อัศวินผู้ทรงเกียรติ 3
“ชิ ไอ้เจ้าราชาปีศาจจอมโลเลคนนี้ คิดจะให้ท่านเรมิรอถึงเมื่อไหร่…!!”
ข้าบ่นด้วยความไม่พอใจ… ขณะมองส่งท่านเรมิเลียที่ออกไปเยี่ยมเยียนหมู่บ้านในดินแดน หรืออันที่จริง มันได้เติบโตจนกลายเป็นเมืองไปแล้ว
อีกไม่นานทางประเทศจะมีการจัดงานเลี้ยงสานสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศนี้กับโลกปีศาจ
ผู้นำสูงสุดแห่งโลกปีศาจ ท่านราชาปีศาจแองเจิ้ล ได้รับเชิญเป็นแขกหลักของงาน เขาได้เลือกท่านเรมิเลียเป็นคู่ควงสำหรับงานเลี้ยง แต่ท่านเรมิเลียกลับถูกบอกให้เข้าใจว่าเธอไปในฐานะ ‘หุ้นส่วนทางธุรกิจ ตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบและอุปกรณ์เวทมนตร์จากโลกปีศาจ’ เพราะเขาไม่กล้าแสดงออกถึงความรู้สึกในใจที่มีให้กับเธอ
แม้แต่เหล่าน้องๆของท่านแองเจิ้ล ท่านคลิมกับท่านมิซารี่ ก็ยังคะยั้นคะยอเขา ‘รีบทำให้กลายเป็นคนรักอย่างเป็นทางการสักที’
แต่เขามักจะมีข้ออ้างในทุกๆครั้ง
‘เรมิเลียกำลังยุ่งอยู่กับปัญหาทางบ้านเกิด เอาไว้ให้ทุกอย่างจบลงอย่างเรียบร้อยก่อน’
‘ถ้าเรมิเลียยังมีใจให้กับอดีตคู่หมั้น ข้าก็จะกลายเป็นอุปสรรค์ขัดขวางความสุขของเธอ ข้าอยากให้เธอตัดสินใจเลือกคู่ชีวิตด้วยความปรารถนาของตัวเธอเอง’
และปล่อยให้ค้างคาต่อไป
‘ยังไม่ถึงเวลา’ แล้วมันทำไม! ก็แค่ขี้ขลาดจนไม่กล้าพูดออกไปสักที!!
ทั้งที่เรื่องงานก็ตัดสินใจเด็ดขาดต่อหน้าทุกคนได้แท้ๆ แต่พอเป็นเรื่องส่วนตัวก็เอาแต่อ้อมค้อม คิดมาก ขี้ระแวงไม่เข้าเรื่อง!!
“แล้วยังคอยกันท่าไม่ให้ผู้ชายคนอื่นใกล้ชิดกับเธอด้วยชุดที่สั่งตัดนั่นอีก นี่มันไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยเหรอคะ?! ท่านคลิมก็คิดเหมือนกันใช่ไหม!”
ข้าทุบโต๊ะเต็มแรง เหล้าในแก้วที่วางอยู่กระเพื่อมเล็กน้อย
แม้ในเมืองจะมีร้านเหล้า แต่ข้าที่เป็นผู้ติดตามคนสนิทของท่านเรมิเลีย กับท่านคลิมและท่านมิซารี่ที่เป็นถึงสมาชิกราชวงศ์ น้องของราชาปีศาจ ไม่ควรทำตัวสนิทสนมกันในที่สาธารณะ พวกเราอยู่ในคฤหาสน์หลังเล็กที่ใช้เป็นเรือนรับรองทูตจากโลกปีศาจ
“อย่างที่คุณโซเฟียว่านั่นแหละ ผมเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าท่านพี่จะขี้อายกับผู้หญิงที่แอบชอบแบบนี้ แล้วยังหาข้ออ้างหลอกตัวเองไปเรื่อย”
“ว่าแต่ แล้วตอนที่พี่เอาชุดไปให้ เธอไม่พูดอะไรบ้างเลยเหรอ? คุณเรมิเลียยังไม่สงสัยว่ามันคือการบอกรัก และเธอก็รับไปโดยไม่ว่าอะไร….”
นี่คงหมายถึงชุดที่ท่านเรมิเลียเอามาลองใส่ให้ดูในตอนนั้น ดูท่าทางเธอจะชอบเสียด้วย
ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มที่ออกแบบให้ดึงเสน่ห์ของท่านเรมิเลียออกมาให้มากที่สุด จุดเด่นของชุดนี้คือสีที่ไล่ระดับความเข้มจากบนลงล่างจนเป็นสีดำที่ชายกระโปรง ซึ่งเหมือนกับสีเส้นผมของท่านแองเจิ้ล และมีการเย็บปักลวดลายอย่างประณีตด้วยเส้นด้ายสีทอง สีดวงตาของท่านแองเจิ้ล ไม่มีการประดับประดาเกินความจำเป็น แต่เต็มเปี่ยมคุณภาพและความพิถีพิถันในการตัดเย็บอย่างเห็นได้ชัด
น่าโมโหที่เขาเข้าใจท่านเรมิเลียดีขนาดเตรียมชุดที่เธอชอบและดูเหมาะกับเธอได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้
“ดูเหมือนท่านเรมิเลียจะรู้ว่าวัฒนธรรม ‘คู่รักสวมใส่สีของกันและกัน’ ไม่เป็นที่รู้จักในโลกปีศาจ… ส่วนเรื่องที่มันเป็นสีของท่านราชาปีศาจก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
“เดี๋ยวสิ …จะบอกว่าคุณเรมิเลียไร้เดียงสาขนาดนั้นเลยเนี่ยนะ?! แต่คิดๆดูแล้วมันก็เป็นไปได้เหมือนกัน…”
“แต่ท่านพี่ก็คงไม่บอกอะไรเลยจริงๆนั่นแหละ…”
ทั้งสองพูดแล้วถอนหายใจ ข้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน
การที่คู่รัก ‘สวมใส่สีของกันและกัน’ นั้น เป็นที่รู้จักกันในประเทศนี้ แต่สำหรับเผ่าปีศาจ สีของเส้นผมจะมีแค่สีดำกับโทนสีน้ำตาล ไม่มีความหลากหลาย และสีของดวงตาของปีศาจจะเปลี่ยนไปเมื่อใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลัง
ออ สำหรับท่านราชาปีศาจแองเจิ้ลที่มีเส้นผมสีน้ำเงินเข้มไล่สีจนเป็นสีดำ ถือเป็นข้อยกเว้นของผู้ที่มีพลังเวทแข็งแกร่งกว่าปีศาจทั่วไป
นอกจากนั้น ท่านเรมิเลียก็มีเส้นผมสีทองและดวงตาสีฟ้าเข้ม เธออาจคิดว่าชุดนั้น ‘ออกแบบมาให้เข้ากับสีตาและสีผมของตัวเอง’ ส่วนสีดำที่อยู่ด้านล่างของชุดเป็นสีมาตรฐานสำหรับโลกปีศาจ
และที่ยิ่งกว่าการมอบสีของดวงตาและเส้นผมให้ก็คืออัญมณีเวทมนตร์ที่เขาทำขึ้นมาเองก็ได้ถูกให้ไปในช่วงเดียวกัน การนำไปทำเป็นเครื่องประดับและมอบให้กันนั้น ถ้าไม่ได้หมายถึงการขอแต่งงานก็เป็นการมอบให้คนในครอบครัว
หากพูดถึง ‘สีของคนคนนั้น’ ในโลกปีศาจ มันจะไม่ได้หมายถึงสีของเส้นผมผมหรือสีดวงตา แต่เป็นสีของอัญมณีเวทมนตร์ที่เป็นสีประจำตัวของบุคคลดังกล่าวจริงๆ มีความโปร่งใส แวววาว หรือชั้นหินที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดังนั้น ปีศาจที่ได้เห็นอัญมณีเวทมนตร์ชิ้นนั้นจะสามารถระบุชี้ชัดได้ว่า ‘มันถูกแปรรูปโดยใคร’ ‘ปีศาจที่ทำขึ้นมาใส่ใจมากแค่ไหน’ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นของขวัญที่เหมาะกับการมอบให้คนพิเศษเช่นคนรักหรือคนในครอบครัว… ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นปัญหา
“เดี๋ยวก่อน คุณเรมิเลียใส่เครื่องประดับที่ทำจากอัญมณีเวทมนตร์ของพี่ด้วยใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นมันก็เหมือนกับการ…”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น… มันเป็นวัฒนธรรมที่ท่านเรมิเลียไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งมารู้ในภายหลังในตอนที่มีผู้หญิงจากเผ่าปีศาจคนหนึ่งมาบอกถึงความหมายของมัน…”
“ถ้าอย่างนั้นก็รู้แล้ว?”
“เพราะรู้ว่าวัฒนธรรมต่างกัน คนที่ให้ไม่บอกอะไร คนที่รับก็คงไม่คิดอะไรเหมือนกัน…”
ทุกคนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง จะโทษท่านเรมิเลียก็ไม่ได้ เพราะเธอเป็นคนหัวช้าเรื่องความรัก ไม่ว่าจะมีผู้ชายเผ่าปีศาจมากมายพยายามเข้าหาในตอนที่เธอออกแก้ไขปัญหามลพิษทั่วโลกปีศาจ ไม่ว่าท่านแองเจิ้ลจะแสดงความเป็นเจ้าของออกมาอย่างชัดเจน(ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มคบหากันด้วยซ้ำ) ท่านเรมิเลียก็ยังไม่รู้สึกถึงเรื่องรักๆใคร่ๆจากพวกเขาแม้แต่น้อย… แต่ไหนแต่ไร ท่านเรมิเลียไม่เคยสังเกตเห็นว่ามีคนใกล้ตัวแอบหลงรักมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว การเมินเฉยในเรื่องรักใคร่ของคนที่มาแอบหลงรักก็คงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเธอเช่นกัน โทษเธอไม่ได้จริงๆ
ใช่แล้ว เป็นความผิดของผู้ชายไม่ได้เรื่องที่ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆสักที ยิ่งไปกว่านั้น เพราะรู้ว่าท่านเรมิเลียหัวช้าในเรื่องพวกนี้ จึงได้ฉวยโอกาสให้ของขวัญที่เอาไว้กีดกันผู้ชายคนอื่นไม่ให้เข้าใกล้เธอ ทำถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมบอกกับเธอใช้ชัดเจน …ถ้าข้าเผลอด่าไปก็คงช่วยไม่ได้
“แต่ว่า… สำหรับผมก็ดูเหมือนคุณเรมิเลียจะสนใจในตัวท่านพี่อยู่เหมือนกัน และเขาก็ยังไม่รู้ตัว”
“นั่นแหละ คือประเด็นสำคัญ”
“ไม่ไหวเลย ทั้งที่เข้ากันได้ดีขนาดนี้… ยังจะทำยืดเยื้อให้น่ารำคาญไปทำไม?”
พวกเรา 3 คนถอนหายใจพร้อมกันอีกครั้ง
“…ข้าก็แค่อยากให้ท่านเรมิเลียได้พบกับความสุขเท่านั้น”
“! เรื่องนั้น…พวกเราก็เหมือนกัน ผ่านๆมา ท่านพี่ต้องผ่านความทุกข์ยากมากมายเพราะหน้าที่ของราชาปีศาจ ผมก็อยากให้หาความสุขให้ตัวเองบ้าง”
“ข้าน่ะรักท่านเรมิเลียจากใจจริง และผู้ชายคนนั้นก็สามารถทำให้ท่านเรมิเลียมีความสุขได้มากกว่าใคร… และที่สำคัญที่สุด เขาก็เป็นคนที่ท่านเรมิเลียรักด้วยเช่นนั้น”
“เข้าใจดีเลยล่ะ…! หากพูดถึงคนที่จะทำให้ท่านพี่มีความสุข ก็คิดเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากคุณเรมิเลีย คนที่รักท่านพี่ และเป็นผู้หญิงที่ท่านพี่ตกหลุมรัก ไม่ว่าจะมองยังไงก็ต้องเป็นคู่นี้…!”
พวกเราไม่ได้ชอบจุ้นจ้านเรื่องของคนอื่น แต่เพราะต้องการให้คนที่รักได้พบกับความสุข และความสุขที่ว่านั้นก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม ก็อยากให้คว้ามันมาครอบครองสักที
“ท่านคลิม! ไหนๆก็คุยกันถูกคอ…วันนี้มาดื่มต่อกันเถอะ! มาวางแผนให้ท่านแองเจิ้ลมีความคืบหน้าก่อนงานเลี้ยงที่จะมาถึงให้ได้”
“เห็นด้วย! เพราะเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องขนาดนี้! ถึงต้องรีบทำให้เป็นฝั่งเป็นฝา พวกเราจะได้หมดห่วงเสียที…”
ท่านคลิมกับท่านมิซารี่รักและเชิดชูพี่ชายคนนี้มาก เป็นพี่น้องที่น่าอิจฉาจริงๆ… ถ้าพี่ชายของข้าเป็นอย่างท่านแองเจิ้ลได้ก็คงดีไม่น้อย
พวกเขาเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันดีเหลือเกิน
“ท่านเรมิเลียเป็นสิ่งที่มีไว้สำหรับยกย่องบูชา ไม่ใช่สำหรับให้คนที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้คาดหวังในความรักโดยตรง… เพราะเป็นคนดีถึงได้เป็นมิตรกับทุกคน”
“แน่นอน ผมเองก็รู้สึกชื่นชมคุณเรมิเลียที่ช่วยเหลือเผ่าปีศาจทุกคนรวมถึงท่านพี่ แต่ก็ไม่เคยคิดอะไรที่เกินเลยไปกว่านั้น แต่ถ้าอยู่ในระดับเดียวกับพี่ล่ะก็ อาจจะรู้สึกว่าคู่ควรก็ได้”
“ใช่แล้ว! พวกผู้ชายที่พยายามเอาชนะใจคุณเรมิเลียพวกนั้นไม่ได้ดูตัวเองเลยสักนิด!”
การประชุมแผนการดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น เพื่อให้เปิดตัวอย่างเป็นทางการก่อนจะถึงวันงานเลี้ยง…!
พวกเราทั้ง 3 ปรารถนาสิ่งเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพียงใด คอยดูให้ดีเถอะ มกุฎราชกุมารหัวใจมืดบอด เคลือบแคลงในตัวท่านเรมิเลียจนหักหลังเธอ ข้าจะไม่ยอมคนพวกนั้นมีโอกาสได้ตัวเธอกลับไปใช้หาผลประโยชน์อีกครั้งแน่!
การสนทนาดำเนินต่อไปจนท้องฟ้ามืด มีการปรึกษาวางแผนร่วมกันมากมาย… คืนนั้นข้านอนหลับฝันเห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขของท่านเรมิเลีย
ขณะที่หลับอย่างสบายใจ ในตอนนั้น ข้าไม่รู้เลยว่าแผนการทั้งหมดที่ทุกคนช่วยกันคิดขึ้นมา ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขความไร้น้ำยาของท่านแองเจิ้ลได้
MANGA DISCUSSION