ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5356 เจี้ยนกงติ้งหยวน 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5356 เจี้ยนกงติ้งหยวน 1
ได้ฟังคำแนะนำของเย่เฉิน ว่าพพั่วจวินกล่าวโดยไม่ลังเล: “คุณเย่วางใจเถอะครับ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่อีกฝ่ายจะมา ถึงตอนนั้นผมจะเป็นคนไปประจำการที่เหมืองแร่ทองแดงด้วยตัวเอง รับรองว่าจะให้พวกมันมาได้แต่กลับไม่ได้อย่างแน่นอนครับ!”
“โอเค!” เย่เฉินกล่าว: “จริงสิพั่วจวิน ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ในเมื่อแผนคว่ำรังเป็นสิ่งแน่นอนแล้ว งั้นฉันแนะนำว่าให้เริ่มอพยพคนเลยดีกว่า”
พูดไป เย่เฉินก็พูดต่อ: “ทันทีที่อีกฝ่ายสงสัยว่าฐานทัพแห่งนี้มีความผิดปกติ หรือคิดจะมาหาเบาะแสที่ฐานทัพแห่งนี้ มีทางเดียวก็คือแอบแฝงเข้าไปทางพื้นดินเท่านั้น ส่วนพวกเราก็จะไม่แสดงละครไปกับพวกมัน และยิงใส่พวกมันทันที ดังนั้นทหารหน่วยกล้าตายที่อยู่ใต้ดินและครอบครัวของพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้ดินต่อไปอีกแล้ว”
“ฉันแนะนำว่าให้พวกนายเตรียมเรือบรรทุกสินค้าเอาไว้ลำหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้เลย พอถึงตอนกลางคืนก็ให้ย้ายทหารหน่วยกล้าตายและครอบครัวของเขาขึ้นไปบนเรือเสีย และให้ทหารม้ากล้าที่อยู่บนพื้นและครอบครัวเตรียมพร้อมอพยพอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับการซ้อมอพยพเมื่อแผ่นดินไหว จัดเตรียมรายละเอียดการอพยพให้เรียบร้อยก่อน”
“อย่างเช่นทันทีที่มีการเริ่มอพยพ ใครรับผิดชอบคุ้มกันครอบครัว ใครรับผิดชอบนับจำนวนคน ใครรับผิดชอบการขนย้ายสิ่งของสำคัญ ใครรับผิดชอบการระเบิดครั้งสุดท้าย ทุกคนแบ่งงานกันไว้ให้เรียบร้อยก่อน แบบนี้จะช่วยลดความกดดันตอนเริ่มแผนคว่ำรัง หากเหลือไว้แค่กำลังคนภาคพื้นดิน ถึงตอนนั้นก็สามารถให้พวกเขาลงแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ ถอดระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์เพื่อนำไปด้วยได้ทันเวลา เพราะถึงยังไงฐานทัพที่ซีเรียของนายก็ต้องใช้เหมือนกัน”
“ไม่มีปัญหาครับ!” ว่าพั่วจวินกล่าวโดยเร็ว: “ผมจะไปจับตัวคนของแบล็ควอเตอร์มาก่อน จากนั้นค่อยไปที่เหมืองแร่ทองแดง ร่วมกันวางแผนให้ดีกับอาจารย์ของผม ให้ท่านเริ่มลงมือเตรียมการทันที!”
เย่เฉินกำชับ: “ใช่สิ นายอย่าไปลีกพาตัวคนจากซีเรียนะ เพราะยังไงซะตอนนี้นายก็อยู่ซีเรีย หากลักพาคนมาจริง ๆ ไม่แน่นายอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็ได้”
ว่านพั่วจวินกล่าว: “งั้นผมจะไปลักพาตัวจากอิรักก็แล้วกันครับ ยังไงซะกองทัพสหรัฐฯ ขุดน้ำมันปิโตรเลียมที่ซีเรีย ก็ต้องขนไปที่อิรักอยู่แล้ว ผมจะไปจับตัวพวกมันที่อิรัก แล้วแอบพากลับมาที่ซีเรีย”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เยี่ยม! ตกลงตามนี้แหละ!”
……
วินาทีนี้
ชานเมืองเบอร์เกนยุโรปเหนือ
ณ ฟาร์มที่หลินหว่านเอ๋อร์อาศัยอยู่ในตอนนั้น ได้ถูกตำรวจปิดล้อมเอาไว้อย่างหนาแน่น
ในฟาร์ม บ้านเดี่ยวที่ทำจากไม้หลังนั้น ถูกเผาจนเหลือแค่โครง แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังถูกล้อมเอาไว้ด้วยเส้นกั้นของตำรวจหลายเส้น
ตำรวจพบศพที่ถูกเผาจนดำเป็นตอตะโกจำนวนมากที่นี่ นอกจากนี้ส่วนมากล้วนตายจากการถูกยิง คดีนี้ถูกระบุว่าเป็นคดีอาญาสำคัญที่พบเห็นได้น้อยมากในยุโรปเหนือ และตำรวจของยุโรปเหนือก็ได้พยายามสืบคดีอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย
ตอนนี้ ศพในที่เกิดเหตุได้ถูกนำไปจัดการหมดแล้ว หลักฐานกับเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่างก็ถูกนำออกมา ที่เหลืออยู่ มีเพียงซากปรักหักพังที่เคยมีคนตายแห่งนี้เท่านั้น
รถพอร์เชอ 911 ทรงโบราณเปิดประทุนคันหนึ่งแล่นผ่านไปบนถนนในชนบท และจอดลงตรงข้างถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของซากปรักหักพังในฟาร์ม
คนที่ขับรถ คือชายวัยกลางคนชาวเอเชียอายุประมาณสามสิบกว่า ๆ ส่วนบนที่นั่งข้างคนขับนั้น มีหญิงสาวชาวเอเชียหน้าตาสวยละเมียดละไม อายุประมาณสามสิบคนหนึ่งนั่งอยู่
หลังจากรถจอดลง ชายที่ขับรถได้มองดูซากปรักหักพังที่ถูกเผาจนเหลือแค่ซาก ทอดถอนใจ และกล่าวอย่างจำใจ: “ผู้มีพระคุณอารมณ์ร้ายเกินไป หากไม่ใช่เพราะท่านต้องการระเบิดนักสอดแนมที่มาสำรวจพื้นที่ในตอนนั้นให้ตาย ที่นี่ก็คงไม่ถูกเผาจนกลายเป็นแบบนี้ นี่ก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านหมดแล้ว ยังจะเหลือเบาะแสอะไรให้หาได้อีก……”
สาวสวยที่นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับเบ้ปากเล็กน้อย: “คุณปรนนิบัติรับใช้ข้างกายผู้มีพระคุณมาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่รู้จักนิสัยของท่านอีกเหรอ? ข้อความที่หลินหว่านเอ๋อร์ทิ้งเอาไว้ ไม่ใช่แค่เหยียดหยามท่านเท่านั้น และยังได้บอกกับท่านอีกว่า แหวนไม่ได้อยู่ที่เธอแล้ว นี่ถึงเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้มีพระคุณโกรธที่สุด! สิ่งที่ผู้มีพระคุณต้องการคือแหวนวงนั้น หลินหว่านเอ๋อร์ทิ้งมันไป นั่นก็หมายความว่าต่อให้หาหลินหว่านเอ๋อร์เจอ ก็ใช่ว่าจะหาแหวนวงนั้นเจอ!”
“เฮ้อ……” ชายคนนั้นมีสีหน้ากลัดกลุ้ม: “เบาะแสในที่เกิดเหตุไม่เหลืออยู่แล้ว แหวนก็ไร้ซึ่งร่องรอย ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ ฉันเอาเวลาไปเก็บตัวฝึกฝนไม่ได้เหรอ? ฉันเห็นท่านเอิร์ลฉางเซิ่งมีความชำนาญด้านปราณทิพย์ขึ้นไปอีกขั้นแล้ว หากยังไม่พยายามอีกละก็ คงถูกเขาทิ้งห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ แล้ว”
สาวสวยกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “ฉันเองก็ไม่อยากมา ไม่สู้ให้ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งไปสืบเองดีกว่า ฉันก็ขี้เกียจจะไปแย่งความดีความชอบอันดับหนึ่งอะไรนั่นเหมือนกัน”
พูดจบ เธอก็กล่าวอย่างจนใจ: “แต่ใครใช้ให้ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งรั้นแต่จะไปหัวเซี่ยล่ะ……ช่วงนี้ผู้มีพระคุณรู้สึกว่า หลินหว่านเอ๋อร์อาจไม่ได้อยู่ที่หัวเซี่ยจิง ๆ ก็ได้ อาจอยู่ในตะวันออกไกลของรัสเซีย หรือไม่ก็ละแวกใกล้เคียงขั้วโลกเหนือของอเมริกาเหนือ เลยสั่งให้คุณกับฉันมาสืบหาต้นตอที่ยุโรปเหนือ ถือเป็นการปิดช่องโหว่ของท่านเอิร์ลฉางเซิ่ง”