“เผ่าเอลฟ์?”
มหาคีรีนิ่งไปครู่หนึ่ง มันประหลาดใจอย่างมาก
เผ่าถ้ำหินสร้างรายได้มหาศาลจากการค้าเอลฟ์ในฐานะทาส ดังนั้นการพบเอลฟ์จำนวนมากในบริเวณรอบเผ่าของตน จึงเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าที่ส่งตรงถึงหน้าประตูอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่มหาคีรีผู้ผ่านชีวิตมาอย่างยาวนาน ย่อมวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านั้น…
มันไม่แสดงอาการตื่นเต้นเหมือนกับออร์คผู้แจ้งข่าว ในทางกลับกัน สีหน้าของมันดูสุขุมและเต็มไปด้วยความฉงน
“ไอ้พวกเอลฟ์มัน… โผล่มาแถวนี้ได้อย่างไร?”
ในปัจจุบัน หากไม่นับกลุ่มผู้คลั่งศรัทธาที่ยังเชื่อว่าต้นไม้โลกจะคืนชีพขึ้นมา ก็มีเอลฟ์หลงเหลืออยู่ในป่าเพียงจำนวนน้อยนิด
การไล่ล่าโดยกลุ่มออร์ค ทำให้เอลฟ์เกือบทั้งหมดพากันระหกระเหินออกจากแผ่นดินเกิดไปหลบซ่อนอยู่ทั่วผืนทวีป
ในสถานการณ์แบบนี้ เหตุใดเอลฟ์จำนวนมหาศาลมาปรากฏตัวในแถบนี้?
หรือมันกำลังอพยพ? พวกมันคิดจะอพยพกลับไปในป่าเอลฟ์น่ะรึ?!
ในมุมมองของมหาคีรี การย้ายกลับมาสู่ป่าของเหล่าเอลฟ์ผู้สูญเสียพรแห่งเทพและถูกพันธนาการด้วยคำสาปแห่งการร่วงหล่น ช่างดูไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
พวกมันไม่ได้แห่กันมาเสี่ยงตายเฉย ๆ แน่ มันต้องมีบางสิ่งที่ทำให้พวกมันอพยพมา!
ดวงตาของมหาคีรีเผยประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง
มันนึกถึงภารกิจสำรวจป่าเอลฟ์ที่มอบหมายโดยพระบิดา ขอบตาของมันกระตุกขึ้นมาทันควัน
“คงไม่ใช่ว่าต้นไม้โลกมันฟื้นขึ้นมาแล้วนะ?”
มันอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปในทิศที่ตั้งของป่าเอลฟ์ ใบหน้าของมันดูเคร่งขรึม
แต่เมื่อผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง มันส่ายศีรษะอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้… เพราะถ้าต้นไม้โลกฟื้นขึ้นมาจริง ๆ ดินแดนซากัสต้องตกอยู่ในความโกลาหลไปนานแล้ว”
มหาคีรีหันกลับไปมองภาพจิตรกรรมฝาผนังในถ้ำ แสงจากคบไฟบนผนังถ้ำสาดส่องลงใบหน้าของมันเป็นเงาวูบวาบ
ในฐานะนักบวชเพียงรูปเดียวของเผ่าถ้ำหินที่ไปแสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มานับพันปี มันมีศักยภาพเพียงพอจะยกระดับสู่นักบุญหลังจากกายเนื้อได้ตายลง และยังได้รู้ล่วงรู้ความลับมากมายเกี่ยวกับเหล่าเทพ
“ถ้าต้นไม้โลกฟื้นขึ้นมา… เหล่าเทพทั้งหลายต้องรู้ และพระบิดาจะต้องมอบคำพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแน่นอน!”
แต่เมื่อมันนึกถึงเอลฟ์ประหลาดในพระบัญชา การหายตัวไปของหินดำและออร์คตัวอื่น ท่าทีของมหาคีรีกลับดูเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
“มันเหมือนกับว่า… เอลฟ์พวกนั้นได้รับการคุ้มครองโดยพลังปริศนา! การอพยพของพวกมันคงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน!”
เมื่อรวมเนื้อหาจากพระวจนะเข้ากับการหายตัวไปของหินดำและสมุนตนอื่น มหาคีรีก็คาดเดาบางสิ่งขึ้นมา
หรือว่า… กองพันวีรชนของเทพแห่งความตายจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริง ๆ !?
…แม้พระบิดาจะยังอยู่ในระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น แต่ท่านก็มีเครือข่ายเทพผู้ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่
พันธกิจศักดิ์สิทธิ์ของต้นไม้โลกจึงแทบจะเป็นของท่านไปโดยปริยาย
ตัวตนเดียวที่กล้าขัดขวางพระบิดาด้วยการแทรกแซงจากเบื้องหลัง และตัวตนเดียวที่น่าจะมุ่งเป้าไปที่พันธกิจแห่งชีวิต ข้าเชื่อว่ามีแค่เทพผู้ครองโลกใต้พิภพเท่านั้น…
แต่ถึงอย่างไร ต่อให้เรื่องนี้มีกองพันวีรชนของเทพแห่งความตายอยู่เบื้องหลัง… ในฐานะสาวกของเทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า และศัตรูคู่แค้นของเอลฟ์ มหาคีรีจะไม่มีวันยอมให้พวกเอลฟ์เดินทางผ่านไปแน่นอน!
นอกจากนี้…
เพราะหินดำผู้ถือครองวัตถุศักดิ์สิทธิ์ยังหายสาบสูญไป มหาคีรีจึงหวั่นใจไม่น้อย และล้มเลิกความคิดที่จะส่งสมุนของตนเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ในป่าเอลฟ์
ในความเห็นของมหาคีรี ป่าเอลฟ์ในยามนี้เต็มไปด้วยภัยอันตราย…
ประกายแสงปรากฏขึ้นในแววตาของมหาคีรี
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามการคาดเดาของมัน ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่มันจะได้รีดความลับจากเอลฟ์เหล่านั้นโดยตรง!
เมื่อคิดได้ดังนั้น มหาคีรีพลันหันกลับมาหาออร์คจากหน่วยลาดตระเวน
“พวกมันมีกี่ตน?”
หน่วยลาดตระเวนตอบกลับด้วยความเคารพ
“ประมาณสองร้อยตนขอรับ มีเอลฟ์แก่และเอลฟ์เด็ก พวกมันอ่อนแอทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเหล็กขั้นต้น แต่มีเอลฟ์แก่บางตนที่อยู่ระดับเหล็กขั้นสูงขอรับ”
มหาคีรีพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบจากหน่วยลาดตระเวน
สำหรับเผ่าถ้ำหิน เหล่าเอลฟ์ที่อ่อนแอถึงเพียงนี้ เทียบได้กับอาหารจานโตที่มาเสิร์ฟถึงถิ่น
แน่นอนว่ามหาคีรียังไม่ได้ตัดความเสี่ยงเรื่องตัวตนอันแข็งแกร่งที่อาจจะแฝงตัวอยู่ในฝูงเอลฟ์เผ่านี้ แต่ในความเห็นของมัน โอกาสที่จะเกิดเรื่องดังกล่าวมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ถ้ากังวลว่าจะเจอตอ ก็แค่ส่งออร์คเข้าไปให้มากหน่อย
และถ้ารับมือไม่ไหว ก็แค่ใช้พวกนักบวชในเผ่ามาเสริมกำลังรบ
หลังจากจับเอลฟ์เหล่านี้ได้ ข้าจะซักรีดความลับของเรื่องการอพยพของพวกมัน แล้วขายพวกมันออกไปให้หมด
เอลฟ์สองร้อยกว่าตน….
หึหึ ถ้างานนี้จบลงด้วยดี การทิ้งบ้านเกิดในเทือกเขาทมิฬ แล้วย้ายเผ่าไปตั้งรกรากกันใหม่ให้ไกลจากที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!
บางสิ่งในป่าเอลฟ์กำลังเปลี่ยนไป ซึ่งถ้ามันเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวง มหาคีรีก็เต็มใจที่จะพาเผ่าของตนอพยพออกไปให้ห่าง!
แต่ในกรณีนั้น พระบิดาอาจจะต้องผิดหวัง มหาคีรีจึงไม่คิดจะพาทั้งเผ่าย้ายถิ่นที่อยู่จนกว่าจะไม่เหลือหนทางอื่นใดให้เลือก
เมื่อไรที่จับเจ้าหูยาวพวกนี้มาซักฟอกได้ เมื่อนั้นข้าก็จะได้รู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง!
ดวงตาของมหาคีรีฉายแสงขึ้นมา มันหันไปถามนักบวชออร์คที่เตรียมรับคำสั่งอยู่ใกล้ ๆ
“อีกนานเท่าไรกว่ากองคาราวานของพวกมนุษย์จะผ่านมา?”
นักบวชออร์คตัวนั้นตอบกลับ
“จากกำหนดการตามปกติ คาดว่าจะอีกครึ่งเดือน ถึงเดือนหนึ่งขอรับ”
มหาคีรีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งการกับหน่วยลาดตระเวน
“รีบส่งออร์คสักตัวไปจับตามองพวกเอลฟ์อย่าให้คลาดสายตา และ… ระดมกำลังพลที่ยังหนุ่มและแข็งแรง พวกเราจะไปดักหน้าพวกมันเพื่อซุ่มโจมตี!”
หลังจากกล่าวจบ หัวหน้านักบวชอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกัดฟันสั่งการต่อ
“เพื่อความปลอดภัย จงเตรียมเนื้อสำหรับร้อยที่ และส่งไปที่เหมืองในเทือกเขาด้านหลังเผ่า”
หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของมหาคีรี สีหน้าของหน่วยลาดตระเวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยราวกับกำลังนึกถึงบางสิ่ง
“รีบไปดำเนินการ!”
มหาคีรีกล่าวด้วยท่าทีดุดัน
ออร์คผู้รับคำสั่งย่นคอลง มันพยักหน้ารับและออกไปจากถ้ำอย่างรวดเร็ว
…
บนยอดเขาในบริเวณใกล้เคียงกับเผ่าถ้ำหิน
มีเหมืองร้างแห่งหนึ่ง ที่ถูกทิ้งไว้โดยเผ่าดวอร์ฟเมื่อหลายร้อยปีก่อน
นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของซากปรักหักพังของปราสาทเก่าแก่
มันเคยเป็นสถานที่สำคัญในอารยธรรมของพวกดวอร์ฟ และกลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์ไปเมื่อสายแร่ในเหมืองได้หมดลง
รอบปราสาทโบราณแห่งนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือพืชพรรณใด ๆ ปรากฏอยู่ ไม่มีแม้แต่นกสักตัว บรรยากาศโดยรอบทั้งเหน็บหนาวและว่างเปล่า
หัวหน้านักบวชมหาคีรี พากลุ่มออร์คพร้อมรถเข็นล้อเดียวขนาดใหญ่คันหนึ่งมาสู่บริเวณนอกปราสาท
เหล่าออร์คทุกตัวต่างจ้องมองไปทางปราสาทเก่าแก่ด้วยความหวาดกลัว พวกมันบางตัวถึงกับขาสั่น
มหาคีรีชำเลืองมองสภาพที่น่าสังเวชของเหล่าออร์ค มันได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวปลอบขวัญออกมา
“จงอย่ากลัว… ถึงแม้รูปลักษณ์ของท่านไมเรลจะน่าหวาดหวั่น แต่ท่านเป็นมิตรมาก”
หลังจากกล่าวจบ มหาคีรีชำเลืองมองกองเนื้อในรถเข็นอย่างเจ็บปวด มันสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะตะโกนไปทางปราสาทด้วยเสียงอันกึกก้อง
“มหาคีรีแห่งเผ่าถ้ำหิน มาพร้อมเนื้อสำหรับร้อยที่ ขอถวายความเคารพแด่ท่านไมเรล!”
เสียงของมันกระจายไปไกลแสนไกลด้วยการเสริมพลังจากเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์…
…
…เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ยังคงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
มหาคีรีชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาอีกครั้ง
“ท่านไมเรล เนื้อเหล่านี้มาจากอสูรดุร้ายเลวทราม การรับประทานพวกมันคือการผดุงความยุติธรรม! นอกจากนี้… ข้ามาเพื่อถวายความเคารพ โดยหวังอย่างยิ่งว่าท่านจะช่วยพวกเราต่อกรกับเผ่าป่าเถื่อนเจ้าเล่ห์เพทุบายผู้ชั่วร้าย! เพื่อช่วยชี้นำพวกเขาให้มาสู่ความเป็นอารยชนตามครรลองคลองธรรม!!”
ครั้งนี้เสียงของมหาคีรีแผ่กระจายไปไกลกว่าเดิม
แผ่นดินในบริเวณรอบปราสาทเริ่มสั่นสะเทือน…
เงาดำมหึมาทอดทับกลุ่มออร์ค พร้อมกับเสียงคำรามของมังกรที่ดังกึกก้องไปทั่ว
“ให้ข้าสู้กับเผ่าชั่วร้าย!?”
เสียงกัมปนาถแผดขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสนใจอย่างยิ่ง
“Ruaaaaa——! จงนำทางข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!!”
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: Ruaaaaa——! ️
…
อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413/ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
MANGA DISCUSSION