[นิยายแปล] Reincarnated into an Otome Game? Who Cares! I’m Too Busy Mastering Magic! - บทที่2 ตอนที่ 13 สัญญาและสปิริต
- Home
- [นิยายแปล] Reincarnated into an Otome Game? Who Cares! I’m Too Busy Mastering Magic!
- บทที่2 ตอนที่ 13 สัญญาและสปิริต
บทที่ 2 ตอนที่ 13: สัญญาและสปิริต
ชั้นมืดแปดด้านไปเลยหลังจากที่ได้ยินเรื่องของท่านพี่ออลูริส
ชั้นพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะพูดว่า “อืม หนูหมายถึง มันก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุไม่ใช่หรอคะ?” ทว่า ที่พูดออกไปจริงๆนั้นมันดันกลายเป็น “ไม่ใช่ว่ามีเถาวัลย์พันคออยู่ก็ดีไปเลยไม่ใช่หรอคะ” ซะงั้น ทำเอาเงียบไปทั้งโต๊ะเลย
ชั้นยังบอกพวกเขาไปว่าท่านพี่ออลูริสนั้นยังคงวางตัวและพูดคุยกับชั้นเหมือนกับเมื่อก่อนอยู่ ทว่าเขาก็ไม่ยอมเชื่อชั้นเลย
พวกเขาบอกชั้นว่า “มันมีโอกาสที่อยู่ๆเขาจะเสียการควบคุมเพราะความโกรธ ดังนั้นอลิซไม่ควรอยู่ใกล้ตัวเขาจะดีกว่า” ดังนั้นชั้นก็เลยพูดแก้ต่างอะไรอีกไม่ได้เลยหลังจากนั้น
ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ต่อไปละก็… ไม่ มันจะต้องลำบากหรืออึดอัดที่จะมาเยี่ยมตระกูลเวอร์จิลทั้งๆที่ยังมีความอึดอัดใจแบบนี้อยู่แน่ ดังนั้นชั้นก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย
“โอ๊ะ อืม ท่านพี่วิลล์คะ มาคิดๆดูแล้ว ท่านพี่ไปโรงเรียนเมื่อไหร่หรอคะ?”
ทั้งการปิกนิกก่อนหน้านี้ รวมถึงปาร์ตี้น้ำชาวันนี้ด้วย เขานั้นทำตัวสบายๆตั้งแต่เช้าเลย ดังนั้นชั้นจึงสงสัยว่าเขาเอาเวลาไปเรียนตอนไหน
“โอ้ จริงๆแล้วพี่เรียนจบจากโลเวนแล้วหน่ะ ตอนนี้พี่กำลังเรียนอยู่ที่สถาบันแอดวานเซีย แต่เพราะว่ามันมีคาบเรียนบังคับอยู่ไม่กี่คาบ ดังนั้นตารางเรียนของพี่ก็เลยปรับเปลี่ยนได้ง่ายหน่ะนะ”
เออ… โว้ว เรื่องดีๆในโลกแฟนตาซีออกมาแล้ว
ชั้นทำสีหน้าตื่นเต้นออกไปให้กับเนื้อหาแฟนตาซีๆที่ออกมาอย่างไม่คาดคิดโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าด้วย
“ที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนหรอคะ?”
คุณป้าเฟลิเซียที่กำลังจะพูดกับชั้นก็ได้โยนอารมณ์หม่นหมองของเธอทิ้งไปแล้วเริ่มพูด
“อลิซจังเองก็อยู่ในวัยที่ต้องคิดถึงเรื่องโรงเรียนแล้วสินะจ๊ะ? ป้าคิดว่าที่แอดวานเซียนั้นนับเป็นสถานที่สำหรับฝึกการเป็นขุนนางเต็มตัวน่ะจ่ะ หนูสามารถเรียนวิชาบางวิชาได้ หรือจะจริงจังไปกับธุรกิจของครอบครัวก็ได้ ไม่ว่าจะทางไหนก็จะทำคะแนนให้หนูได้… ถ้าโลเวนเป็นสถานที่สำหรับเรียนพื้นฐาน แอดวานเซียก็เป็นเหมือนเหมือนสถานที่สำหรับเรียนเรื่องต่างๆในเวลาว่างนั่นแหล่ะจ่ะ”
“งั้นหรอคะ…! ว้าวๆๆ!!”
ความหม่นหมองในใจของชั้นนั้นยังไม่หายไปก็จริง ทว่าตัวชั้นกำลังอยากรู้อยากเห็นเรื่องสถาบันของขุนนางที่ชื่อว่าสถาบันแห่งแอดวานเซียนี่จริงๆ
“อลิซก็กำลังจะเข้าเรียนที่สถาบันเวทมนตร์โลเวนแห่งจักรวรรดิในปีหน้าแล้วนี่นา — น้องจะทำยังไงกับเรื่องเรียนหรอ?”
“อา อืม คิดดูก่อนนะคะ… หนูได้ยินมาว่าหนูกำลังจะมีครูสอยพิเศษ… แต่ว่าหนูก็ยังไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันมากมายเลยคะ”
ชั้นตอบกลับไปอย่างอึมครึม ถ้ายังเป็นอย่างนี้ละก็ ชั้นจะต้องทำอะไรหลายๆอย่างเลย แถมชั้นยังคงลังเลที่จะพบกับคนที่ไม่ใช่คนรู้จักอยู่เล็กน้อยด้วย
ชั้นหมายถึง ขนาดชีวิตของคนรู้จักของชั้นยังมืดมนกันขนาดนี้ แสดงว่ามันจะต่องมีอะไรหลายๆอย่างในสังคมขุนนางแน่ๆละ
“งั้นหรอ… แต่ในกรณีของอลิซ น้องเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นๆ ดังนั้นน้องจะต้องรีบแล้วละนะ”
“เอาเถอะจ่ะ ถ้าหนูเป็นคนเรียนรู้เร็วแล้วละก็ หนูจะสามารถเตรียมตัวได้ก่อน 1 ปีเลยนะจ๊ะ”
“โอ๊ะ ยังงั้นหรอคะ?!”
ยุ่งยากจริงๆ ไม่เพียงแค่ห่างไกลจากการเกิดใหม่แบบโกงๆแล้ว แต่ตัวชั้นยังตามหลังคนอื่นๆอีก!
ท่านพี่ที่มองลงมาที่ชั้นอย่างเป็นห่วงนั้นได้แนะนำอะไรบางอย่างออกมา
“พี่สามารถสอนเกี่ยวกับยาสมุนไพรให้ได้นะ แต่ว่าน้องอยากจะทำอะไรละ? พี่คิดว่าพี่สามารถแบ่งเวลามาสอนให้สัปดาห์ละครั้งในตอนเช้าได้นะก่อนที่น้องจะได้เข้าเรียน”
“รบกวนด้วยคะ!”
ชั้นตอบกลับไปทันที ท่านพี่วิลล์ก็เลยพยักหน้าตกลง เย้!!
“อืม วิลล์เองก็มีความรู้ด้านสมุนไพรจริงๆ แถมยังเป็นการทบทวนพื้นฐานไปในตัวด้วย หนูควรได้เรียนรู้จากเขานะ”
คุณป้าเฟลิเซียเองก็เห็นด้วย ดังนั้นจึงเป็นอันตกลงทันทีว่าชั้นจะได้เริ่มเรียนรู้หลักสูตรของโรงเรียนในอาทิตย์หน้านี้
ตัวชั้นกำลังล่องลอยไปมาด้วยความตื่นเต้น แต่แน่นอนว่าชั้นยังไม่ลืมปัญหาของท่านพี่ออลูริสไปแล้วหรอกนะ
“เนื่องจากหนูจะเป็นคนที่ถูกสอน การจะให้ท่านพี่มาที่คฤหาสน์อาเชอร์เลซมันก็กระไรๆอยู่ หนูเลยอยากที่จะเรียนที่คฤหาสน์เวอร์จิลน่ะค่ะ แถมที่นี่ยังมีเรือนกระจกอีกด้วย!”
เมื่อชั้นขอไปแบบนั้น ท่านพี่วิลล์ก็ยังคงอึกอักอยู่ คงเป็นเพราะตัวตนของท่านพี่ออลูริสละมั้ง แต่ว่าท้ายที่สุดชั้นก็ทำให้เขาตอบตกลงจนได้
มันก็เป็นการยากอยู่แล้วที่ท่านพี่ออลูริสจะออกมาจากห้อง แถมยังแทบจะไม่มีโอกาสเจอกับชั้นด้วย
ถ้าชั้นมาที่นี่บ่อยๆละก็ ชั้นก็น่าจะหาเบาะแสสำหรับแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ได้
หลังจากที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว ชั้นก็ได้เดินทางกลับบ้านของตัวเอง
***
“หนูกลับมาแล้วค่ะ ท่านแม่!”
เมื่อชั้นกลับมาถึงคฤหาสน์อาเชอร์เลซ ท่านแม่ก็กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงพร้อมทั้งดื่มชาอยู่
“ยินดีต้อนรับกลับนะ อลิซ อาหารของลูกเป็นยังบ้างจ๊ะ”
“ค่ะ! สำเร็จไปได้ด้วยดีค่ะ!”
ชั้นพูดแบบนั้นในขณะที่พุ่งเข้าใส่อ้อมกอดของท่านแม่ที่กำลังกางแขนของเธอออก จากนั้นเธอก็ได้ลูบหัวของชั้น
“อาหารที่ลูกทำให้แม่ทานก็เยี่ยมไปเลยนะจ๊ะ อร่อยมากๆจริงๆ”
ใช่แล้ว แน่นอนว่าครอบครัวของชั้นก็ด้วย ตอนที่พวกเขาได้ลองทานมัน พวกเขาก็เอาแต่พร่ำเพ้อถึงมัน ดังนั้นหลังจากนี้พวกเราก็จะได้ดื่มด่ำกับเนื้อภายในบ้านของตัวเองแล้ว เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ
“แล้วก็นะท่านแม่ ท่านพี่วิลล์ตกลงจะช่วยสอนหนังสือให้กับหนูด้วยละคะ! มันไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
เมื่อชั้นพูดแบบนั้นออกไป ท่านแม่ก็พูดว่า “แหม่ นั่นมันเยี่ยมไปเลยนะจ๊ะ!” มันทำให้ชั้นดีใจมากๆเลยละ
“แม่จะต้องคุยกับพ่อของลูกเรื่องการเรียนของลูกน่ะจ่ะ พวกเราไปที่ห้องทำงานด้วยกันเลยไหมจ๊ะ?”
“ค่ะ!”
ชั้นตอบกลับไปอย่างร่าเริง ก่อนจะเริ่มเดินออกไป
อนึ่ง ชั้นก็ได้ถามเรื่องความสัมพันธ์กับท่านพี่ออลูริสออกไปด้วย และเมื่อชั้นบอกพวกเขาถึงเรื่องความอ่อนโยนและท่าทางหวาดกลัวของเขาที่ชั้นสัมผัสได้ออกไป ท่านแม่ก็ยังคงยิ้มออกมาตามปกติ
ตระกูลอาเชอร์เลซกับตระกูลเวอร์จิลนั้นเป็นญาติๆกัน ดังนั้นชั้นก็เลยสงสัยว่าเธอจะรู้เรื่องเหตุการณ์นั้นแล้วหรือยัง… ในฐานะที่เป็นเรื่องภายในครอบครัว มันจะถูกเก็บเงียบเอาไว้เป็นความลับภายในตระกูลเวอร์จิลหรือปล่าวนะ?
ชั้นได้มาถึงห้องทำงานพร้อมกับความคิดแบบนั้น
ดูเหมือนท่านพ่อจะเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งแล้วหลังจากช่วงเวลาพักฟื้น — ซึ่งเหมือนกับการแบ่งเวลาให้ครอบครัวมากกว่า
ชั้นเคาะไปที่ประตู ก่อนที่จะมีเสียงอนุญาตตอบกลับมาทันที
เมื่อชั้นเดินเข้าไปในห้อง ชั้นก็ได้เห็นออฟรานซ์ซังกับท่านพ่อกำลังจัดการกับกองเอกสารอย่างเมามันอยู่
ทว่า เมื่อพวกเขาเห็นท่านแม่กับชั้น พวกเขาก็ยิ้มพร้อมกับรีบกวาดกองเอกสารพวกนั้นออกไปข้างๆ… มันจะดีหรอนั่น?
“………—นั่นแหล่ะค่ะว่าทำไมหนูถึงตัดสินใจที่จะเรียนกับท่านพี่วิลล์น่ะค่ะ ท่านพ่อคะ ได้ใช่ไหมคะ!?”
เมื่อชั้นบอกเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้ ท่านพ่อก็พยักหน้าตกลงและพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“แน่นอนอยู่แล้วว่ามันไม่เป็นไร พ่อเองก็ต้องขอบคุณคุณวิลเฮล์มเหมือนกัน ถึงยังงั้น การที่ลูกสาวสุดที่รักนั้นกระตือรือร้นที่จะเรียนขนาดนี้… มันช่างวิเศษไปเลย!”
ท่านพ่อที่กลับมาทำหน้าพ่อขี้โอ๋ลูกอีกครั้งนึงนั้นกำลังพึมพำออกมาแบบนั้น ท่านแม่เองก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ชั้นจะต้องบอกพวกเขาถึงเรื่องที่ตัวชั้นอาจจะตามหลังคนอื่นอยู่ด้วย
“ท่านพ่อคะ ท่านแม่คะ คุณป้าเฟลิเซียบอกหนูมาว่าหนูอาจจะตามหลังคนอื่นๆด้านการเรียนอยู่เล็กน้อยน่ะค่ะ ตัวหนูเองก็อยากจะเรียนเยอะๆด้วย หนูควรจะทำยังไงดีคะ?”
ขณะที่ชั้นบอกเขาไปแบบนั้น ท่านพ่อก็ได้คร่ำครวญอยู่ภายในลำคอ
“อืม พ่อคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาครูสอบพิเศษให้… จะทำยังไงดีนะ?”
ท่านพ่อดูจะเป็นกังวลเรื่องที่จะหาใครสักคนที่สามารถไว้วางใจและสอนชั้นได้อยู่
จากนั้นท่านแม่ก็ทุบมือของตัวเองเหมือนกับคิดอะไรออก ก่อนที่เธอจะให้คำแนะนำออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว ไปขอให้พี่สาวไฮเมอร์ช่วยกันเถอะจ่ะ!”
พี่สาวไฮเมอร์?
ขณะที่ชั้นกำลังมีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัวนั้น ท่านพ่อก็พูดว่า “อะฮ้า!” ก่อนที่จะทำหน้าพึงพอใจออกมา
“เอาสิ ตอนนี้เธอก็น่าจะอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิใช่ไหม? รีบติดต่อกับเธอให้เร็วที่สุดเลย!”
จากนั้นท่านพ่อก็ได้นำเครื่องเขียนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ
เขาเขียนอะไรบางอย่างสั้นๆ ก่อนจะไปยืนที่หน้าต่างแล้วยื่นแขนออกไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ได้พึมพำอะไรบางอย่างออกมา
หลังจากนั้นก็ปรากฏปีกใสๆคู่หนึ่งขึ้นมาราวกับว่ามันได้ละลายออกมาจากอากาศ
“ว้าว! ท่านแม่คะ ท่านแม่! นั่นคืออะไรหรอคะ?!”
เธอหัวเราะเล็กน้อยให้กับตัวชั้นที่กำลังตื่นเต้น
“นั่นคือสปิริตที่อยู่ภายใต้พันธสัญญากับพ่อของลูกน่ะจ่ะ มันถูกเรียกว่าสปิริตส่งสาร และมันเป็นสปิริตที่ดีที่จะคอยช่วยเหลือลูกเมื่อลูกได้รู้จักพวกมันแล้วน่ะจ่ะ”
“สปิริตส่งสารหรอคะ…! หนูจะเข้ากับพวกเขาได้เหมือนกันไหมคะ?”
เมื่อชั้นพูดแบบนั้นพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย ท่านแม่ก็วางมือลงบนแก้มของเธอเอง
“อืม จริงๆแม่ก็อยากให้ลูกรอจนกว่าจะได้รับรองคุณสมบัติที่โลเวน แต่ว่า… มันก็ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามนี่นะ? งั้นแม่จะสอนลูกถึงวิธีการอัญเชิญมันในครั้งหน้าแล้วกันนะจ๊ะ”
ขณะที่มีดอกไม้บานสะพรั่งเป็นพื้นหลังให้กับคำพูดของท่านแม่อยู่นั้น ท่านพ่อก็ได้ติดจดหมายไปที่ปีกของสปิริตส่งสาร ก่อนจะปล่อยมันบินออกไป
“เรียบร้อยแล้ว พ่อหวังว่าลูกจะได้รับการตอบตกลงนะ”
“ค่ะ!”
……ทว่า ในตอนนั้นตัวชั้นยังไม่รู้
……ว่าระดับการสอนของ ‘พี่สาวไฮเมอร์’ นั้นอยู่ระดับไหนในโลกใบนี้