[นิยายแปล] Game of the World Tree - ตอนที่ 73 พวกพ้องของพวกเรามาถึงแล้ว
ปีนี้ อัล อายุ 80 ปี
ตั้งแต่อัลจำความได้ ปู่ของเขามักจะเล่าถึงประวัติศาสตร์ในช่วงยุคทองของเผ่าพันธุ์เอลฟ์
ยุคที่อาณาจักรเอลฟ์ยังเรืองอำนาจเป็นหนึ่งในใต้หล้า
ยุคที่วัฒนธรรมของเอลฟ์ยังรุ่งเรืองเหนือผู้ใด
แต่หลังจากหายนะครั้งใหญ่ เหล่าเอลฟ์ต่างร่วงหล่น ความแข็งแกร่งของพวกเขาถูกจำกัดด้วยคำสาป นำไปสู่ความเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่อง
อัลจึงไม่อาจจินตนาการได้ว่าเหล่าเอลฟ์เคยยิ่งใหญ่ถึงเพียงใดเมื่อ 1,000 ปีก่อน ความเจิดจรัสเหล่านั้นดูราวกับเป็นนิทานปรัมปราสำหรับเขา
ในความทรงจำของอัล ความรุ่งเรืองในวันวานล้วนเป็นเพียงภาพฝันที่เลื่อนลอย…
ทว่า ปู่ของอัลกลับเชื่อมั่นอย่างสุดใจ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องดีขึ้น
“อัล จงจำให้มั่นว่าพวกเราคือเผ่าสีเงินอันยิ่งใหญ่ ความเสื่อมถอยเหล่านี้ล้วนไม่จีรัง เมื่อใดที่พระมารดาทรงหวนคืนสู่ดินแดนแห่งนี้ เมื่อนั้นย่อมเป็นช่วงเวลาของพวกเราอีกครั้ง”
นี่คือสิ่งที่ปู่ของเขาคอยพร่ำสอนอยู่เนืองนิจ
อัลเคยเอ่ยถามปู่ของตนครั้งหนึ่ง ว่าพระมารดาคือผู้ใด
ปู่ของเขาจึงเล่าถึงองค์พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปกครองปวงเอลฟ์ ผู้โอบอ้อมอารี ผู้ที่เฝ้าพิทักษ์พวกเขามาช้านาน…
“พวกเรา… มีเทพประจำเผ่าด้วยเหรอครับ?”
เอลฟ์ตัวน้อยสอบถามด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าเด็กซื่อ…”
มือของเอลฟ์ชราลูบไล้ศีรษะของหลานด้วยความเอ็นดู ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา
“พระมารดาไม่ได้เป็นเพียงเทพทั่วไป… ท่านคือเทพโบราณผู้ยิ่งใหญ่!”
นับจากวันนั้น หัวใจของอัลก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง ว่าสักวันหนึ่งเทพธิดาจะหวนคืนมา
เขาปรารถนาจะมีชีวิตที่สงบสุขและมั่นคง และได้ครอบครองสวนเล็ก ๆ สักแห่ง
ทว่า …นับตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันที่ปู่ของเขาจากโลกนี้ไป พระมารดาก็ยังไม่หวนคืนมา
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังยึดมั่นในคำสอนของปู่…
จนกระทั่งวันหนึ่ง…
กลุ่มออร์คนักล่าที่น่าเกรงขามได้ค้นพบสถานที่ซ่อนของพวกเขา พวกเอลฟ์หนุ่มต่างถูกสังหารในการต่อสู้อันดุเดือด ในขณะที่เด็กและสตรีล้วนถูกพวกมันจับกุมไป…
เชลยจากการปะทะครั้งนี้ รวมไปถึงอัลและน้องสาวทั้งสอง
อัลได้ตระหนักในภายหลังจากเหตุการณ์นั้น ว่าสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตไม่ใช่การเร่ร่อนและซ่อนตัวแต่อย่างใด
แต่มันคือคือการพลัดพรากจากครอบครัว ซ้ำยังตกเป็นเชลยของพวกศัตรู…
บรรดาเอลฟ์สาวที่ถูกจองจำไว้ในบริเวณเดียวกัน ต่างหายไปทีละตน… ทีละตน…
อัลและเอลฟ์ทั้งหลาย ถูกคุมขังไว้ในคุกใต้ดินขนาดเล็กของพวกออร์ค ถูกริดรอนอิสรภาพจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน
อาหารประทังชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในทุก ๆ วัน เป็นเพียงผลไม้ที่ยังไม่สุกดี
ตามคำกล่าวของพวกออร์ค พวกมันกำลังรอช่วงเวลาที่กองคาราวานของมนุษย์จะผ่านมา เพื่อขายอัลและเอลฟ์ตนอื่น ๆ ในฐานะสินค้าราคาแพง…
มนุษย์…
ร่างของอัลสั่นเทาด้วยความโกรธ
ถ้าพวกออร์คมันเป็นอสูรกาย เจ้าพวกมนุษย์ก็คงเป็นปีศาจจากนรก…
ในสมัยนี่อัลยังอยู่กับครอบครัว เขามักจะได้ยินเรื่องเล่าอันแสนเศร้า เกี่ยวกับเอลฟ์ที่ตกเป็นทาสของมนุษย์อยู่เป็นนิจ…
เหล่ามนุษย์ล้วนเจ้าเล่ห์เพทุบาย เปี่ยมไปด้วยความโลภ ซ้ำยังมักมากในกาม พวกมันจะทำทุกสิ่งเพื่อสนองความปรารถนาของตน
อัลอยากจะอดอาหารให้ตัวเองตายตกไปใจจะขาด
แต่เมื่อหวนนึกถึงน้องสาวทั้งสองของตน ความอัดอั้นในใจของเขาก็ทุเลาลง พร้อมกับความฮึดสู้ที่ปะทุขึ้นมาแทนที่
“อัล ในฐานะพี่ชาย จงปกป้องน้องสาวของเจ้าให้ดี…”
คำสั่งเสียสุดท้ายก่อนที่ปู่จะจากไป ยังคงก้องอยู่ในใจของอัล
เขากำหมัดแน่น…
“คุณปู่… ข้ามันไร้ประโยชน์… ข้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ”
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ความหวังในใจของอัลยิ่งริบหรี่ลงทุกขณะ
แต่ต่อหน้าน้องสาวทั้งสอง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฮึดสู้และแสดงความเข้มแข็งออกมา
อัลคิดหาหนทางหลบหนีอยู่ตลอดเวลา แต่พวกออร์คก็คอยจับตาพวกเขาอย่างใกล้ชิด
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินมานานนับเดือน
จนกระทั่งวันนี้…
แกร๊ก…
ประตูคุกถูกเปิดออกครั้งแรกในช่วงหลายเดือน
อัลสะดุ้งสุดตัว เขาลอบมองออกไปด้วยความระมัดระวัง น้องสาวทั้งสองพร้อมใจกันหลบอยู่ข้างหลังเอลฟ์หนุ่มตัวน้อยด้วยความหวาดหวั่น เรือนร่างเล็ก ๆ ของเด็กสาวต่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“สุดท้ายวันนี้ก็มาถึง… พวกเรากำลังจะโดนขายใช่ไหม?”
อัลกำหมัดแน่น… เขาเค้นสมองเพื่อหาวิธีหลบหนีในขณะที่ยังมีโอกาส
ทว่าเหล่าออร์คไม่ได้เดินเข้ามา พวกมันโยนร่างที่ถูกพันธนาการเข้ามาร่างหนึ่ง ก่อนจะล็อกประตูกรง และหันตัวเดินจากไป
อัลชะงัก เขามองร่างที่เพิ่งถูกส่งเข้ามาในคุกด้วยความสงสัย
“อะ… เอลฟ์?”
เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสหายร่วมสายพันธุ์ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา
เอลฟ์ตนนี้มีความแปลก…
ร่างของเขาชุ่มโชกไปด้วยโลหิต บาดแผลฉกรรจ์ปรากฏอยู่ทั่วร่างกาย ใบหน้าดูซีดเซียว แถมลมหายใจก็ยังแผ่วเบาอย่างมาก
ทว่า… ดวงตาของเขากลับเจิดจรัสอย่างอัศจรรย์
อัลไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ด้วยเหตุผลบางประการ
เอลฟ์ตนนี้แตกต่างไปจากเอลฟ์ตนอื่น บรรยากาศรอบตัวของเขาดูราวกับผู้ที่พร้อมจะท้าทายทุกสิ่ง ซึ่งอัลไม่เคยพบเจอความรู้สึกในลักษณะนี้จากเอลฟ์ตนใดมาก่อน
สายตาของเขา แตกต่างไปจากเอลฟ์ที่อัลเคยรู้จัก ซึ่งมักจะมีความขมุกขมัวไม่ผ่องใส
ริมฝีปากของเขายังเผยรอยยิ้มจาง ๆ แฝงไปด้วยความไร้กังวล ราวกับผู้ที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้
แถมเขายังก่นด่าพวกออร์คในจังหวะที่พวกมันเพิ่งจะหันตัวกลับไปอย่างดุเดือด!
เป็นเอลฟ์ที่ประหลาดจัง…
แถมยังดูมีพละกำลัง มีความหวัง…
ลักษณะของเอลฟ์ตนนี้ เป็นสิ่งที่อัลไม่เคยพบเจอจากสมาชิกเผ่าตนอื่น ๆ
หัวใจของเด็กหนุ่มถูกความสงสัยเข้าครอบงำ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวและกล่าวถามออกไป…
“ท่าน… ท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
เอลฟ์หนุ่มตนนั้นดูชะงักเล็กน้อยพร้อมหันมาหาเขาอย่างรวดเร็ว ในวินาทีที่สายตาของเขาประสานกับอัล เอลฟ์เบื้องหน้าพลันอุทานออกมาดังลั่นคุก
“เชี่ย! เอลฟ์!!”
เสียงตะโกนดังลั่นของอีกฝ่าย ทำให้อัลถอยตัวอย่างตื่นตระหนก
เขาเห็นเอลฟ์ประหลาดแสดงสีหน้าหลากอารมณ์ต่อกันเป็นชุด ทั้งความดีใจ ความตื่นเต้น ก่อนจะกลายมาเป็นความสับสน
อัลลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาถามซ้ำ
“ท่าน… เสียเลือดมาก…”
“ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ?”
จู่ ๆ ท่าทีของเอลฟ์ตรงหน้าก็อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
เอลฟ์ตนนั้นยิ้ม พยักหน้าให้อัล และตอบกลับพลางกระอักเลือดออกมาคำโต
“เฮือก… ชั้นสบายดี”
อัล: “…”
“แต่… ท่านเพิ่งจะไอเป็นเลือด!”
อัลปรี่ตัวเข้าไปช่วยอีกฝ่ายแก้มัดอย่างรวดเร็ว
“ท่านถูก… ถูกพวกมันจับมาเหมือนกันเหรอครับ?”
เขาถามด้วยความสงสัยในขณะที่ใช้แถบผ้าพันปิดแผลให้อีกฝั่ง
เอลฟ์หนุ่มพยักหน้าให้อัลหลังจากที่ได้รับการปฐมพยาบาล ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ไม่ ชั้นแค่เป็นตัวชี้เป้าที่ไม่ดื้อไม่ซนตัวหนึ่ง”
อัล: “…”
เป็นอีกครั้งที่อัลรู้สึกว่าเอลฟ์เบื้องหน้ามีความแปลก นอกจากสีหน้าท่าทางที่ดูประหลาดแล้ว เขายังใช้คำพูดคำจาที่อัลไม่คุ้นอีกด้วย
…
ภายหลังจากการสนทนามาสักพัก ถึงแม้เอลฟ์ตนนี้จะมีด้านที่แปลก ๆ อยู่บ้าง แต่อัลพบว่าเขาเป็นผู้มองโลกแง่ดี และมีความอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ กันอยู่ครู่ใหญ่
เอลฟ์ประหลาดตนนี้เล่าถึงเรื่องที่น่าสนใจมากมาย ทำให้อัลและน้องสาวรู้สึกเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง
เขาเป็นผู้รอบรู้ และมักจะมีความคิดแผลง ๆ ในแบบที่อัลไม่เคยนึกฝัน เรื่องเล่าสุดมหัศจรรย์และสนุกสนานของเขาทำให้อัลรู้สึกตื่นตาตื่นใจอย่างมาก
อัลเริ่มรู้สึกชื่นชอบเอลฟ์หนุ่มผู้น่าสนใจตนนี้ขึ้นมาทีละน้อย
เนื้อหาบางส่วนจากการสนทนา ทำให้เขาทราบถึงที่มาของคู่สนทนา
เขามาจากดินแดนอันแสนไกล เป็นนักรบที่ได้รับการอัญเชิญมาโดยองค์เทพธิดา
เทพธิดา?
“พี่เดมาเซียครับ เอลฟ์นับถือเทพองค์อื่น ๆ ด้วยเหรอครับ?”
ในวินาทีนั้น เขาเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย สีหน้าของเอลฟ์หนุ่มดูสุขุมขึ้นมาทันควัน
“ไม่…”
ท่าทางของเอลฟ์หนุ่มดูเปี่ยมไปด้วยศรัทธาที่มากล้น
มือของเขาวาดสัญลักษณ์ต้นไม้ในระดับอก พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก
“เทพธิดาผู้สถิตในดวงใจของฉัน… มีแค่ท่าน เพียงพระองค์เดียว!”
อัลชะงักทันทีที่เห็นสัญลักษณ์นั้น
เพราะมันคือสัญลักษณ์ที่ปู่ของเขาเคยวาดนับครั้งไม่ถ้วน!
พระมารดาของพวกเรา …มีตัวตนจริง ๆ
เขา… ถูกอัญเชิญมาโดยท่านเทพธิดา
ความคิดของอัลกลายเป็นสีขาวโพลนไปชั่วขณะหนึ่ง
“อัล”
ท่ามกลางห้วงแห่งความงุนงง เสียงเรียกจากคู่สนทนาได้ปลุกอัลให้กลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
อัลหันศีรษะไปทางต้นเสียง พบว่าเดมาเซียกำลังจ้องมองไปที่บางสิ่ง
สายตาของเดมาเซียจับจ้องไปนอกกรงขัง มุมปากของเขาค่อย ๆ ยกขึ้น ริมฝีปากของเขาเหยียดออกเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย
อัลมองตามเดมาเซียไป สายตาของเขาหยุดลงบนออร์คผู้มาเยือนทั้งสี่ตัวในบริเวณถ้ำ พวกมันกำลังหามซากของบางสิ่งที่ดูคล้ายสัตว์อสูร…
“พวกพ้องของพวกเรามาถึงแล้ว”
อัลได้ยินอีกฝ่ายกล่าว
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: วัย 80 ของเอลฟ์ คือวัยที่ยังอ่อนต่อโลกสินะคะ
…
ช่วงนี้ตารางเค้าแน่นนิดนึง น่าจะได้ลงอีกทีช่วงวันหยุดน้า ; – ;
…
อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413/ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _