อัศวินผู้ทรงเกียรติ 4
งานเลี้ยงเริ่มขึ้นในเย็นวันนี้ ในใจของข้าไม่เป็นสุขขณะมองแผ่นหลังของท่านเรมิเลียที่เดินเข้าไปร่วมในงานเลี้ยงตามลำพัง ปะปนไปกับหมู่ขุนนางชั้นล่าง
อา ถึงจะดูเปล่าเปลี่ยวเพราะข้างกายไม่มีใครแต่ก็ก็สง่างามเหลือเกิน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถตามติดไปในเวลาเช่นนี้ได้
ใช่แล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของราชาปีศาจไม่ได้เรื่องคนนี้ ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ชายอยู่อีก ทั้งที่จนถึงป่านนี้แล้วก็ยังไม่กล้าบอกความในใจกับท่านเรมิเลียสักที!! น่าโมโหจริงๆ!
ข้าสูดหายใจเข้าลึกและตามไปรอที่ห้องรับรองพร้อมกับคนอื่นๆ เป็นห้องรับรองที่หรูหราที่สุดในปราสาทที่จะใช้กับราชวงศ์จากต่างประเทศเท่านั้น เมื่อคนรับใช้ของประเทศนี้ถูกสั่งให้ออกไปจนหมด ข้าก็ตรวจดูความปลอดภัยโดยรอบอย่างรวดเร็วขณะที่ท่านมิซารี่กางเขตแดนป้องกันการดังฟังและสอดแนม
หลังจากยืนยันความเป็นส่วนตัวได้แล้ว ทุกคนก็จะเริ่มพูดคุยกันถึง ‘เรื่องสำคัญ’ ของวันนี้
พวกเราทั้ง 3 คนมองไปยังท่านแองเจิ้ลอย่างพร้อมเพรียงด้วยสายตาเยือกเย็น
“…พวกเจ้าทั้ง 3 คนเป็นอะไรไป ส่วนสำคัญของวันนี้ใกล้จะเริ่มแล้วนะ”
“ถ้าอย่างนั้น คู่ควงในงานเลี้ยงของท่านเรมิเลียมาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันล่ะคะ!!”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่นา… ข้าได้เอ่ยปากชวนแล้ว! …แต่เรมิเลียบอกว่านางมีชื่อเสียงที่ไม่ดีในประเทศนี้ จึงไม่ควรเปิดเผยว่าเป็นพันธมิตรกับโลกปีศาจก่อนช่วงเวลาสำคัญ…
“แล้วตอนนั้นท่านพูดเชิญเธอในฐานะคนรักหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจคะ? กรุณาตอบมาตามตรงด้วย!”
ข้าถามไปตรงๆ และท่านแองเจิ้ลก็หลบสายตาเหลือบมองไปทางอื่นอย่างช้าๆ
“นั่นไง… ตอนที่ให้ชุดกับเครื่องประดับก็เหมือนกัน แบบนี้มันไม่เอาเปรียบอีกฝ่ายมากเกินไปหน่อยเหรอ?”
“…นั่นมันเอาไว้กันพวกแมลง… ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้มีอะไรมากวนใจเรมิเลียก่อนเธอจะบรรลุเป้าหมาย และที่สำคัญ ข้าไม่อยากตัดทางเลือกในอนาคตของเรมิเลีย…”
“พูดแบบนี้อีกแล้ว ท่านพี่ทั้งขี้ขลาดทั้งเห็นแก่ตัว แน่นอนว่าหลังจากเปิดเผยความจริงได้สำเร็จ เจ้าชายนั่นจะต้องอยากได้ตัวคุณเรมิเลียคืนแน่ แต่คิดว่าเธออยากจะกลับไปหาอดีตคู่หมั้นใจดำคนนั้นอีกเหรอ?”
“…อึก”
เมื่อถูกกดดันจากทุกคน ท่านแองเจิ้ลก็ลุกเดินไปที่หน้าต่างอย่างเงียบๆ ก้มหน้ากอดอกมองไปที่สวนของพระราชวังภายใต้แสงจากดวงอาทิตย์ที่ใกล้ตกดินและทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ให้บรรยากาศเคร่งขรึม
คนรับใช้ของวังหลวงกลับมาหลังจากเตรียมการพร้อมแล้ว พวกเขาคงเห็นเป็นราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ก้มมองเบื้องล่างด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ใครจะไปรู้ว่าความจริงแล้วคนคนนี้ก็แค่เถียงไม่ออกจึงได้หนีไปหลบมุมอยู่เงียบๆคนเดียว
พูดตามตรง… ข้าอยากให้ทั้งสองเดินควงแขนเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยกันอย่างโดดเด่น… ข้าก็เข้าใจความกังวลของท่านเรมิเลีย แต่เมื่อคิดว่ามันจะทำให้มกุฎราชกุมารวิลเลียดเชื่อว่าตัวเขาเอง ‘ยังมีโอกาส’ ก็ทำให้ข้ารู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ
ต้องแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าท่านเรมิเลียกับท่านแองเจิ้ลเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันเพียงใด และทั้งสองรักกันมากเพียงใด ปิดกั้นความหวังของคนที่คิดอยากครอบครอง… ข้าจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นคิดว่าการได้ตัวเธอกลับคืนมาเป็นเรื่องง่ายๆ
พวกเขาตัดสินท่านเรมิเลียกันตามอำเภอใจ ด้วยข้อหาที่สรุปกันเอง ข้ารู้ว่าพวกเขาจะต้องคิด ‘เธอจะยกโทษให้อย่างแน่นอน’ แต่ข้าจะไม่มีวันให้อภัยทุกคนรวมถึงอดีตคู่หมั้นของข้า พวกผู้ชายที่หลงมัวเมาในความรู้สึก ‘อยากให้เธอหึง’ จนเกินพอดี
ข้าจึงอยากให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังตั้งแต่แรก โดยทำให้ได้รู้กันอย่างชัดเจนไปพร้อมๆกันว่า ‘ท่านเรมิเลียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อหาที่ใส่ร้ายเธอ และเธอมีคนรักใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว’ ชิ น่าเสียดาย
ตอนนี้ข้าแทบไม่อยากเชื่อเลย ว่าคนคนนี้เป็นคนเดียวกับชายที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด วางแผนชั่วร้ายอย่างสนุกสนานเพื่อเปิดโปงความผิดของหญิงสาวแห่งดวงดาวกลางงานเลี้ยงด้วยกัน
ในที่สุด งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น พวกข้าเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินเข้ามาในงานเพราะเป็นแขกลำดับสูงสุด โดยที่ทูตและราชวงศ์จากประเทศอื่นๆก็ยังต้องเข้ามารออยู่ก่อน เมื่อประตูเปิด บุคคลสำคัญของโลกปีศาจกับผู้ติดตามก็เดินเรียงเข้ามา ตามติดทั้งซ้ายและขวาเป็นรูปหัวลูกศร ราชาปีศาจเดินนำอย่างองอาจน่าเกรงขาม ข้าสังเกตเห็นผู้ที่มีสัมผัสไวต่อเวทมนตร์บางคนถึงกับเข่าอ่อนแต่ก็อดทนไว้ได้และค้อมศีรษะคำนับ
องค์ราชาของประเทศนี้กล่าวต้อนรับราชาปีศาจด้วยใบหน้าแข็งทื่อ บางทีอาจรู้สึกกดดัน ข้าเคยคิดว่าพระองค์เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่แม้จะมีบางครั้งที่เลือดเย็นไปบ้าง ข้าสงสัยว่าทัศนคติของข้าที่มีต่อองค์ราชาเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหน อาจเป็นตอนที่ข้าได้พบกับผู้ที่คู่ควรแก่การรับใช่ หรือองค์ราชาได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
ต่อให้ไม่ต้องหันไปมอง ข้าก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของคนที่จำข้าได้ พวกเขาส่งเสียงพึมพำตั้งแต่ทางเข้า หืม แม้แต่ครอบครัวของข้าก็ยังลืมตัว ทั้งที่พวกเขาควรรักษาความสงบในงานเลี้ยงอันแสนสำคัญนี้
แม้พวกเขาไม่สามารถขยับตัวออกจากพื้นที่ แต่พวกเขาก็มองตามข้าอย่างตกตะลึง
ขุนนางแทบทั้งหมดไม่สามารถละสายตาออกจากเครื่องดื่มในมือ องค์ราชาก็เช่นกัน แต่ก็ยังยังหักห้ามใจไม่แสดงออกอย่างเปิดเผยและกล่าวทักทายราชาปีศาจอย่างเป็นมิตร ถึงจะสูงวัยแต่ก็มากประสบการณ์จึงวางตัวได้สมเป็นราชา
แม้แต่นายกรัฐมนตรีจอมเจ้าเล่ห์ก็ยังไม่คิดจะปิดบังความหลงใหลในไวน์ลิลินที่เชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะและรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้หลากหลาย
และอันที่จริง ท่านเรมิเลียก็เป็นหนึ่งในผู้คิดค้นไวน์ลิลินชนิดพิเศษที่มีประสิทธิภาพสูงนี้อีกด้วย สมแล้วที่เป็นนักบุญผู้เมตตา นักปกครองผู้ปรีชา จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ และนักประดิษฐ์ผู้มากความสามารถ คนพวกนี้จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตในผู้มีพรสวรรค์ที่พวกเขาทำหลุดมือ
ข้าเอื้อมมือรับแก้วเครื่องดื่มที่บริกรนำมาแจกจ่าย ทุกคนจะได้รับอย่างน้อยคนละ 1 แก้ว ไม่เพียงแค่แขกที่อยู่ในงานเท่านั้น แต่มันยังถูกมอบให้กับเจ้าหน้าที่ คนรับใช้ ไปจนถึงเวรยามทุกคนที่อยู่ในปราสาท ตามมารยาทแล้วไม่มีใครปฏิเสธบรรนาการแม้พวกเขาจะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ตาม และทุกคนก็ดูเหมือนจะยินดีเป็นอย่างยิ่งในเรื่องนี้ อีกครั้งที่ท่านเรมิเลียแสดงน้ำใจอันยิ่งใหญ่แม้แต่กับประเทศที่เคยหักหลังเธอ…
ข้าเคยคิดว่าทุกคนจะรู้สึกกังวลกับรสและกลิ่นของเครื่องดื่มนี้ เพราะมันเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากโลกปีศาจ แต่เท่าที่เห็น หลังจากนี้มันจะเป็นเครื่องดื่มชั้นเลิศสำหรับผู้ชื่นชอบในรสแอลกอฮอล์ต้องหามาครอบครองให้ได้อย่างแน่นอน
หลังจากบทพูดอันยาวนานและน่าเบื่อที่เรียกว่าการกล่าวเปิดงานจบลงก็ถึงเวลาดื่มฉลอง แขกในงานต่างก็รอเวลานี้มานาน ทุกคนพร้อมใจกันดื่มเครื่องดื่มสีทองรวดเรียวจนหมด ผู้ที่มีปริมาณพลังเวทสูงบางคนเริ่มส่งเสียงแปลกๆและร่างกายของพวกเขาก็เปล่งประกายจางๆ
พวกนั้นคงมีโรคประจำตัวอะไรบางอย่าง ขุนนางระดับสูงที่ได้รับการรักษาโรคเรื้อรังต่างก็โห่ร้องให้กับผลลัพธ์อันน่าทึ่ง
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน เมื่อท่านแองเจิ้ลกล่าวถึงสรรพคุณพิเศษอีกอย่างหนึ่งของเครื่องดื่ม องค์ราชาก็แสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนี้พวกเขาจะถูกข้า…ถูกท่านแองเจิ้ลชักจูงให้ดำเนินเรื่องไปตามแผนของพวกเรา ว่ากันตามตรง ข้าเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเตรียมตัวมาพร้อมแค่ไหนก็ไม่มีทางตั้งตัวได้ทันแน่!
“ท่านราชาปีศาจ!”
นี่เธอกำลังเข้าใจผิดหรือคิดอะไรอยู่… ถึงได้วิ่งเข้ามาพร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริงแบบนั้น
น่าจะเป็นตอนที่องค์ราชากับมกุฎราชกุมารถูกถามถึง ‘บางสิ่งที่รู้สึกหมดความสนใจไปเฉยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รู้สึกหลงใหลอย่างไร้เหตุผล’ หลังจาก ถอนคำสาปด้วยไวน์ลิลินสำเร็จแล้ว และทั้งสองดูเหมือนจะคิดถึงคนคนเดียวกันจึงได้หันไปมองหญิงสาวแห่งดวงดาวพร้อมกัน
นั่นสินะ… เธอคงคิดว่า ‘ถูกราชาปีศาจสังเกตเห็นและให้ความสนใจ จากนั้นจึงพูดอะไรบางอย่างกับองค์ราชา’ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงข้าก็อยากกุมขมับเหลือเกิน อะไรมันจะหลงตัวเองจนเข้าใจผิดได้ขนาดนี้
และตอนที่ท่านแองเจิ้ลพูดจาดูถูกไปว่า ‘เป็นเครื่องประดับ’ เธอก็ยังตีความออกมาว่า ‘อยากได้ตัวไปประดับ’ ด้วยท่าทางเขินอาย
ก่อนหน้านี้ข้ามีแต่ความโกรธเกลียดให้กับผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นความสมเพชจนรู้สึกอายแทน
MANGA DISCUSSION