่โตที่เขาระเบิดตัวเอง เป็นอุบายที่ผู้มีพระคุณทิ้งเอาไว้ เพียงแค่ข้อนี้ ผมก็เทียบกันไม่ติดแล้ว มิหนำซ้ำเขามีชีวิตมากกว่าผมสามร้อยกว่าปี ประสบการณ์ด้านต่าง ๆ เก่งกว่าผมมาก จะสู้เขาชนะได้ไหม ผมในตอนนี้ยังไม่มีความมั่นใจเลยครับ……”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดปลอบใจ : “คุณชายไม่ต้องท้อใจไปนะคะ แม้ว่าอู๋เฟยเยี่ยนมีชีวิตมากกว่าคุณชายสามร้อยกว่าปี แต่เขาไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้เหมือนอย่างคุณชายอย่างแน่นอนค่ะ”
“มิหนำซ้ำ ตอนแรกดิฉันเคยทำนายดวงชะตาเพื่อตามหาที่อยู่ของคุณชาย ผังปากว้าของคุณชายเป็นม้าน้ำคะนองในมหาสมุทร เมื่อดูเช่นนี้แล้ว คุณชายเป็นชีวิตอย่างมังกรอย่างแน่นอน ประเด็นนี้ เป็นสิ่งที่อู๋เฟยเยี่ยนมีชีวิตอีกหนึ่งพันปีก็ตามไม่ทันหรอกค่ะ”
“ดังนั้น ต่อให้ตอนนี้คุณชายไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของอู๋เฟยเยี่ยน ให้เวลาอีกหน่อย คุณชายจะต้องเหนือเขาอย่างแน่นอน !”
เย่เฉินทอดถอนใจ : “งั้นก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจากนี้……”
หลินหว่านเอ๋อร์มองเย่เฉิน แล้วพูดเอาจริงเอาจริง : “ไม่ว่าต้องใช้เวลากี่ปี ดิฉันเชื่อว่าคุณชายสามารถฆ่าศัตรูด้วยมือตัวเองได้อย่างแน่นอนค่ะ และความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของดิฉัน ก็คือการได้เห็นการมาถึงของวันนั้นในชีวิตที่เหลืออยู่กับตา !”
เย่เฉินยกมือขวาขึ้นอย่างเหนื่อย ๆ เพ่งมองแหวนวงนั้นที่อยู่บนนิ้ว แล้วพูดหัวเราะเยาะตัวเอง : “หากว่าอู๋เฟยเยี่ยนไม่ได้แหวนวงนี้ งั้นเขาก็สามารถมีชีวิตโดยเหลือเพียงหนึ่งร้อยปีแล้ว ในหนึ่งร้อยปีนี้ หากว่าผมไม่ฆ่าเขา เขาก็แก่ตาย……”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มบอก : “คุณชายไม่มีความจำเป็นที่ต้องกดดันเกินไปค่ะ หากว่าอู๋เฟยเยี่ยนแก่ตาย ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สามารถรับได้ อย่างไรก็ตามใครมีชีวิตอยู่นาน คนนั้นจึงจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง”
เย่เฉินส่ายหน้า พูดด้วยสายตาเหมือนคบเพลิง : “ไม่ได้ ! หากว่าให้อู๋เฟยเยี่ยนแก่ตายไปตามธรรมชาติ ก็เสียเปรียบเขาเกินไปแล้ว ! ผมจะต้องฆ่าเขาเองกับมือ !”
พูด ๆ อยู่ เขาก็นึกถึงอะไรขึ้นได้กะทันหัน แล้วโพล่งออกมา : “จริงสิครับ เมื่อกี้ตอนที่สวี่ฉางชิงระเบิดตัวเอง ผมเคยเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนั้นหลบซ่อนที่สถานที่ที่เดินทางอยู่ตลอด แต่เผยลมหายใจเอาวินาทีสุดท้าย บนตัวของเธอมีปราณทิพย์ น่าจะเป็นนักบำเพ็ญเพียรคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน บางทีอาจเป็นท่านเอิร์ลอีกคนหนึ่งขององค์กรพั่วชิง และเธอห่างจากศูนย์กลางการระเบิดอยู่สิบจั้ง คิดว่าอาจจะยังมีชีวิตอยู่ !”