ตอนที่ 22 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 1
อัศวินผู้ทรงเกียรติ 1
สำหรับข้า เดวิดคือ ‘น้องชายงี่เง่าที่เกลียดไม่ลง’ และสำหรับเขา ข้าคือ ‘พี่สาวจู้จี้ขี้บ่น’ พวกเราอาจสร้างครอบครัวที่ดีร่วมกันได้ แต่ก็ไม่เคยทำอะไรที่สมเป็นคู่หมั้นกันเลย หากไม่ใช่ความคาดหวังของพวกผู้ใหญ่ ข้าก็ไม่มีความสนใจในตำแหน่งนี้
ถึงเดวิดจะหมั้นกับข้า แต่เขาก็มีนางในดวงใจเป็นหญิงอื่นอยู่แล้ว
เขาไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็มีคนรอบข้างจำนวนหนึ่งที่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเดวิด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครพูดออกมา
อาจดูเหมือนคู่หมั้นนอกใจ… แต่ข้าก็ไม่มีความรู้สึกโกรธเคืองหรือหึงหวงแม้แต่น้อย รู้สึกโล่งอกด้วยซ้ำที่ไม่ต้อง ‘สร้างความสนิทชิดเชื้อในฐานะคู่รัก’ ตัวข้าคงไม่เหมาะกับเรื่องรักๆใคร่ๆระหว่างชายหญิงจริงๆ
เป็นเรื่องยุ่งยากมากขึ้นเมื่อผู้หญิงที่เดวิดหลงรักเป็นถึงว่าที่ราชินีของประเทศนี้ คุณเรมิเลีย คู่หมั้นของมกุฎราชกุมารวิลเลียด… หญิงสาวผู้สูงส่งที่ข้าซึ่งมาจากตระกูลอัศวินอยากถวายตัวรับใช้ เป็นดาบให้กับคนผู้นั้นสักวันหนึ่ง และอัศวินผู้แอบซ่อนความรักที่มีต่อราชินีที่ตนต้องปกป้องนั้น เป็นเรื่องราวที่สวยงาม เหนือสิ่งอื่นใด ว่าที่ราชินี เรมิเลีย เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบที่สุด
น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยได้พูดคุยกับเธอโดยตรงนอกจากการทักทายทั่วไป เพราะข้าเป็นขุนนางสายอัศวิน จึงแทบไม่ได้ร่วมงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์เพื่อสร้างเส้นสายเหมือนชนชั้นสูงทั่วไป และอัศวินหญิงที่มีจำนวนไม่มากก็มักถูกขอให้ช่วยคุ้มกันคุณหนูที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เป็นส่วนใหญ่ จึงมีโอกาสพบกับเธอเพียงไม่กี่ครั้ง
ดังนั้น ช่วงเวลานัดพบสร้างสัมพันธ์ระหว่างคู่หมั้นส่วนใหญ่จะถูกใช้เพื่อให้ข้าได้ฟังข่าวคราวเกี่ยวกับคุณเรมิเลียจากเดวิดให้มากที่สุด แน่นอนว่าข้าติดตามข่าวสารจากช่องทางอื่นเช่นกัน แต่ก็ยังอยากได้ยินจากคนใกล้ชิดโดยตรงมากกว่า
ตั้งแต่ยังเล็ก เขาถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายของเขามาโดยตลอด ผู้ที่ถูกเรียกว่าเซียนดาบ โชคดีที่เขาได้รู้จักกับคุณเรมิเลีย ทำให้ได้พบกับความเป็นไปได้ที่ตัวเขาจะแข็งแกร่งขึ้นในฐานะนักดาบเวท เพื่อเป้าหมายสำคัญ และได้สร้างชื่อให้กับตนเองจนถึงตอนนี้
ได้ยินมาว่า เขาน้อยใจที่ถูกนำไปเปรียบเทียบแม้แต่กับเด็กผู้หญิงอย่างคุณเรมิเลียที่ถูกชื่นชมในฐานะนักเวทผู้มากความสามารถ จึงได้คิดหนีออกจากบ้านไปฝึกตน จนกระทั่งถูกเธอตามไปลากตัวกลับมาที่บ้าน… ข้าไม่รู้รายระเอียดเรื่องที่ทั้งสองได้คุยกันในวันนั้น แต่เขาก็สงบเสงี่ยมมากขึ้นเพราะ ‘ความทรงจำอันล้ำค่า’ ที่ได้รับมาในวันนั้น เขาได้พูดกับข้าเกี่ยวกับเป้าหมายของเขา เป็นเรื่องน่ายินดีในฐานะอัศวินที่สามารถเดินบนเส้นทางของตัวเองได้โดยไม่ถูกผูกมัดด้วยชื่อเสียงของพี่ชายของเขา
ทุกครั้งที่ข้าได้ยินเกี่ยวกับผลงานของคุณเรมิเลียก็รู้สึกตื้นตันจนคิดว่า ‘ข้าปรารถนาจะรับใช้นายหญิงที่วิเศษเช่นนี้’ เธอเป็นผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายอย่างที่ไม่มีใครเคยคิดได้ นำเสนอระบบพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนที่ใช้ได้ผลจริง คิดค้นเวทมนตร์ชนิดใหม่ที่ไม่หวังผลทำลายล้าง แต่เพื่อช่วยเหลือการใช้ชีวิตประจำวันให้สะดวกสบาย เป็นการยกระดับจอมเวทให้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และไม่สนับสนุนการผูกขาดเวทมนตร์รักษา ซ้ำยังช่วยส่งเสริมการแพทย์ที่ไม่ต้องพึ่งพาเวทมนตร์ จนทุกคนสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลที่ไม่ต้องอาศัยเวทมนตร์ได้โดยง่าย
ข้าแทบอดใจรอไม่ไหว ในอนาคตผู้คนจะกล่าวถึงเธอว่าอย่างไร จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ นักปราชญ์ นักบุญ หรือนักปกครองผู้ปรีชา ชื่อไหนที่ประวัติศาสตร์จะจดจำ ข้าวาดฝันให้ตัวเองได้เป็นอัศวินข้างกายของคุณเรมิเลีย ผู้ที่ได้เป็นราชินี
เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณเรมิเลียจะสง่างามดูสูงส่งสมเป็นราชินีขนาดไหนในตอนที่มอบดาบให้กับข้า… หรือเธออาจจะพูดอย่างเป็นกันเองว่า ‘ฝากด้วยล่ะ’… คงจะดีไม่น้อยถ้าถูกเธอเรียกว่า ‘อัศวินแห่งข้า’ ดั่งฉากน่าประทับใจระหว่างอัศวินกับเจ้าหญิงในนิทานภาพ…
ในวันหนึ่ง อนาคตที่ข้าฝันไว้ เส้นทางอันสวยงามที่เคยตั้งเป้าว่าจะไปให้ถึงก็พังทลายลงด้วยข่าวลือที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน… เรมิเลียใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงหญิงสาวแห่งดวงดาว ทำเรื่องชั่วช้ามากมายลับหลังผู้คน แม้จะถูกตักเตือนก็ยังไม่รับฟัง ไม่ยอมรับความผิดและไม่คิดกลับตัว จนในที่สุดแม้แต่มกุฎราชกุมารก็เริ่มทนไม่ไหว…?
ทุกอย่างฟังดูขัดแย้งไปหมด คุณเรมิเลียที่ถูกพูดถึงในข่าวลือนั้นมีบุคลิกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่ลงมือกลั่นแกล้งสารพัด ตัวการของ ‘เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวแห่งดวงดาว’
ในฐานะคู่หมั้นแล้ว จะหึงหวงที่มีผู้หญิงเข้ามาติดพันกับมกุฎราชกุมารก็เข้าใจได้ แต่คนซื่อตรงอย่างคุณเรมิเลียก็น่าจะเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุยจนได้ข้อสรุปมากว่ากลั่นแกล้งลับหลัง
“…นี่ คุณหนูกราปเนอร์จะเป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันจริงๆเหรอ?”
“ทำไม…เรื่องพวกนั้นมันไม่น่าเชื่อตรงไหน?!”
ข้ายิ่งแปลกใจที่เดวิดขึ้นเสียงตอบกลับกับคำถามธรรมดาเช่นนี้ เหมือนกับสาวกลัทธิอะไรบางอย่างที่ถูกคนอื่นกังขาในตัวเทพเจ้าที่พวกเขาศรัทธา
ผ่านไปหลายเดือนที่ข้าถูกขอให้ติดตามองค์ราชินีไปปฏิบัติภารกิจในต่างแดน ระหว่างนั้นข้าไม่ได้รับข่าวคราวใดๆเลย แต่เรื่องภายในโรงเรียนเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างคู่หมั้นของมกุฎราชกุมาร เรมิเลีย กับ หญิงสาวแห่งดวงดาว รุนแรงจนถึงขั้นแตกหัก ข้ามีคำถามมากมายแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ ทำไมไม่มีการสืบสวนอย่างเป็นทางการ ทำไมไม่ส่งคนในวังไปจับตาดูคุณเรมิเลีย ทำไม่ไม่เพิ่มคนคุ้มกันให้หญิงสาวแห่งดวงดาว ทำไมกำหนดบทลงโทษขั้นรุนแรงกับปัญหาระหว่างนักเรียน
“เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา ฝ่าบาทใจดีพอที่จะไม่ทำให้เรื่องลุกลามบานปลายด้วยกำลังทหารหรืออำนาจศาล เพราะฉะนั้น พวกเราจึงตรวจสอบหลักฐานและบันทึกคำให้การจากพยานด้วยตัวเอง และคนโง่ที่บังอาจทำให้หญิงสาวแห่งดวงดาวผู้เป็นที่รักของทุกคนต้องร้องไห้ สมควรถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด”
ฟังดูไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ราวกับว่ามกุฎราชกุมารกับผู้ติดตามรวมถึงเดวิด ทั้ง 4 คนกำลังพยายามผลักดันให้แนวคิดเรื่อง ‘คุณเรมิเลียทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาวเพราะความหึงหวง’ ให้กลายเป็นความจริง
เห็นได้ชัดจากคำพูดของเดวิด ‘ถึงจะผูกพันกันในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก แต่คุณเรมิเลียก็ข้ามเส้นที่ไม่ควรข้ามไปแล้ว’
แม้ว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ แต่ในเบื้องหลัง ฝ่าบาทวิลเลียดก็วางแผนจะรับคุณเรมิเลียมาเป็นราชินีของเขาอีกครั้ง และทางราชวงศ์ต้องการบั่นทอนอำนาจของตระกูลดยุกกราปเนอร์ที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะผลงานของคุณเรมิเลีย หากคุณเรมิเลียถูกตัดออกจากตระกูล ขั้นต่อไปทางราชวงศ์ก็จะทำเรื่องให้เธอได้รับอภัยโทษและรับตัวมาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ เมื่อถึงจุดนั้น ทางราชวงศ์ก็จะได้สิทธิผูกขาดผลงานทั้งหมดของเธอ ไม่แน่ว่าเบื้องบนอาจช่วยจัดฉากให้เกิดการประณามนี้ด้วยก็ได้…? หากเป็นเช่นนั้น ผู้นำตระกูลดยุกกราปเนอร์คนปัจจุบันซึ่งถูกพูดถึงว่าขาดไหวพริบไม่สมกับตำแหน่ง ซ้ำยังยึดติดกับหน้าตาและชื่อเสียง ก็จะถูกหลอกให้ทิ้งห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ
ในเมื่อคำให้การของโจทก์และจําเลยไม่ตรงกัน ก็รู้แน่ชัดแล้วว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจตนาโกหก ถึงเดวิดจะบอกว่าหลักฐานถูกยืนยันจนแน่ชัดแล้ว… แต่ถ้าดูจากลักษณะนิสัยของเธอจากที่ผ่านๆมา ข้าไม่เชื่อว่าคุณเรมิเลียจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้น เดวิดกล่าวว่า ‘เธอคงไม่รู้ตัวว่ากำลังทำเรื่องผิดกฎหมาย’ แม้จะให้เหตุผลว่าหึงหวงจนหน้ามืดตามัวก็ตาม แต่มันจะทำให้คนคนหนึ่งก่อเรื่องสิ้นคิดได้ขนาดนั้นเชียวหรือ?
หากพูดถึงหลักฐาน… หลักฐานทุกชิ้นตามที่อ้างมา มันถูกจงใจวางไว้ในที่เกิดเหตุให้เห็นได้ชัด มีพยานหลายคนสามารถบอกเล่ารายละเอียดได้เป็นฉากๆ นั่นหมายความว่า คุณเรมิเลียต้องโง่ขนาดก่อเรื่องให้เด่นจนทุกคนสนใจ และวางหลักฐานทิ้งไว้ให้ด้วยตัวเองหลังจบเรื่อง
ข้าเข้าใจเรื่องราวมากขึ้นในตอนที่เดวิดบอกว่า ‘หญิงสาวแห่งดวงดาวไม่เคยกล่าวหาคุณเรมิเลียโดยตรงเลยสักครั้ง ทุกคนรู้ความจริงหลังจากเห็นเธอทำตัวผิดปรกติจึงเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง’ ข้าจึงมั่นใจในทันทีว่านี่คือการหลอกล่อชักจูงโดยไม่ให้อีกผ่ายรู้ตัว
…ตัวข้าเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักเรียนหญิงตั้งแต่สมัยที่เป็นนักเรียน น่าจะเป็นที่นิยมที่สุดในหมู่อัศวินฝึกหัดรวมถึงพวกผู้ชาย อาจเป็นเพราะส่วนสูงและใบหน้าที่คมเข้มมากกว่าอ่อนหวาน จึงได้รับ ‘บทเจ้าชาย’ มาอย่างง่ายดาย และสตรีชนชั้นสูงที่ยังไม่มีคู่หมั้นจะไม่มีผู้ติดตามเป็นบุรุษเพศให้เกิดข่าวลือเสียหาย ในกรณีนี้ ข้าซึ่งเป็นผู้หญิงจึงถูกทาบทามให้เป็น ‘อัศวินหญิงผู้คุ้มครอง’ อยู่บ่อยครั้ง
ข้าเคยออกเดทกับเพื่อร่วมชั้น รุ่นพี่ และรุ่นน้องที่โรงเรียนในบางครั้ง ไปไหนมาไหนด้วยกันในขอบเขตของอัศวิน แต่ผู้หญิงบางคน… แสดงความหลงใหลให้เล่นบทบาทของคนรักอย่างจริงจังทั้งที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ข้าขอโทษและปฏิเสธอย่างสุภาพ และหวังว่าพวกราจะเป็นเพื่อนที่ดีด้วยกันต่อไป แต่ก็ยังมีคนที่ยังไม่พอใจ
บางครั้งก็มีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อควบคุมสาวๆคนอื่นๆ คนที่เข้ามาสนิทสนมกับข้าก็จะถูกนินทา ‘พวกหน้าใหม่ อวดดีเหลือเกิน’ และเริ่มรักษาระยะห่าง ไม่มีการคุกคามอื่นให้เห็น แต่วิธีเหล่านี้ก็เลวร้ายกว่ามาก
เคยมีคนในกลุ่มมาพูดกับข้าว่า ‘ในฐานะที่เป็นเพื่อนของท่านโซเฟียเหมือนกัน ฉันก็อยากสนิทกับเธอคนนั้น แต่ดูเหมือนเธอจะเกลียดฉัน… น่าเสียดายเหลือเกิน’ แน่นอนว่าข้าต้องถามกลับ ‘เกิดอะไรขึ้น?’ ‘เขาทำอะไรเธอเหรอ?’ ซึ่งนำไปสู่ประโยคต่อไป ‘ฉันอาจเข้าใจผิดเองก็ได้ แต่…’ แม้ว่าข้าจะถูกยัดเยียดบทบาทเจ้าชาย แต่ข้าก็เป็นผู้หญิงที่ต้องเข้าสังคมกับสตรีในตระกูลขุนนาง จึงคุ้นเคยเรื่องการล่อหลอกด้วยมารยาหญิงอยู่บ้าง ดังนั้น ข้าจะไม่ตกหลุมพรางกับลูกไม้ตื้นๆพวกนี้
หากพิจารณาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเนื้อหาที่ถูกอบรมในฐานะสุภาพบุรุษกับสุภาพสตรี ก็มีโอกาสที่คู่หมั้นของข้าคนนี้จะหลงมารยาหญิงได้อย่างง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เขาเป็นถึงผู้ติดตามคนสนิทของว่าที่ราชาในอนาคต ก็ควรจะมีสามัญสำนึกกับเรื่องพวกนี้บ้าง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ ข้าลุกออกจากที่นั่งและเดินจากไปในทันที เพราะไม่อยากรับฟังคำพูดสบประมาทคุณเรมิเลียมากไปกว่านี้
แต่ข้าก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าอะไรคือความจริง ดังนั้นจึงเริ่มตรวจสอบด้วยตนเองอย่างไม่เป็นทางการ …ไม่สามารถสอบสวนอย่างเปิดเผยได้เพราะเป็นการคัดค้านคำตัดสินของมกุฎราชกุมารและราชวงศ์
หากมีคนถาม ข้าก็จะตอบว่า ‘มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ ที่ว่าที่ราชินีในอนาคตจะเป็นเช่นนั้น…?!’ และชี้ให้เห็นถึงสิ่งผิดปรกติขณะที่สอบถามคนอื่นๆถึงเรื่องนี้
โชคดีที่ในหมู่พยานมีรุ่นน้องที่เคยหลงใหลข้า เป็นคุณหนูจากตระกูลขุนนางระดับสูงที่มีสาวใช้ติดตามด้วยเสมอ ตราบใดที่เป็นผู้หญิง หากข้ารุกไล่สักหน่อยก็จะยินดีเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง เธอพูดเหมือนลังเล ‘…เรื่องนี้จะบอกแค่กับท่านโซเฟียเท่านั้นนะ’ จากนั้นก็เล่าความจริงให้ข้าได้ฟัง
ดังนั้น ข้าจึงได้รู้ถึงเบื้องหลัง ข้อหาที่คุณเรมิเลียกลั่นแกล้งทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ข้าสรุปได้ทันทีหลังจากสอบถามคนที่เรียกว่าเป็น ‘แฟนคลับ’ ของข้า เพียงแค่ 3 คน ทั้งหมดมาจากสังกัดตระกูลและชั้นปีที่ต่างกัน แต่ทั้งหมดก็พูดในเรื่องที่คล้ายกัน พวกเธอไม่ได้ถูกขอให้ ‘โกหกเพื่อหญิงสาวแห่งดวงดาว’ โดยตรง แต่พูดอย่างอ้อมค้อมให้คิดว่า ‘อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้…’
ข้ออ้างที่ได้รับก็เหมือนกัน ‘ใครๆก็รู้ว่าหญิงสาวแห่งดวงดาวต้อนทนทุกข์กับสิ่งที่ท่านเรมิเลียทำขนาดไหน’ ‘คนอื่นๆก็พูดเหมือนกัน แล้วยังมีหลักฐานอีกด้วย’ ‘อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเธอ’
และเรื่องที่ถูกขอให้พูดก็มีหลายอย่าง
ความจริงจะมีแค่ เธอเข้าไปหาหญิงสาวแห่งดวงดาวที่เห็นว่าก้มหน้าร้องไห้อยู่คนเดียวในมุมหนึ่งของสวน เมื่อส่งเสียงทัก อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา ‘คุณหนูกราปเนอร์เหรอ…?! ต้องการอะไรอีก… ฉันขอโทษ ได้โปรด หยุดเถอะ’ เมื่อสอบถามก็ได้ความว่า ถูกบุตรีดยุกกราปเนอร์เรียกตัวมาที่นี่เพื่อตบตีอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอก็ได้ขอให้คนรับใช้ไปตรวจดูรอบๆว่าคุณหนูกราปเนอร์ยังอยู่แถวนั้นหรือไม่ ขณะปลอบหญิงสาวแห่งดวงดาวที่ยังร้องไห้อยู่
ถ้าจำไม่ผิด คดีนี้มีหลักฐานเป็นจดหมายประทับตราตระกูลกราปเนอร์ที่มีเนื้อหาออกคำสั่งให้หญิงสาวแห่งดวงดาวไปที่นั่นในเวลาดังกล่าว และบันทึกจากนักเรียนที่เป็นพยานให้การว่าได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนด่าใครบางคนที่สวนในเวลาเดียวกัน และคนคุ้มกันกับสาวใช้ส่วนตัวของบุตรีดยุกก็พูดเหมือนกันว่าถูกสั่งให้ ‘รออยู่เฉยๆ ไม่ต้องตามไป’ ในวันเกิดเหตุ
ยิ่งไปกว่านั้น นักเรียนหญิงผู้ที่เป็นแฟนคลับของข้าได้สารภาพว่าเธอได้สั่งให้สาวใช้ของเธอโกหกในคำให้การไปว่า ‘เห็นผู้หญิงผมบลอนด์อยู่แถวนั้นจากที่ไกลๆ’ เพราะความสงสาร ไม่อยากปล่อยให้คนชั่วลอยนวล และสาวใช้คนนั้นก็ให้ความร่วมมือเพราะสนับสนุนผู้ที่ไต่เต้ามาจากสามัญชน แต่ข้าสังเกตเห็น คำพูดของเธอแฝงไว้ด้วยความอิจฉา เพราะคุณเรมิเลียมักถูกเรียกว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ ผู้หญิงคนนี้กำลังสนุกที่ได้ชี้ให้เห็นว่า ‘สุดท้ายก็เป็นคนขี้หึงธรรมดาที่ทำอะไรโง่ๆได้เหมือนกัน เห็นไหมล่ะ’
การโกหกโดยเจตนานี้จะกลายเป็นส่วนประกอบในคดี ‘คุณเรมิเลียทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาว’ ได้อย่างแยบยล การโกหกเล็กๆน้อยๆที่แต่ละคนพูดออกมานั้นจะถูกนำมารวมกันในที่สุด โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด เพราะคำว่าผู้หญิงผมบลอนด์ ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นใครทั้งนั้น ต่อให้ถูกจับได้ว่าโกหกก็จะมีข้ออ้างว่าไม่ได้เป็นการใส่ร้ายอยู่ดี
ในตอนที่เธอให้การกับมกุฎราชกุมารก็ได้โกหกไปอีกไปว่า ‘เพราะเสียงของพยานไม่กี่คนจะถูกบุตรีดยุกกราปเนอร์ใช้อำนาจปิดปาก จึงไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไป’
‘ต่อให้ไม่พูด ก็มีพยานคนอื่นอยู่ดี’ ‘เข้าข้างหญิงสาวแห่งดวงดาวที่ดูมีอนาคตก็ต้องดีกว่าบุตรีดยุกกราปเนอร์ที่กำลังจะถูกทิ้งอยู่แล้ว’ ‘แม้แต่มกุฎราชกุมารยังเชื่อว่าคุณหนูกราปเนอร์เป็นคนร้ายจริง’ ดูเหมือนพวกเขาจะรู้ตัวว่าทำผิดแต่ก็ยังพยายามแก้ตัวขณะบอกเล่าความจริงกับข้า
ข้ายื่นเรื่องให้มีการรื้อฟื้นคดีเหล่านี้ใหม่โดยให้เหตุผลว่า สืบทราบมาว่าพยานหลายคนให้การเท็จ จำเป็นต้องสุ่มเลือกพยานมาสอบสวนอีกครั้ง นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งระหว่างนักเรียนอีกต่อไป มันคือการดูหมิ่นคู่หมั้นของมกุฎราชกุมาร ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายของอนาจักร เพราะฉะนั้น ควรให้มืออาชีพที่ถูกแต่งตั้งจากวังหลวง ทำการสอบสวนอีกครั้ง
แต่คำร้องของข้าก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี เพราะทางราชวงศ์เห็นเป็นเรื่องยุ่งยากที่ต้องรับมือกับฝ่ายมกุฎราชกุมารกับผู้สนับสนุน และฝ่ายดยุกกราปเนอร์ที่ได้กำไรมหาศาลจากสิ่งประดิษฐ์ของคุณหนูกราปเนอร์ที่ขายให้กับกองทัพ เพราะก่อนหน้านั้นคุณเรมิเลียผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์ไม่ยอมให้เกิดการผูกขาด และคดีนั้นเป็นที่สิ้นสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้าจึงไม่สามารถทำอะไรได้อีก
ข้าบอกกับพ่อและขอให้เขา ‘ยื่นฎีกา’ อย่างเป็นทางการ แต่ข้ากลับถูกเขาตบและบอกว่าอย่างทำเรื่องไม่จำเป็น… ส่วนแม่ก็ไม่เคยทำอะไรที่สมเป็นครอบครัวอยู่แล้วนอกจากทำตามคำสั่งพ่อ และพี่ชายที่มีนิสัยถอดแบบมาจากพ่อก็พึ่งพาไม่ได้ แม้พวกเราไม่ได้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นแต่ข้าก็เคยคิดว่าพวกเขาเป็นอัศวินที่น่านับถือ แต่พวกเขาได้แต่หลับตาทำตามคำสั่งโดยหันหลังให้กับความถูกต้อง
ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็เริ่มคิดถึงการสละยศถาบรรดาศักดิ์อย่างจริงจัง คู่หมั้นของข้าก็ยังหลงมัวเมาไปกับจินตนาการ ‘เพราะคุณเรมิเลียแอบมีใจให้ ถึงได้ทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาวด้วยความหึงหวง’ ไม่ว่าข้าจะพูดอะไรก็ไม่ฟัง เช่นเดียวกับมกุฎราชกุมารกับผู้ติดตามคนอื่นๆที่หลงตัวเอง ตัดสินเอาเองว่าคุณเรมิเลีย ‘หึงเพราะรัก’ จนไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนความเชื่อของพวกเขา พวกผู้ใหญ่รอบตัวก็ไร้ความสามารถ เอาแต่อ้างว่า ‘เพราะเมตตาจึงได้ไม่มีการสืบสวนอย่างเป็นทางการ’ พยานกับหลักฐานที่ว่าแน่นหนามันก็แค่บันทึกบนกระดาษ ไม่มีการตรวจสอบให้ถึงความจริงเพียงเพราะมันขัดต่อผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่ต่างกับครอบครัวของข้าที่สูญเสียเกียรติของอัศวินเพราะเลือกรักษาหน้าตามากกว่าคุณธรรม
ทิ้งมันไปให้หมด
ข้าขี่ม้าเดินทางไปยังดินแดนที่ถูกมอบให้คุณเรมิเลีย หลังจบงานคุ้มกันองค์ราชินีที่ออกปฏิบัติหน้าที่ทางการทูตเป็นเวลาหลายเดือน ข้าก็ได้รับวันหยุดยาว เพราะฉะนั้น ข้าจะใช้มันให้คุ้มค่า
เมื่อมาถึงที่หมาย ข้าแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง… สถานที่นี้คือดินแดนรกร้างสำหรับนำคนบาปมาปล่อยทิ้ง
เดวิดเล่าให้ฟังว่า มกุฎราชกุมารตั้งใจจะ ‘คืนตำแหน่งคู่หมั้นให้ หลังจากสำนึกผิดและกลับตัว’ …แต่ทางวังหลวงจะรู้หรือไม่ ว่าพวกเขาส่งเธอมายังสถานที่แบบไหน…?
หากเป็นเรมิเลียในอดีตก็จะสามารถใช้เงินทุนส่วนตัวและเส้นสายยกระดับคุณภาพชีวิตได้… แต่ข้ารู้มาว่าทั้งหมดนั้นถูกตระกูลดยุกยึดไปเป็นของตัวเองแล้ว เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูมาจนถึงตอนนี้ และเป็นค่าเสียหายที่เธอทำให้ตระกูลต้องอับอายจากการถูกราชวงศ์ถอนหมั้น… ถึงเบื้อหน้าจะประกาศออกมาเช่นนั้น แต่ทรัพย์สินทางปัญญาของคุณเรมิเลียก็เป็นแหล่งรายได้มหาศาลให้กับตระกูลดยุกกราปเนอร์มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
อันดับแรก ข้าไปเยี่ยมที่คฤหาสน์เจ้าของดินแดนซึ่งเป็นแค่บ้านธรรมดา ไม่น่าเชื่อเลยว่าอดีตบุตรีดยุกจะอาศัยอยู่ในที่แบบนี้ แม้จะเป็นแค่บ้านธรรมดาแต่ก็แตกต่างจากสิ่งปลูกสร้างอื่นอย่างชัดเจน เป็นอาคารที่ดูเด่นที่สุด บ้าน 2 ชั้น แม้จะเก่าแต่ก็ไม่มีร่องรอยผุพัง ข้าได้ยินข่าวลือตามเมืองระหว่างทางว่าเธอเลิกจ้างคนรับใช้จนหมดโดยให้เงินชดเชยจำนวนมากพร้อมคำขอโทษ เพราะไม่ต้องการให้พวกเขา ‘พัวพันกับปัญหา’ ความขัดแย้งของขุนนาง
การขอเข้าพบครั้งแรกล้มเหลว ข้ายืนรอที่หน้าคฤหาสน์อยู่นานจนมีชายคนหนึ่งมาบอกว่าคุณเรมิเลียไม่อยู่ น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอ หรืออาจเป็นเพราะเธอไม่พอใจการใช้ชีวิตในชนบท จึงเป็นเจ้าของดินแดนแต่ในนามและออกไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่…?
ความจริงแล้วคือ หมู่บ้านนี้ไม่มีเงินทุนพอจะพัฒนา คุณเรมิเลียจึงรับงานนักผจญภัยเป็นอาชีพเสริมเพื่อหาเงิน
ชายที่เรียกตัวเองว่า ตัวแทนหัวหน้าหมู่บ้าน เข้ามาต้อนรับข้า เชิญไปรอภายในบ้านหลังหนึ่งและชงชาสมุนไพรมาให้ จากนั้นเขาก็เล่าความเป็นมาของหมู่บ้านให้ฟัง เมื่อทำความเข้าใจได้ข้าก็ยิ่งประหลาดใจ นี่มันอะไรกัน…!
เรื่องที่เกิดขึ้นแตกต่างจากที่ข้าคาดเดาเอาไว้ในทางที่ดี ชาวบ้านกลุ่มนี้เป็นชาวสลัมกับคนไร้บ้านที่อพยพมาจากสถานที่ต่างๆรวมถึงเมืองหลวง เกินกว่าครึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ พวกเขาถูกเชิญและตัดสินใจมาด้วยความคิดที่ว่า ‘อยู่อย่างแร้นแค้นต่อไปจนตาย หรือจะคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะเล็กน้อยสักแค่ไหน’ จึงได้เสี่ยงดวงตอบรับคำเชิญและมาอาศัยอยู่ที่นี่
ทั้งหมดยังผอมแห้งดูไร้เรี่ยวแรง แต่แววตามีชีวิตชีวา ในหมู่บ้านไร้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกจนใช้ชีวิตลำบาก แต่ก็ไม่มีใครสิ้นหวัง ข้าเชื่อว่าตัวเองดูไม่ผิดอย่างแน่นอน
ข้ารอจนคุณเรมิเลียกลับมาที่หมู่บ้านเพียงเพื่อที่จะบอกเธอว่า ‘ข้าอยากเป็นกำลังให้ท่าน’ แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างเรียบง่าย ซึ่งข้าเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
“มีอัศวินจากวังหลวงถูกส่งมาจับตาดูข้า หากท่านอยู่ที่นี่ก็จะถูกเพ่งเล็งไปด้วย”
…นั่นสินะ
ความประทับใจของข้าที่มีต่อคุณเรมิเลียสูงยิ่งขึ้น
เธอรู้ดีกว่าใครว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เธอต้องรู้สึกยินดีที่มีใครสักคน ‘เข้าใจ’ ในตัวเธอ เช่นข้า แต่ก็ยังปฏิเสธเพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของข้า
หลังจากตั้งค่ายพักแรมติดกับหมู่บ้านเพื่อดูการเคลื่อนไหวของคุณเรมิเลียจนตัดสินใจได้แล้ว ข้าก็พร้อมสละทั้งตำแหน่งขุนนางและอัศวินแห่งอาณาจักร เธอไม่ใช่แค่รวบรวมคนเร่ร่อนให้มาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ยังให้ความรู้ สอนงาน มอบอาชีพให้กับพวกเขา ลงมือก่อสร้างหมู่บ้านด้วยกัน ไถนาปลูกพืชร่วมกับเกษตรกร ออกไปเสี่ยงอันตรายหาเงินพัฒนาหมู่บ้าน ดูแลเด็กที่ล้มป่วยราวกับครอบครัว ทำทุกอย่างราวกับ ‘เป็นเรื่องปรกติ’ ไม่ปล่อยให้มีชาวบ้านคนไหนรู้สึกลำบาก
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะใช่ชีวิตในฐานะอัศวินของคุณเรมิเลีย… ไม่สิ ท่านเรมิเลียเท่านั้น
ในที่สุด วันหยุดของข้าก็จบลง ข้ากลับไปที่เมืองหลวงเพื่อดำเนินการอย่างรวดเร็ว ยื่นเอกสารต่อเบื้องบนเพื่อขอคือตำแหน่ง ขอถอนหมั้นกับเดวิด ตัดสัมพันธ์กับครอบครัว มีการกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ก็ไม่ทำให้ข้าเปลี่ยนใจ แม้ตัวข้าจะมีภาระหน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้ในฐานะขุนนาง… แต่ข้าก็เชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตนเองปฏิบัติหน้าที่ได้ครบถ้วนเพียงพอแล้ว ข้าจะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเอง
ในตอนนี้ ข้าก็ได้กลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดานามว่าโซเฟีย
สิ่งเดียวที่ข้ารู้สึกเสียดายคือ รูดี้ ม้าศึกสายพันธุ์ดีที่ต้องทิ้งไว้ที่บ้านเดิม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขี่มันไปที่หมู่บ้านอีกครั้ง แต่มันเป็นสมบัติของตระกูล ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของข้า ลำพังตัวข้าเองไม่มีเงินพอที่จะซื้อม้าชั้นยอดแบบนั้น
ข้าวของเครื่องใช้ อาวุธ เครื่องป้องกันทุกอย่างที่ซื้อในนามของตระกูลก็ถูกทิ้งไว้จนหมด ข้ารู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกปลดออกไปได้อย่างชัดเจนทั้งรูปธรรมและนามธรรม ขณะออกเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในใจนึกถึงคำพูดของเด็กคนหนึ่งในหมู่บ้าน
เด็กที่บอกว่าขอบคุณท่านเรมิเลียเท่าไหร่ก็ไม่มีวันพอ
ผู้ที่รวบรวมจิตใจของผู้คนให้เป็นหนึ่ง ทำงานหนักเพื่อความสุขของทุกคน คนเช่นนี้ไม่มีทางก่อเหตุตามข่าวลือพวกนั้นได้ แม้ยังมีคนที่พูดกันว่าเธอสร้างภาพหลอกลวงให้ดูเหมือนเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่มีทางที่จะมีคนที่แสร้งทำตัวเป็นนักบุญได้ตลอดเวลาเช่นนี้
ข้าอยากไปถึงหมู่บ้านให้เร็วที่สุด แม้แต่เวลาหยุดพักก็ยังรู้สึกเสียดาย
“พวกเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ ขอฝากตัวด้วยนะ โซเฟีย”
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้าน ข้าได้บอกไปว่า ‘ขอติดตามรับใช้ท่านไปจนวันตาย’ ท่านเรมิเลียตอบรับด้วยรอยยิ้มงดงาม… แม้เธอจะยังดูประหลาดใจอยู่บ้าง
นี่…นี่มัน เป็นฉากการพบพานอันแสนวิเศษระหว่างเจ้าหญิงกับอัศวินไม่ใช่หรือ!
“…อา ข้าคิดไม่ผิดจริงๆที่ตัดสินใจมอบความภักดีให้กับท่าน”
ข้าประสานมือ เงยหน้ามองไปยังสวรรค์เบื้องบน
ในวันนั้น ข้าสาบานอย่างหนักแน่น… ว่าจะเป็นอัศวินผู้ภักดีของท่านเรมิเลีย เจ้าหญิงผู้ถูกทอดทิ้ง
Chapters
Comments
- ตอนที่ 37 ผู้กุมเศรษฐกิจแห่งหมู่บ้านต้นกำเนิด กุมภาพันธ์ 2, 2024
- ตอนที่ 36 เด็กน้อยในหมู่บ้านเกิดใหม่ สิงหาคม 2, 2023
- ตอนที่ 35 ผู้ริเริ่มเทศกาลฉลองวันก่อตั้ง กรกฎาคม 27, 2023
- ตอนที่ 34 หญิงสาวผู้เป็นส่วนหนึ่ง กรกฎาคม 22, 2023
- ตอนที่ 33 ราชาปีศาจเผชิญวิกฤต กรกฎาคม 18, 2023
- ตอนที่ 32 นักบุญในหน้าที่ กรกฎาคม 15, 2023
- ตอนที่ 31 ผู้เก็บรักษาความสุข กรกฎาคม 11, 2023
- ตอนที่ 30 ผู้หลุดพ้นชะตากรรม กรกฎาคม 6, 2023
- ตอนที่ 29 ดวงดาวที่ล่องลอยในความฝัน มิถุนายน 30, 2023
- ตอนที่ 28 นักบุญในห้องวิจัย มิถุนายน 27, 2023
- ตอนที่ 27 นักเล่าเรื่องในเมืองแห่งการค้า มิถุนายน 22, 2023
- ตอนที่ 26 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 5 มิถุนายน 15, 2023
- ตอนที่ 25 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 4 มิถุนายน 8, 2023
- ตอนที่ 24 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 3 มิถุนายน 2, 2023
- ตอนที่ 23 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 2 พฤษภาคม 29, 2023
- ตอนที่ 22 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 1 พฤษภาคม 24, 2023
- ตอนที่ 21 ราชาปีศาจผู้มากด้วยปัญหา 2 พฤษภาคม 18, 2023
- ตอนที่ 20 ราชาปีศาจผู้มากด้วยปัญหา 1 พฤษภาคม 5, 2023
- ตอนที่ 19 ผู้รับบทจอมวายร้าย พฤษภาคม 5, 2023
- ตอนที่ 18 ผู้ที่อยู่ภายในหญิงสาวแห่งดวงดาว เมษายน 24, 2023
- ตอนที่ 17 คนที่เคยเป็นครอบครัว เมษายน 19, 2023
- ตอนที่ 16 ผู้สูญเสียความสุนทรีย์ในเสียงดนตรี เมษายน 19, 2023
- ตอนที่ 15 อัศวินตระบัดสัตย์ เมษายน 12, 2023
- ตอนที่ 14 อดีตคู่หมั้นผู้โศกเศร้า เมษายน 8, 2023
- ตอนที่ 13 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 13 มีนาคม 30, 2023
- ตอนที่ 12 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 12 มีนาคม 24, 2023
- ตอนที่ 11 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 11 มีนาคม 17, 2023
- ตอนที่ 10 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 10 มีนาคม 14, 2023
- ตอนที่ 9 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 09 มีนาคม 14, 2023
- ตอนที่ 8 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 08 มีนาคม 9, 2023
- ตอนที่ 7 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 07 มีนาคม 9, 2023
- ตอนที่ 6 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 06 มีนาคม 3, 2023
- ตอนที่ 5 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 05 มีนาคม 3, 2023
- ตอนที่ 4 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 04 กุมภาพันธ์ 28, 2023
- ตอนที่ 3 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 03 กุมภาพันธ์ 28, 2023
- ตอนที่ 2 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 02 กุมภาพันธ์ 28, 2023
- ตอนที่ 1 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 01 กุมภาพันธ์ 28, 2023
MANGA DISCUSSION