บทที่ 2 ตอนที่ 3 ตำนาน
ครั้งหนึ่ง โลกใบนี้เคยตกอยู่ในความมืดมิด
ความมืดได้ทำตามใจของตนเองมาอย่างยาวนาน
ความเปล่าเปลี่ยวก่อให้เกิดความหวังถึงการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงก็คือแสงสว่าง
แสงสว่างเริ่มเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง บรรเทาความเหงาเปล่าเปลี่ยวของความมืดมิด
ด้วยความหวังที่แสงสว่างจะกระจายไปทั่วทุกพิ้นที่ บุตรแห่งพระอาทิตย์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
น้ำแข็งที่มีอยู่มาตั้งแต่จุดเริ่มต้นก็ได้ละลายหายไปด้วยแสงแห่งดวงอาทิตย์
ในตอนนั้น เมื่อความมืดปรารถนาถึงช่วงเวลาที่แสงสว่างและดวงอาทิตย์ได้พักผ่อน เขาก็ได้สร้างเทพแห่งจันทราขึ้นมาจากการสะท้อนของแสงสว่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
ถึงยังงั้น แสงสว่างเองก็ได้สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาเช่นกัน
มันได้สร้างเทพแห่งน้ำ เป็นระลอกคลื่นที่ทำให้แสงสว่างเป็นประกายงดงาม
พลังที่ส่งไปในความว่างเปล่าก่อเกิดเป็นเทพแห่งสายลมและอากาศ
สถานที่กักเก็บพลังนั้นก่อกำเนิดเทพแห่งผืนดิน
เพียงแค่แสงสว่างมีตัวตนอยู่ มันก็จะนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกใบนี้เรื่อยๆ
สถานที่รวบรวมพลังก่อกำเนิดเป็นเทพแห่งไฟ
สถานที่ที่แสงสว่างนั้นจากมาก่อกำเกิดเป็นเทพแห่งน้ำแข็งและพายุหิมะ
เทพแห่งสายฟ้าถือกำเนิดขึ้นในเส้นทางที่แสงสว่างเดินทางผ่านไป
ความมืดได้ร้องไห้ออกมาด้วยความปิติยินดีต่อโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์
น้ำตาเหล่านั้นก่อกำเนิดต้นหญ้าและดอกไม้ขึ้นมาจากผืนดิน และสิ่งมีชีวิตก็ได้เริ่มมีตัวตนขึ้นมา
หลังจากได้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองนั้น ความมืดก็ได้มอบของขวัญแทนคำขอบคุณแก่แสงสว่าง
เหล่าเด็กที่ก้าวเดินผ่านโลกแห่งแสงสว่างและความมืด เหล่าเด็กที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองและให้กำเนิดชีวิตใหม่ เหล่าเด็กที่จะมีอิสระในโลกใบนี้
มันได้สร้าง ‘มนุษย์’ ขึ้นมา
เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้เติบโต ความมืดก็ได้สร้างสองสิ่งขึ้นมา สิ่งที่จะทำร้ายมนุษย์และสิ่งที่จะช่วยเหลือพวกเขา
ดังนั้น โลกแห่งความว่างเปล่าที่ความมืดหวาดกลัวนั้นก็ได้หายไป
และโลกของพวกเราก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
***
คอนนี่ได้เล่าตำนานนี้ออกมาด้วยน้ำแสงอ่อนนุ่ม
“ทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามักจะให้พวกเราท่องสิ่งนี้ทุกอาทิตย์เลยค่ะ ชั้นเองก็ได้ท่องมันมาเหมือนกัน”
“เข้าใจแล้ว มันท่าทึ่งมากเลยที่เธอจำมันได้ขึ้นใจเลยหน่ะ”
คอนนี่หัวเราะให้กับคำชมนั้น
“ตำนานนี้สุดยอดไปเลยใช่ไหมละคะ? ชั้นมักจะคิดอยู่เสมอเลยละค่ะว่าความมืดกับแสงสว่างนั้นเป็นคนรักกัน”
“คนรัก?”
เมื่อชั้นถามกลับไป คอนนี่ก็แก้มแดงและพูดต่อว่า
“ความมืดนั้นทรงพลัง แต่กลับทำอะไรตัวคนเดียวไม่ได้เลยค่ะ จากนั้นแสงสว่างก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและแสดงสิ่งใหม่ๆให้เขาได้เห็น ความมืดรู้สึกปิติยินดีและก่อกำเนิดเหล่าเด็กๆหรือก็คือมนุษย์ขึ้นมา เรื่องราวก็จบลงอย่างมีความสุข มันเหมือนกับเรื่องราวความรักของมนุษย์เลยละคะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลดีนะ
แต่ถึงยังงั้น จากมุมมองที่หยาบกร้านของหญิงสาวอายุ 30 ปีแล้ว ชั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าความมืดนี่ดูจะเป็นโคตรยันเดเระเลย… มันเหมือนกับว่าความมืดเอาแต่พึ่งพาแสงสว่างราวกับว่ามันเป็นโลกทั้งใบของเขาเลย แถมเขายังไปไกลถึงขั้นสร้างสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเด็กๆของเขาเองด้วยซ้ำ!
“อื้ม มันโรแมนติกมากเลยละ” ชั้นพูดออกไปแบบนั้นเพื่อความปลอดภัย
พวกเรากลับมาเข้าเรื่องต่อได้โดยที่ไม่เกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้น ชั้นมองไปรอบๆแท่นบูชาและรูปสลัก ก่อนจะถามคอนนี่ให้อธิบายเนื้อหาที่ถูกพรรณาเอาไว้บนกระจกหน้าต่างหลากสี
อนึ่ง ในช่วงยุคกลาง กระจกหลากสีที่อยู่ภายในโบสถ์นั้นมีไว้เพื่อเผยแพร่ศาสนาให้กับชาวเมืองที่ไม่มีการศึกษา
ตัวคอนนี่เองก็แทบจะไม่มีการศึกษาเลย ทว่า เธอมีความรู้ถึงเรื่องราวที่ถูกสืบทอดต่อกันมาภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ เธอได้อธิบายสิ่งพวกนั้นกับชั้น
“ภาพทางนั้นก็คือเรื่องราวของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ซิกฟรีด ค่ะ…”
ซิกฟรีดงั้นหรอ?… ดูเหมือนว่าตำนานในชาติก่อนของชั้นและตำนานในโลกใบนี้จะมีชื่อและเนื้อเรื่องที่เชื่อมโยงกันนะ ถึงแม้ภูมิภาคและช่วงเวลาจะปนกันมั่วซั่วก็เถอะ
ชั้นนั่งฟังเรื่องราวต่างๆอยู่บนม้านั่งของวิหาร และขณะที่ฟังเสียงอันอ่อนนุ่มราวกับแสงอาทิตย์ของเธอไปได้ซักพัก ตัวชั้นก็เริ่มรู้สึกง่วงนอนขึ้นมา
คอนนี่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะน้อยๆออกมา ก่อนจะอุ้มชั้นกลับไปที่ห้องส่วนตัวของชั้น
ชั้นงีบหลับไปซักพัก จากนั้นก็ตื่นมาทานอาหารเที่ยงเบาๆแล้วหลับไปอีกครั้ง จนเมื่อชั้นตื่นขึ้นมามันก็เกือบจะถึงเวลาน้ำชาแล้ว
ชั้นได้ยินมาว่าวันนี้พวกเราจะจัดโต๊ะน้ำชาเล็กๆขึ้นที่สวนหลังบ้าน
ชั้นมีความสุขกับแผนการเวลาน้ำชาของครอบครัวนี้มาก ชั้นมีความสุขจนถึงขนาดแกว่งแขนไปมาในตอนที่ออกมาจากห้อง คอนนี่เองก็เดินตามหลังชั้นมาด้วย
***
มีเส้นทางไปยังสวนหลังบ้านอยู่มากมาย
ทางแรกก็คือผ่านทางเดินที่อยู่ตรงประตูด้านหลังของส่วนพื้นที่ส่วนตัว
ทางที่สองก็คือไปทางประตูด้านหลังของส่วนพื้นที่สาธารณะ แล้วผ่านลานบ้านไป
สุดท้ายก็คือไปตามเส้นทางจากประตูหน้าทางเข้าส่วนพื้นที่สาธารณะผ่านด้านข้างของอาคารไป
เพราะเป้าหมายของชั้นในวันนี้คือการเดินไปมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นชั้นจึงเลือกเส้นทางตรงประตูหน้าที่มันต้องเดินอ้อมมากที่สุด
ชั้นเดินจากส่วนพื้นที่ส่วนตัวไปยังส่วนพื้นที่สาธารณะที่เชื่อมต่อกันโดยทางเดินหลัก ในระหว่างทาง ชั้นก็ได้เดินผ่านเหล่าเมดที่กำลังทำความสะอาด รวมถึงออฟรานซ์ซังที่กำลังเตรียมปาร์ตี้น้ำชาอยู่ ตอนเดินผ่านชั้นก็โบกมือให้กับพวกเขา (นอกจากนี้ ออฟรานซ์ซังนั้นโบกมือตอบกลับชั้นมาพร้อมกับเอามือป้องปากตัวสั่นระริกๆ ดูเหมือนว่าเขาจะยังอดตื่นเต้นที่เห็นชั้นแข็งแรงขึ้นไม่ได้ละนะ)
ชั้นเข้ามาภายในส่วนพื้นที่สาธารณะก่อนจะตรงไปที่ประตูทางเข้า ชั้นก้าวออกมาจากประตูแล้วหยุดลงที่พื้นที่เล็กๆหน้าประตูด้วยความช่วยเหลือของคอนนี่
ท้องฟ้าปลอดโปร่งของฤดูใบไม้ร่วงนั้นเต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ ชั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ
ฟุฮ่าาาาาห์~~~ ชั้นเองก็คิดมาซักพักแล้วตั้งแต่ที่ตัวชั้นตื่นขึ้นมา แต่นี่มันช่างแตกต่างจากญี่ปุ่นจริงๆ
ชั้นนึกถึงตอนที่ทำงานอยู่ในโตเกียว อากาศที่นั่นแย่มากเลยละ
“คุณหนูคะ กำลังทำอะไรอนู่หรอคะ?”
คอนนี่มองมาที่ชั้นอย่างสงสัยเมื่อเธอเห็นชั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ
เอาเถอะ อากาศบริสุทธิ์ปราศจากควันของโรงงานนั้นถือเป็นเรื่องปกติของคอนนี่ละนะ
“คือ อากาศบริสุทธิ์มากซะจนชั้นอยากจะสูดหายใจเข้าลึกๆหน่ะ ชั้นรู้สึกขอบคุณโลกที่สะอาดสดใสแบบนี้มากเลยละ”
“อูวววว…!”
ดวงตาของคอนนี่เปล่งประกายออกมา
“ช่างน่ารักเสียจริงๆเลยคะ การขอบคุณแม้กระทั่งธรรมชาติที่ปกติจะไม่รู้สึกตัวมันแบบนี้…! คุณหนูต้องมีหัวใจที่งดงามแน่ๆเลยคะ!” ด้วยเหตุผลบางอย่าง คอนนี่ก็ตัวสั่นเล็กน้อย… ไม่สิ นอกจากนั้น ไม่ใช่ว่าเธอพูดโอเวอร์เกินไปหน่อยหรอ…?
หลังจากเหตุการณ์ของรูจ ชั้นรู้สึกว่าเธอมักจะเทอดทูนตัวชั้นในเรื่องเล็กๆน้อยๆทุกครั้งเลย
“ดูนั่นสิ คอนนี่ พวกเราไปกันเลยไหม?”
ก่อนที่ชั้นกำลังจะเดินออกไปพร้อมกับดึงตัวคอนนี่ไปด้วย ได้มีเสียงๆหนึ่งเรียกชื่อของชั้นดังขึ้นมาจากทางประตูหลัก
MANGA DISCUSSION