ตอนที่ 20 ราชาปีศาจผู้มากด้วยปัญหา 1
ราชาปีศาจผู้มากด้วยปัญหา 1
พวกเราเผ่าปีศาจมีบาปอะไร เพราะเหตุใดจึงถูกเทพเจ้าลงโทษเช่นนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร ผู้ที่ยังเหลือรอดก็ต้องดิ้นรนต่อไป
ข้าได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เบื้องหน้ามีศพของแม่ที่ถูกพ่อฆ่าและฉีกเนื้อออกมากัดกิน กับพ่อที่ฆ่าตัวตายหลังจากกลับมาได้สติจากการกินซากศพของแม่ที่เขาได้ฆ่ากับมือ และน้องชายคนเล็ก คลิม กอดข้าเอาไว้แน่นโดยที่ยังร้องไห้อยู่ กับมิซารี่ น้องสาวที่แม่พยายามปกป้องด้วยชีวิตจากพ่อที่บ้าคลั่ง เสียงร้องไห้ดังก้องอยู่ในหูของข้า
น้องๆคนอื่นๆจะเข้ามาที่นี่ในเร็วๆนี้ …ต้องรีบทำอะไรสักอย่างกับศพของพ่อกับแม่ ก่อนอื่นต้องติดต่อผู้ช่วยของพ่อ… ให้ผู้ติดตามของราชาปีศาจช่วยตัดสินใจแทน…
“ไม่สิ… ตอนนี้ราชาปีศาจกลายเป็นข้าแล้ว”
พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป ไม่มีใครปกป้องพวกเรา ยุคสมัยของราชาปีศาจเฟลิกซ์ได้จบลงไปแล้ว เป็นหน้าที่ของข้า …ที่ต้องปกป้องทุกคนต่อจากนี้ ทั้งที่ตัวข้ายังเยาว์วัยในฐานะปีศาจ ไม่มีเวลาไว้ทุกข์ให้กับความตายของพ่อแม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จะให้ใครมาเห็นว่าข้ามีความวิตกกังวลไม่ได้โดยเด็ดขาด
ในฐานะผู้ครอบครองเนตรสวรรค์ ข้าต้องรับตำแหน่งราชาปีศาจโดยที่ยังไม่พร้อม ไม่มีทั้งประสบการณ์และความรู้
แม้จะมีตำแหน่งเป็นราชาผู้ปกครองเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล แต่หน้าที่ที่ต้องทำก็ไม่เหมือนกับราชาจากประเทศอื่นในโลกภายนอกที่เคยได้ยิน ในโลกปีศาจไม่มีปัญหาการเมืองหรือความขัดแย้งภายใน หรือพูดใช้ชัดๆคือ ไม่มีใครว่างมาสร้างปัญหาเช่นนั้น พวกเราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อต่อสู้กับ ‘ความบ้าคลั่ง’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนั้น ราชาปีศาจที่ผ่านมาทุกๆรุ่น จะต้องมี ‘เนตรสวรรค์’ สืบทอดกันมา …ดวงตาที่สามารถมองเห็นคำโกหกของคนอื่น จึงกลายเป็นเหมือนประเพณีที่จะแต่งตั้งให้ปีศาจที่เกิดมาพร้อมกับเนตรสวรรค์ให้เป็นราชาปีศาจรุ่นต่อไป
ภารกิจอันไร้จุดจบของเผ่าปีศาจและราชาปีศาจคือ ‘หาวิธีหยุดยั้งความบ้าคลั่ง’ ประเทศจะไม่พัฒนา ความเป็นอยู่ของประชาชนจะไม่ดีขึ้น หากปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข
อันที่จริง วิธีหยุดมันก็แสนง่ายดาย… ก็แค่ให้พวกเขากินใครสักคน อย่างที่พ่อของข้าทำ เป็นเรื่องปรกติที่จะปล่อยให้เขาฆ่าและกินคนใกล้ชิดในตอนที่เขาบ้าคลั่ง เพราะพ่อเป็นถึงราชาปีศาจ มีความแข็งแกร่งมากกว่าปีศาจคนอื่นๆ และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเมื่อถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำ จึงไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้แม้แต่ตัวข้าที่เป็นราชาปีศาจรุ่นต่อไป
ซึ่งข้าก็ได้พิสูจน์แล้ว ตัวข้าที่เป็นแนวหน้าในการต่อสู้ก็ยังตกอยู่ในสภาพปางตาย และมิซารี่ที่เป็นนักเวทสนับสนุนก็ยังเกือบถูกฆ่าในการต่อสู้กับพ่อที่บ้าคลั่ง… นั่นคือตอนที่แม่ต้องตายเพื่อช่วยพวกเรา
ในขณะที่ถูกพ่อฉีกเนื้อเพื่อกัดกิน แม่ทุ่มเทพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดร่ายเวทรักษาให้กับข้าที่กำลังจะตาย
แม่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์รักษาที่เก่งกาจ ในตอนที่พ่อถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำ แม่ก็เข้าร่วมต่อสู่เพื่อฆ่าพ่อ เพราะแม่รู้ว่าในตอนที่พ่อรู้สึกตัวว่าได้สังหารครอบครัวที่รัก พ่อจะตกอยู่ในความเศร้าจนเลือกที่จะจบชีวิตตนเอง
ปีศาจที่เคยรับใช้พ่อเข้ามาดูแลข้าและพวกน้องๆ แต่ก็ไม่มีเวลาให้โศกเศร้าเสียใจ เพราะข้าต้องเข้ารับตำแหน่งราชาปีศาจในทันที โดยที่ยังต้องได้รับคำแนะนำจากพวกเขาเพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่พ่อทำค้างคาไว้ แม้ประชากรเผ่าปีศาจจะมีจำนวนน้อย แต่ดินแดนโลกปีศาจที่ต้องดูแลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไปทั้งทวีป เมื่อใดที่มลพิษเริ่มมีความหนาแน่น อสูรจะแข็งแกร่งและดุร้ายยิ่งขึ้น ดันเจี้ยนจะอันตราย เป็นสิ่งที่คอยทำร้ายผู้คน จึงเป็นหน้าที่ข้องข้า หนึ่งในกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศ ที่จะต้องกวาดล้างเหล่าอสูรอันตรายก่อนที่มลพิษจะสะสมถึงขั้นนั้น
การตายของพ่อทำให้งานวิจัยชี้ชะตาของเผ่าปีศาจต้องหยุดชะงัก จนถึงตอนนี้ ช่วงเวลาการเกิดความบ้าคลั่งของปีศาจจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงตอนที่มันเริ่มต้นขึ้นแล้วเท่านั้น แต่พ่อก็สังเกตเห็นถึงความเกี่ยวข้อกับพลังเวทที่แข็งแกร่งในปีศาจที่มีเขาหรือหาง พวกนั้นจะไม่บ้าคลั่งไปอย่างน้อย 200 ปี จึงเกิดเป็นการวิจัยเพื่อบอกเหตุบ้าคลั่งล่วงหน้าให้ได้แม่นยำขึ้น ไม่อย่างนั้น ปีศาจบางคนที่มีชีวิตอยู่มานานจะเลือกฆ่าตัวตาย เพื่อ ‘จบชีวิตตัวเองก่อนทำร้ายญาติพี่น้องหรือครอบครัวคนสำคัญ’ ด้วยความหวาดระแวง
ความบ้างคลั่งสำหรับเผ่าปีศาจจะหมายถึงความตายคล้ายการสิ้นอายุขัย เช่น ถูกกำจัดก่อนสร้างความเสียหาย ได้สติหลังจากฆ่าคนในครอบครัวและตรอมใจตาย หรือฆ่าตัวตายก่อนเกิดความบ้างคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันจะไม่ใช้การตายโดยสงบ
พ่อจึงคิดหาวิธีช่วยเหลือพวกเขาแม้เพียงเล็กน้อย
มิซารี่เป็นนักเวทผู้เก่งกาจ เธอจึงมีส่วนร่วมในงานวิจัย แต่เวทมนตร์สำหรับวัดปริมาณและความเปลี่ยนแปลงของพลังเวทซึ่งเป็นหัวใจหลักของงานวิจัยนี้มีแต่พ่อเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ งานวิจัยจึงถอยหลัง เธอต้องคิดค้นวงเวทจากสูตรเวทมนตร์นั้นให้สามารถใช้ได้ทุกคนออกมาก่อน
และพ่อก็เคยคำนวณอายุขัยที่เหลืออยู่ของตัวเอง เขาเชื่อว่ามีเวลาอีก 10 ปี ก่อนที่เขาจะบ้าคลั่ง ซึ่งก็ยังมีความผิดพลาดจนไม่สามารถนำวิธีนี้ไปใช้งานจริง หากมันประสบความสำเร็จและมีความแม่นยำมากพอ ผู้คนจะไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวในทุกๆวันว่า ‘พรุ่งนี้อาจถึงคราวของเรา’ อีกต่อไป และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่ามากขึ้น
มิซารี่กับนักวิจัยคนอื่นๆจะทำการค้นคว้าต่อไป ในขณะที่ข้าเริ่มคุ้นเคยกับหน้าที่ราชาปีศาจและคิดหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นๆ เช่นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความบ้าคลั่งเพื่อที่จะป้องหันไม่ให้มันเกิดขึ้น และในที่สุดข้าก็ได้รู้ถึงสาเหตุ พร้อมกับได้พบกับทางตัน… มันคือมลพิษในโลกปีศาจ ปีศาจที่มีมลพิษสะสมเกินกว่าร่างกาจจะรับไหว จะถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำ คลิมสรุปเรื่องนี้ได้จากการรวบรวมข้อมูลที่เคยบันทึกไว้ ปีศาจที่มีพลังเวทระดับเดียวกัน ผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งมลพิษหนาแน่นจะถูกความบ้าคลั่งเจ้าครอบงำเร็วกว่า
แล้ว… พวกเราจะแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร?
มลพิษคือสิ่งที่ผุดขึ้นมาเองทั่วดินแดน ไม่มีพื้นที่ไหนในโลกปีศาจที่ปราศจากมลพิษ
ถึงอย่างนั้น อย่างน้อยพวกเราก็สามารถส่งปีศาจที่มีพลังเวทน้อยออกนอกประเทศได้ ผู้ที่มีโอกาสถูกความบ้าคลังเข้าครอบงำตั้งแต่อายุยังน้อย ไปยังทวีปหลักของมนุษย์…แผ่นดินที่มลพิษย่างกรายไปไม่ถึง โชคดีที่มิซารีมีพลังเวทเป็นรองแค่กับข้าเท่านั้น และเธอมีพรสวรรค์ในเวทมนตร์เคลื่อนย้าย
แต่มันจะมีความหมายแน่หรือ? มันเป็นเพียงการซื้อเวลา ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ปีศาจที่แข็งแกร่งรวมถึงตัวข้าเองไม่สามารถกลมกลืนไปกับมนุษย์ และก่อนหน้านั้นก็ไม่มีวิธีส่งประชากรไปได้ทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ที่จะหาปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าข้าที่มีเวทมนตร์เคลื่อนย้าย
…ข้าต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในสักวันหนึ่งก่อนที่ข้าจะบ้าคลั่งเหมือนพ่อ เมื่อข้าเติบโตขึ้น พลังเวทของข้าก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าพ่อ ดังนั้นข้าอาจมีอายุยืนยาวกว่าเขา แต่ก็ไม่ควรมองโลกในแง่ดีเกินไปจนต้องเสียใจภายหลัง
ในบรรดาน้องๆของข้า มีผู้ที่มีพลังเวทน้อยอยู่ 3 คน พวกเขาได้ถูกส่งไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์
น้องคนที่ 3 เป็นน้องสาว อาเรีย ได้ใช้ชีวิตจนจากไปตามธรรมชาติด้วยวัย 80 ปี โดยไม่เกิดความบ้าคลั่ง ดูเหมือนนั่นจะเป็นอายุขัยที่แท้จริงของเธอที่ผกผันไปตามระดับพลังเวทที่มี เรียกได้ว่าอายุยืนสำหรับมนุษย์ เธอไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเป็นปีศาจจึงปลีกตัวไปอยู่คนเดียวในกระท่อมกลางป่าจนทำให้มนุษย์เรียกเธอว่าแม่มด เธอหาอาหารส่งกลับมายังโลกปีศาจจนกระทั่งตายอย่างสงบในโลกมนุษย์
น้องคนที่ 4 เป็นน้องชาย อัลเบลริค ฝืนตัวเองเป็นนักผจญภัยเพื่อหาเงินซื้อเสบียงส่งให้โลกปีศาจ และเขาได้เสียชีวิตลงขณะท้าทายดันเจี้ยนแห่งหนึ่ง มีเพียงของใช้ส่วนตัวของอัลเบลริคถูกส่งคืนมาผ่านร้านค้าลับของเผ่าปีศาจที่ลักลอบค้าขายอยู่ในโลกมนุษย์
น้องคนที่ 5 เป็นน้องสาว เซซิเลีย เป็นคนที่มีพลังเวทน้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด แม้แต่ในเผ่าปีศาจก็เป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่ก็มีรูปโฉมงดงามที่สุด และข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอเลือกที่จะเป็นโสเภณีในโลกมนุษย์เพื่อหาเงิน ข้าได้รู้หลังจากมิซารี่แจ้งข่าวมาว่าเธอได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคติดต่อและอธิบายว่าเธอติดมาได้อย่างไร
และน้องชายคนสุดท้อง คลิม เลือกที่จะอยู่ใกล้ๆข้าในฐานะเครื่องสังเวย ‘เพราะพี่เป็นบุคคลสำคัญสำหรับเผ่าปีศาจ’ เขาเสียทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่ยังเด็กแต่ก็เติมโตมาอย่างน่าภาคถูมิใจ ซื่อสัตย์ อดทน ยึดมั่นในหน้าที่ ไม่เคยเห็นแก่ตัวเลยสักครั้ง
เขาสนับสนุนข้ากับมิซารี่อย่างเต็มที่โดยไม่ตำหนิข้าที่บกพร่องในหน้าที่ของราชา เพราะข้าไม่มีทั้งทายาทสืบสกุลและคู่ครอง เพราะกลัวว่าสักวันลูกของข้าจะถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำก่อนตัวข้าเอง ข้ารู้ตัวว่าไม่เด็ดเดี่ยวพอที่จะลงมือได้
แต่ทุกคนก็กังวลในเรื่องผู้สืบทอดราชาปีศาจรุ่นต่อไป เนตรสวรรค์จะสูญสิ้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร อาจเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจความรู้สึกของข้า ข้าเองก็ต้องขอโทษในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน
มีเพียงราชาและผู้สืบทอดเท่านั้นที่รู้ว่าเนตรสวรรค์สามารถส่งต่อให้กันได้ การที่คนอย่างข้าได้รับพรจากสวรรค์เช่นนี้อาจเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะฉะนั้น ก่อนที่จ้าจะจบชีวิตตัวเองก่อนถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำ ข้าจะควักลูกตาของตัวเองออกมาพร้อมกับส่งต่อเจตนารมณ์ของข้า
และแล้ววันแห่งการตัดสินก็ได้มาถึง ในขณะที่ข้าเหลือเวลาอีกราวๆ 2 ปี ชายคนหนึ่งที่รับผิดชอบการค้าขายในดินแดนมนุษย์ได้ส่งเรื่องมาว่า สตรีชาวมนุษย์ผู้หนึ่งต้องการเข้าพบข้า เธอเป็นผู้ก่อตั้งหมู่บ้านที่เพิ่งก่อตั้งใหม่และต้อนรับผู้อพยพไปอยู่อาศัย หลังจากก่อตั้งหมู่บ้าน เขาก็ได้ไปตรวจสอบความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัยเป็นระยะและส่งรายงานมาให้ข้า จำได้ว่าช่วงแรกๆข้าภาวนาให้ทุกอย่างราบรื่น เพื่อในอนาคตอาจได้รับอนุญาตให้ทำการค้าขายได้อิสระมากขึ้น ประชาชนของข้าจะได้ไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป
สตรีผู้นั้นเป็นนักเวทระดับสูงมาก ซ้ำยังใจกว้างพอที่จะยอมรับเผ่าปีศาจได้และเธอก็ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เธอได้ยื่นข้องเสนอ ‘วิธีแก้ปัญหาความบ้าคลั่ง’ เพื่อขอเข้าพบข้า แน่นอนว่าข้าตกใจเป็นอย่างมาก ‘เพราะอะไร’ มนุษย์ไม่ควรจะรู้จักคำนี้ด้วยซ้ำ
ในตอนแรกข้าคิดจะฆ่าปิดปาก ปีศาจเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยในโลกมนุษย์ มีเพียงบางพื้นที่เท่านั้นที่มองว่าปีศาจกับมารคือสิ่งเดียวกันจากหลักฐานและเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่มนุษย์คนหนึ่งสามารถเชื่อมโยงข้อเท็จจริงของปีศาจ มาร และความบ้าคลั่งเข้าด้วยกันได้อย่างไร หรือต่อให้ข้อมูลรั่วไหลจากเผ่าปีศาจที่อพยพไปยังโลกมนุษย์ก็เถอะ ก็ไม่มีทางที่จะรู้ไปจนถึง ‘วิธีแก้ปัญหา’ ยิ่งไปกว่านั้น ยังคิดนำข้อมูลนั้นเดินทางมาต่อรองที่โลกปีศาจ… เพื่อขอเข้าพบข้าที่เป็นราชาปีศาจ
ต้องให้ได้พบหน้ากันสักครั้งเพื่อให้รู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเธอ เนตรสวรรค์ของข้าจะกลั่นกรองความจริงออกมาได้แน่ จากนั้นก็จะได้รู้ว่าเธอต้องการอะไร โชคดีที่เธอมีความเข้ากันได้กับเวทมนตร์เคลื่อนย้าย เธอวิเคราะห์วงเวทที่พวกเราใช้ในการส่งของจนรู้ถึงพิกัด จากนั้นเธอก็ทำการเคลื่อนย้ายจนมาถึงที่นี่
การเผชิญหน้ากับมนุษย์ที่รู้ในเรื่องที่ไม่สมควรรู้นั้นน่ากลัวจนข้าลดความระวังไม่ได้ หากข้อเท็จจริงที่ว่ามารคือปีศาจที่บ้าคลั่งถูกรับรู้อย่างแพร่หลายในโลกมนุษย์ จะเกิดการต่อต้านแลถูกตามล่าจนไม่สามารถอพยพไปแฝงตัวอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้ ดังนั้น ต้องรีบกำจัดก่อนจะถูกแพร่งพรายออกไป
ทั้งที่ตั้งใจไว้อย่างนั้นแต่เมื่อได้คุยกับเธอก็ทำให้เปลี่ยนความคิดในทันที …เรมิเลียตั้งใจ ‘ปลดปล่อยเผ่าปีศาจจากความบ้าคลั่ง’ ตลอดการสนทนาตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีคำโกหกเลยสักคำ เธอเชื่อในความรู้ที่พระเจ้ามอบให้โดยไม่คิดสงสัย และใช้ความรู้นั้นเพื่อช่วยเหลือเผ่าปีศาจทั้งที่พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเธอ โดยมีเหตุผลเพียงแค่ ‘ทำในสิ่งที่ต้องทำ’ เธอจ้องมองมาที่ข้าด้วยดวงตาสีฟ้าคู่นั้นที่ปราศจากความลังเล …พูดทุกอย่างออกมาจากใจโดยไม่ปิดบัง
หลายๆคนมักเข้าใจผิดว่าเนตรสวรรค์ของข้าสามารถแยกแยะความจริงและคำโกหกออกจากกันได้ แต่ความจริงแล้วข้าสามารถมองเห็นความขัดแย้งในความรู้สึกของคนคนนั้นขณะที่พูดออกมา เพียงแค่นั้น …เป็นไปได้ว่าเรื่องทั้งหมดมาจากจินตนาการเพ้อพกของเธอเพียงคนเดียว แต่ข้อมูลที่ได้ก็สอดคล้องกันและเรื่องต่อจากนั้นก็สมเหตุสมผล พระเจ้าอาจมอบหมายให้เธอเป็นผู้กอบกู้โลกใบนี้จริงๆ
หากสาเหตุที่เธอเล่ามาเป็นความจริงจะทำให้ผู้คนแตกตื่น …เรื่องที่ว่าเทพแห่งการสร้างเป็นต้นเหตุของมลพิษ แต่ศูนย์กลางของมลพิษที่กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ก็คือวิหารเทพจริงๆ ดังนั้นข้าจึงมีความหวัง ว่าวิธีของหญิงสาวผู้นี้จะช่วยเผ่าปีศาจให้รอดพ้นจากความบ้าคลั่งได้จริง เธอต้องเป็นคนที่พระเจ้าประทานมาให้เพื่อบอกเรื่องนี้ได้ข้ารู้ ข้าอยากจะเชื่อเช่นนั้น
ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจตามเธอไปให้เห็นกับตา ไปยังวิหารเทพแห่งการสร้างผู้ร่วงหล่นเป็นเทพมาร มันถูกปิดผนึกด้วยกุญแจที่เป็นสมบัติประจำชาติตั้งแต่ยุคสมัยของราชาปีศาจ 6 รุ่นก่อน เขาออกคำสั่งอย่างเคร่งครัดว่า ‘ห้ามเข้าไปในวิหารโดยเด็ดขาด’ ว่ากันว่า ราชาปีศาจผู้นั้นเคยเข้าไปตรวจสอบในส่วนลึกของวิหารเพราะเทพแห่งการสร้างไม่เคยเสด็จออกมาเป็นเวลานานมาก หลังจากนั้น มีเพียงบันทึกที่เขากล่าวว่า ‘ผู้ที่พยายามเข้าใกล้เทพเจ้าจะถูกลงทัณฑ์ สวรรค์จะสาปส่งให้คนผู้นั้นต้องพินาศ’ หลังจากนั้นประตูบานนี้ก็ไม่เคยถูกเปิดอีกเลย
ตามบันทึกที่กล่าวไว้ นอกจากราชาปีศาจคนนั้นแล้ว คนอื่นๆที่ตามเข้าไปในส่วนลึกของวิหารเทพรวมถึงภรรยาและบุตรของเขา ไม่มีใครได้กลับออกมาอีกเลย
ข้าเหลือบมองเรมิเลียเป็นระยะ เธอไม่ค่อยเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเองมากนั้น ท่าที่เห็น เธออาจดูไม่เหมือนนักผจญภัยที่เสี่ยงชีวิตต่อสู้กับอสูร ปลายนิ้วด้าน เล็บมีรอบขูดขีด เส้นผมสีทองเข้มเหมือนดวงตาของข้าถูกมัดรวบไว้ข้างหลัง ใบหน้าไร้การตกแต่งด้วยเครื่องสำอาง …แต่ก็งดงามอย่างเป็นธรรมชาติ เธอตั้งใจทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น ข้าอยากต่อว่าพระเจ้าที่มอบหมายหน้าที่อันหนักหนานี้ให้กับเธอ เท่าที่ข้ารู้ เธอได้รับคำพยากรณ์จากพระเจ้า …ในขณะเดียวกันก็มีตัวตนอันชั่วร้ายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามลงมือขัดขวางจนทำให้เธอถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิด ดูเหมือนเธอจะมีแต่ความเศร้าแต่ไม่มีความโกรธแค้นผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้น ซึ่งทำให้ข้าเริ่มสนใจในตัวหญิงสาวผู้มีจิตใจงดงามผู้นี้
พระเจ้าก็ใจร้ายไม่เบา ปล่อยให้เธอเผชิญชะตากรรมทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว แต่ข้าก็เข้าใจเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเธอจึงเป็นผู้ที่ถูกเลือก แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่เคยบ่น ไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน แค่ ‘ทำในสิ่งที่ต้องทำ’ ตามที่เธอเชื่อมั่นต่อไป
เบื้องหน้าทางเข้าวิหาร หลังจากเตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้ว ข้าได้อนุญาตให้เธอ ‘เรียกด้วยชื่อ’ โดยไม่ตั้งใจ
ข้าเองก็แปลกใจไปครู่หนึ่งที่เผลอพูดออกไป แต่คิดดูแล้วมันก็มีเหตุผลสมควร ต่อจากนี้ต้องมีการประสานงงานกันอย่างรวดเร็ว จะให้เรียกว่า ‘ท่านราชาปีศาจ’ ทุกครั้งที่ทำการสื่อสารก็อาจไม่ทันการ และตามปรกติที่ข้าออกสำรวจมลพิษในดินแดน คนอื่นๆก็เรียกข้าว่า ‘ฝ่าบาท’ หรือสำหรับคนที่สนิทกันก็จะเรียกว่า ‘แองเจิ้ล’ เป็นปรกติ… เอาเป็นว่า มันคือเรื่องจำเป็นที่ต้องตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนการต่อสู้ครั้งสำคัญ
ในส่วนลึกของวิหารไม่มีสิ่งใดนอกจากบรรยากาศอึมครึม เธอพยายามชวนพูดคุยและเล่าเรื่องต่างๆให้ข้าได้ฟัง ในหลายๆเรื่องนั้น แม้แต่ข้าที่เป็นราชาปีศาจก็ยังไม่เคยรู้มาก่อน เธอบอกว่าเป็นความรู้ที่พระเจ้ามอบให้สำหรับกอบกู้โลก
…ทุกวันนี้ ความบ้าคลั่งทำให้เผ่าปีศาจใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว โดยที่เชื่อว่า ‘ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้แล้ว’ แต่ก็ยังมองไม่เห็นทางออก ได้แต่ระลึกถึงเพื่อนฝูงและครอบครัวที่สูญเสียไปโดยปลอบใจตัวเองว่า ‘การเสียสละของทุกคนทำให้เผ่าปีศาจดำรงอยู่ถึงทุกวันนี้ได้’ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกำลังจะเปลี่ยนไป
ในเรื่องที่เธอเล่ามา มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับใช้เจรจาให้ได้เปรียบทางการทูต องค์ความรู้มากมายที่เธอได้รับจากพระเจ้าถูกสอนให้กับข้าโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน หากเธอใช้ความรู้เหล่านี้ในดินแดนมนุษย์ ก็จะสามารถกำจัดเผ่าปีศาจที่เป็นต้นตอของมารให้หมดไปได้ แต่เธอก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ข้าถามถึงเหตุผลที่เธอพยายามขนาดนี้เพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์อื่น เธอตอบว่าเพราะ ‘ปีศาจกับมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้’ …อย่างที่เธอเคยว่าไว้ เพียงแค่ ‘ทำในสิ่งที่ต้องทำ’ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ข้ารู้สึกผิดจริงๆที่เคยคิดจะฆ่าเธอ
ข้าไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยเธออีกต่อไป ไม่ใช่เพราะเธอไม่เคยโกหก แต่เพราะความตั้งใจของเธอ ‘อยากช่วยเผ่าปีศาจ’ เป็นของจริง ไม่ว่าเธอจะได้ความรู้พวกนี้มาจากพระเจ้าหรือตัวตนอันยิ่งใหญ่ใดๆก็แล้วแต่ ข้าภาวนาไม่ให้สิ่งนั้นเป็นตัวตนอันชั่วร้ายที่หลอกใช้เรมิเลียในการกำจัดเผ่าปีศาจ
เพราะเธออาจรู้สึกผิดจนยอมจบชีวิตไปด้วยกัน เป็นฉากจบอันโหดร้ายสำหรับเรมิเลียผู้ที่อุทิศตนเพื่อความสุขของผู้อื่นอย่างแท้จริง
โชคดีที่คำพยากรณ์ของเรมิเลียเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ ตามแผนการของเธอ จำเป็นต้องทำให้เทพแห่งการสร้างผู้ร่วงหล่นอยู่ในสภาพที่อ่อนแอจนขัดขืนไม่ได้ จากนั้นจึงจะเริ่มทำการชำระล้างให้กลับมาเป็นเทพผู้บริสุทธิ์ดังเดิม พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
เรมิเลียตอบสนองการโจมตีได้อย่างแม่นยำ แม้แต่ราชาปีศาจอย่างข้าก็ยังทำไม่ได้ เธอเปลี่ยนคุณสมบัติของบาเรียป้องกันให้ตรงกับการโจมตีได้ทุกครั้ง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอ่านการเคลื่อนไหวของศัตรูที่เพิ่งเคยต่อสู้เป็นครั้งแรกได้ขนาดนี้ …อาจเป็นเพราะความรู้จากพระเจ้าของเธออีกเช่นกัน แม้ว่าข้าจะเข้าต่อสู้ในแนวหน้า เธอก็สามารถหาช่องว่างช่วยสนับสนุนได้อย่างไม่ติดขัดและเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูในตอนที่ข้าตกอยู่ในอันตราย เธอทำทั้งหมดด้วยใบหน้าราวกับกำลังทำเรื่องง่ายๆ
หลังจากนั้น พวกเราก็หยุดการเคลื่อนไหวของเทพแก่งการสร้างได้สำเร็จ ต้องขอบคุณเวทมนต์เสริมพลังและเวทมนตร์รักษาของเรมิเลียทำให้ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง… มีแต่ความอ่อนล่าจากการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่ดูเหมือนเรมิเลียจะไม่มีเวลารักษาบาดแผลของเธอเอง เธอเสียเลือดมากจนผิวซีด ยาฟื้นฟูอาจถูกใช้จนหมด พลังเวทของเธอจึงร่อยหรอ แค่ยืนยังลำบาก
ตามตัวมีรอยแผล เสื้อผ้าฉีกขาด อุปกรณ์ป้องกันเสียหาย แต่ก็งดงามจนข้า ‘อยากเข้าไปกอด’
เทพเห่งการสร้างยังคงแน่นิ่ง หมกดำที่ปกคลุมร่างได้จางหายไป เผยให้เป็นรูปร่างเป็นมังกรสีขาวตัวหนึ่ง เรมิเลียเดินหน้าเข้าใกล้ หยิบขวดออกมาและเทสิ่งที่ดูเหมือนเมล็ดพืชลงบนฝ่ามือจากนั้นก็ถ่ายเทพลังเวทลงไปผ่านการอธิษฐาน ทำให้เมล็ดพืชเติบโตเป็นดอกบัวขนาดใหญ่ และเบ่งบานเป็นดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ เธอบอกว่าหญิงสาวที่ออกมาจากใจกลางของดอกบัวคือบุตรสาวคนสุดท้องของเทพแห่งการสร้าง เทพธิดาแห่งการชำระล้าง
เทพธิดาเป็นห่วงบิดาของเธอมาก แต่ก็ยังหันมาขอบคุณพวกเราก่อนเริ่มการชำระล้างเทพแห่งการสร้าง
เทพธิดาแห่งการชำระล้างตอบแทนโดยการแบ่งส่วนหนึ่งของพลังของเธอ สำหรับ ‘ชำระล้างมลพิษที่สะสมในร่างของเผ่าปีศาจ’ แต่การจะใช้งานพลังนั้นจำเป็นต้องมีความเข้ากันได้ ซึ่งตัวข้าไม่มี จึงถูกมอบให้เรมิเลีย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะใกล้ถึงความบ้าคลั่งแค่ไหนก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่ถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำโดยสมบูรณ์ก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยพลังนี้
หากการแพร่กระจายของมลพิษถูกหยุดลงก็จะทำให้ไม่มีความบ้าคลั่งเกิดขึ้นอีก แต่ยังมีผู้ป่วยจากปัญหามลพิษสะสมอีกจำนวนมาก เรมิเลียแนะนำว่าควรรวบรวมผู้ที่มีความเหมาะสมและสอนพวกเขาใช้พลังนี้ต่อไป
เพราะจ้าวสวรรค์ได้ทำการกักขังเทพธิดาแห่งการชำระล้างเอาไว้… เป็นต้นเหตุให้เทพแห่งการสร้างร่วงหล่นกลายเป็นเทพมาร ข้าเคยคิดว่าเขาได้ทอดทิ้งเผ่าปีศาจไปแล้ว …แต่ตรงกันข้าม เป็นข้าต่างหากที่คิดเอาเองว่าไม่มีอะไรที่ทำได้มากไปกว่านี้
เรมิเลียก็ได้กลายมาเป็นหัวใจหลักของการกอบกู้เผ่าปีศาจ ได้รับพรจากเทพธิดา และถูกเรียกว่า ‘เทพีแห่งการชำระล้าง’
“ชื่อนี้ ข้าไม่คิดว่ามันเหมาะสมกับข้า…!”
เพราะข้ามองเห็นจึงได้รู้ว่าไม่ใช่แค่การถ่อมตัว แต่เธอคิดเช่นนั้นจริงๆ… ความจริงใจและซื่อตรงของเธอเป็นสิ่งที่ ‘ยอดเยี่ยม’ ทำให้ข้ารู้สึกเป็นห่วง อยาก ‘ปกป้องเธอจากผู้ประสงค์ร้าย’
ในตอนนั้น ข้าเข้าใจว่านี่คือความรู้สึกอยากตอบแทน… ต่อผู้มีพระคุณของเผ่าปีศาจ
หลังจากเทพแห่งการสร้างกลับมา ในแต่ละวัน เผ่าปีศาจที่รู้ว่า ‘ทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว’ ก็ออกมาชีวิตกันอย่างสดใสร่าเริงยิ่งขึ้น
จากก่อนหน้านี้ ข้าทำได้เพียงแค่คอยจับตาดูพื้นที่ใกล้แหล่งมลพิษเท่านั้น แต่มลพิษทั้งหมดกำลังจากหายไปโดยที่ไม่ต้องทำอะไรอีก และแน่นอนว่าไม่มีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเพิ่มเติม
ผู้ป่วยที่ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวความตายที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในวันพรุ่งนี้ ก็ถูกเรมิเลียช่วยชำระล้างมลพิษออกจากร่างกาย ทำให้ทุกคนพื้นตัวอย่างรวดเร็ว… พวกเขาและครอบครัวต่างก็ยกย่องให้เรมิเลียเป็นนักบุญเทียบเคียงกับเทพธิดา ซึ่งข้าเองก็เข้าใจและเห็นด้วย
โอกาสการเกิดอสูรที่ดุร้ายก็ลดลงไปตามแหล่งมลพิษ ทำให้ภัยคุกคามลดน้อยลง จากที่เผ่าปีศาจเคย ‘ใช้ชีวิตเพื่อเอาตัวรอดให้หมดวัน’ ได้เปลี่ยนเป็น ‘ใช้ชีวิตเพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้น’ เป็นครั้งแรก
แม้ว่าเผ่าปีศาจได้รับการปลดปล่อยแล้ว แต่เรมิเลียก็ต้องการออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อชำระล้างมลพิษที่ยังตกค้างอยู่ เช่นเดียวกับที่เธอชำระล้างเผ่าปีศาจ ข้าปฏิเสธโดยบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น …แต่เธอก็ยืนกรานจะทำ เพราะผู้คนกำลังเริ่มต้นการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข จึงต้องกำจัดโอกาสเกิดภัยคุกคามจากอสูรที่แข็งแกร่งให้หมดไป
หัวใจของข้ารู้สึกเหมือนถูกบีบรัดเมื่อได้ยินข้อเรียกร้องที่เธอขอสำหรับทั้งหมดนี้ อย่างที่เธอเคยบอกเอาไว้ว่าเธอถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากรจากอดีตคู้หมั้นและครอบครัว และได้สูญเสียทุกอย่าง… เพราะมีผู้บงการ ใช้ ‘ยาเสน่ห์’ มอมเมาคนรอบข้างให้โกหกใส่ร้ายเธอ แต่ท้ายที่สุด เรมิเลียก็ยังต้องการปลดปล่อยออกคนทรยศเหล่านั้นให้หลุดพ้นจากคำสาป
ว่ากันตามตรง ข้ารู้สึกดีใจกับคำตอบที่ถามเธอไปว่ายังมีความรู้สึกให้กับอดีตคู่หมั้นหรือเปล่า …เรมิเลียอาจจะยังไม่สังเกต แต่ข้ารู้ตัวเองดีที่สุด …ข้าชอบเธอเข้าแล้ว
หลังจากข้ายอมรับความรู้สึกของตัวเองได้ก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของเรมิเลียมากขึ้น ในตอนนี้เธอตั้งใจกับพื้นฟูคุณภาพชีวิตของเผ่าปีศาจมากเกินไปจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าข้าคอยมองดูอยู่ แม้ว่าจะรู้จักกันได้ไม่นานนักแต่ก็อยากจะใกล้ชิดกันให้มากกว่านี้ และที่สำคัญ ข้าจะรอให้เธอลืมความเจ็บปวดที่ถูกอดีตคู่หมั้นและคนอื่นๆหักหลัง
ในขณะที่โลกปีศาจเจริญขึ้นเรื่อยๆ เรมิเลียใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาเวทมนตร์ ‘กระจกน้ำสะท้อนอดีต’ เพื่อแสดงให้เห็นถึงผู้บงการที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง เธอมีพรสวรรค์ทำให้ใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ ทั้งภาพและเสียงล้วนมีคุณภาพสูง แม้แต่ในหมู่ปีศาจด้วยกันยังหาคนที่ทำถึงระดับนี้ได้ยาก
ในระหว่างที่ข้าเสนอตัว ช่วยรวบรวมหลักฐาน ข้าได้เห็นถึงกลอุบายทั้งหมดที่ทำให้เรมิเลียต้องกลายเป็นอาชญากร มนุษย์ชื่อพีน่าที่ถูกเรียกว่า ‘หญิงสาวแห่งดวงดาว’ นั้น เป็นคนที่ถนัดเรื่องต่ำช้า ทั้งการปลอมแปลงและการบงการอยู่เบื้องหลัง ไม่แปลกใจเลยที่เรมิเลียผู้ซื่อตรงจะตามเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนั้นไม่ทัน… หากไม่นำตัวพยานเท็จเหล่านั้นมาสอบสวนอย่างจริงจังก็จะมองเห็นความจริงได้ยาก แต่สุดท้ายแล้ว หากเชื่อใจเธอตั้งแต่แรกก็ไม่จำเป็นต้องไม่จำเป็นต้องเปิดโปงแผนร้ายให้ยุ่งยาก ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์แก้ตัว
เท่าที่ข้าเห็น ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ยายาเสน่ห์เพียงอย่างเดียวจะมีผลรุนแรงขนาดได้ขนาดนั้น แม้ว่ามันไม่มีผลกับเป่าปีศาจ แต่กับมนุษย์มันก็แค่ส่งผลให้รู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อยเมื่อได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น …นั่นคือสิ่งที่ข้ารู้มา ส่วนสำคัญน่าจะเป็นพลังของผู้หญิงที่ชื่อพีน่า… ตามที่เรมิเลียบอกมา เธอมีพลัง ‘อธิษฐานต่อดวงดาว’ ที่ใช้เสริมพลังให้กับพวกพ้อง เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของพืชผล ฟื้นฟูแหล่งน้ำที่ใกล้เหือดแห้ง และเพิ่มประสิทธิภาพของยารักษา ฟังดูน่าจะเกี่ยวข้องกัน… แต่มันก็ไม่สำคัญ…
อาจเป็นฝีมือของเทพมารบางองค์ที่มอบพลังนั้นให้กับตัวตนอันชั่วร้าย… หากเป็นพลังที่แข็งแกร่งก็ควรมอบให้กับผู้ที่จะใช้มันเพื่อความถูกต้องเท่านั้น อย่างที่เรมิเลียได้รับ
ผลของน้ำหอมดึงดูดกับยาเสน่ห์ถูกทำให้รุนแรงขึ้นด้วยพลังอธิษฐานต่อดวงดาวของผู้หญิงคนนั้น…ตามที่เรมิเลียคาดการณ์ไว้ แต่มันก็มันไม่มีผลในการช่วงชิงสติสัมปชัญญะหรือควบคุมการกระทำโดยสมบูรณ์ ดังนั้น ข้าเชื่อว่าพวกเขารู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าทำอะไรลงไป แต่ข้าจะยังไม่บอกเรื่องนี้เพราะเรมิเลียจะต้องอยากช่วยพวกเขาให้พ้นผิดแน่… ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
ไม่ควรเสียเวลาเพื่อประโยชน์ของคนทรยศพวกนั้น… ข้าอยากให้เธอทำอะไรเพื่อความสุขของตัวเองบ้าง
ความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศของมนุษย์ก้าวหน้าขึ้นทีละน้อย ศิลปะและสิ่งบันเทิงต่างๆก็หลังไหลเข้ามาให้เผ่าปีศาจได้ใช้ชีวิตกันอย่างสนุกสนาน วันหนึ่ง คุณโซเฟีย ผู้ติดตามคนสนิทของเรมิเลียมาเข้าพบข้าด้วยท่าทางเคร่งเครียด เธอขอโทษที่มารบกวนเวลางานของข้าและเริ่มพูดธุระของเธอ ระหว่างที่ข้าสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไร เธอก็วางอัญมณีเวทมนตร์บันทึกกระจกน้ำสะท้อนอดีตลงให้ข้าดู และภาพเหตุการณ์หนึ่งก็ปรากฏให้เห็น
“เรื่องที่ขอไว้เรียบร้อยแล้ว ถูกใจไหมล่ะ? ถ้าอย่างนั้น ทำกันเลยไหม…”
“ว้าย โรมาโน่ คนลามก”
“มาว่ากันแบบนี้แต่เธอเองก็พอๆกันนั่นแหละ”
“โธ่ ใจร้าย”
มนุษย์ที่ชื่อโรมาโน่เข้าโอบกอดและดึงแหวกเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของผู้หญิงที่เป็นศัตรูของเรมิเลีย… จากนั้นภาพบันทึกก็ถูกข้ามไป
โซเฟียเป็นผู้ช่วยของเรมิเลียในการคัดแยกและจัดเก็บหลักฐาน เธอเห็นว่ามีบันทึกบางส่วนที่ถูกข้ามเหตุการณ์บางอย่างไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับบันทึกที่เธอนำมานี้ เธอจึงมาสอบถามว่าสามารถเติมส่วนที่ขาดหายไปนี้ได้หรือไม่ ดังนั้น หลังจากวิเคราะห์สูตรเวทมนตร์ที่อยู่ในอัญมณีจนได้พิกัดของเป้าหมายและเวลา… แม้ว่ารายระเอียดจะไม่คมชัดเท่าเรมิเลียแต่ก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
ภาพที่เห็น อธิบายง่ายๆว่าอาชญากรกำลังปลุกปล้ำกับโสเภณี รุนแรงจนน่าขยะแขยงเกิดกว่าจะบรรยาย จากที่ได้ยิน ชายผู้นี้เป็นหนึ่งในคนคุ้มกันของเรมิเลีย… เป็นคนที่หักหลังเจ้านายเพื่อเงินและร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่ง..
ชายที่ชื่อโรมาโน่ได้รับมอบหมายจากพีน่าให้ไปบ่นดังๆให้ได้ยินกันหลายๆคน ว่า ‘ท่านเรมิเลียชอบสั่งให้ไปปรนนิบัติ พอปฏิเสธก็ข่มขู่จะเล่นงานถึงครอบครัว… รู้สึกขมขื่นจริงๆที่ต้องทำกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก’ ข้ากับโซเฟียมีความเห็นตรงกันว่า กับคนแบบนี้สมควรฆ่าให้ตาย ถ้าอยู่ต่อหน้าก็คงลงมือจัดการทันที
และที่เลวร้ายกว่านั้น หากดูจากจำนวนอัญมณีเวทมนตร์ที่มีการตัดภาพบันทึกออกไปกลางคัน… แสดงว่า ยังมีผู้ชายอีกมากให้ความร่วมมือในการใส่ร้ายเรมิเลียเพื่อแลกกับการร่วมประเวณีกับหญิงสาวแห่งดวงดาว
“โซเฟีย… ข้าคิดจะทำอะไรบางอย่าง ต้องขอให้เจ้าช่วยโดยไม่ให้เรมิเลียรู้”
“เพื่อประโยชน์ของท่านเรมิเลีย ข้ายินดีทำ!!”
ข้าบอกแผนให้โซเพียได้ฟัง และเธอก็เต็มใจให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่จนกว่าจะถึงวันที่ต้องนำสิ่งนี้ไปใช้จริง… โชคดีที่สินค้าจากโลกปีศาจมีความต้องการสูงในหมู่ขุนนางของมนุษย์ยิ่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากที่คาดว่าต้องรอดูผลอีก 3 ปี กลับประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่ปีแรก พวกเขาจัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมั่นคงยิ่งขึ้น และข้าจะใช้โอกาสที่พวกมนุษย์รวมตัวกันนี้ แสดงให้ทุกคนได้เห็นความจริง
“ท่านเรมิเลียคิดจะยื่นหลักฐานหลังจบงานเลี้ยงให้คดีถูกดำเนินการอย่างเงียบๆ… แต่ท่านราชาปีศาจโปรดวางใจ ข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแน่… ข้าจะกระชากหน้ากากของผู้หญิงคนนั้นออกมาให้ทุกคนได้เห็น ให้เธอต้องคุกลงต่อหน้า”
“ใช่แล้ว เรมิเลียมักจะใจอ่อน ถ้าปล่อยเอาไว้ สุดท้ายก็จะถูกหลอกและยกโทษให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ฝากเจ้าด้วยล่ะ”
“ต่อให้ท่านเรมิเลียยกโทษให้ แต่ข้าจะไม่ยอม…! จนกว่าผู้หญิงคนนั้นจะได้รับความอับอายยิ่งกว่าตอนที่ทำกับท่านเรมิเลีย”
ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรมิเลีย โซเฟียจะตั้งใจเป็นพิเศษ หลังจากทำการแก้ไขภาพบันทึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว โซเฟียเก็บมันลงกล่องและปิดอย่างแน่นหนา เธอบอกว่า ‘ไม่อยากให้ท่านเรมิเลียผู้บริสุทธิ์ต้องมาเห็นภาพสกปรก’ และฝากมันไว้กับข้าก่อนจะกลับออกไป
อันที่จริง ข้าเองก็ไม่อยากเห็นของแบบนี้เหมือนกัน… แต่ก็ยังดีกว่าเก็บไว้ใกล้เรมิเลียสินะ…?
Chapters
Comments
- ตอนที่ 37 ผู้กุมเศรษฐกิจแห่งหมู่บ้านต้นกำเนิด กุมภาพันธ์ 2, 2024
- ตอนที่ 36 เด็กน้อยในหมู่บ้านเกิดใหม่ สิงหาคม 2, 2023
- ตอนที่ 35 ผู้ริเริ่มเทศกาลฉลองวันก่อตั้ง กรกฎาคม 27, 2023
- ตอนที่ 34 หญิงสาวผู้เป็นส่วนหนึ่ง กรกฎาคม 22, 2023
- ตอนที่ 33 ราชาปีศาจเผชิญวิกฤต กรกฎาคม 18, 2023
- ตอนที่ 32 นักบุญในหน้าที่ กรกฎาคม 15, 2023
- ตอนที่ 31 ผู้เก็บรักษาความสุข กรกฎาคม 11, 2023
- ตอนที่ 30 ผู้หลุดพ้นชะตากรรม กรกฎาคม 6, 2023
- ตอนที่ 29 ดวงดาวที่ล่องลอยในความฝัน มิถุนายน 30, 2023
- ตอนที่ 28 นักบุญในห้องวิจัย มิถุนายน 27, 2023
- ตอนที่ 27 นักเล่าเรื่องในเมืองแห่งการค้า มิถุนายน 22, 2023
- ตอนที่ 26 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 5 มิถุนายน 15, 2023
- ตอนที่ 25 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 4 มิถุนายน 8, 2023
- ตอนที่ 24 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 3 มิถุนายน 2, 2023
- ตอนที่ 23 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 2 พฤษภาคม 29, 2023
- ตอนที่ 22 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 1 พฤษภาคม 24, 2023
- ตอนที่ 21 ราชาปีศาจผู้มากด้วยปัญหา 2 พฤษภาคม 18, 2023
- ตอนที่ 20 ราชาปีศาจผู้มากด้วยปัญหา 1 พฤษภาคม 5, 2023
- ตอนที่ 19 ผู้รับบทจอมวายร้าย พฤษภาคม 5, 2023
- ตอนที่ 18 ผู้ที่อยู่ภายในหญิงสาวแห่งดวงดาว เมษายน 24, 2023
- ตอนที่ 17 คนที่เคยเป็นครอบครัว เมษายน 19, 2023
- ตอนที่ 16 ผู้สูญเสียความสุนทรีย์ในเสียงดนตรี เมษายน 19, 2023
- ตอนที่ 15 อัศวินตระบัดสัตย์ เมษายน 12, 2023
- ตอนที่ 14 อดีตคู่หมั้นผู้โศกเศร้า เมษายน 8, 2023
- ตอนที่ 13 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 13 มีนาคม 30, 2023
- ตอนที่ 12 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 12 มีนาคม 24, 2023
- ตอนที่ 11 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 11 มีนาคม 17, 2023
- ตอนที่ 10 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 10 มีนาคม 14, 2023
- ตอนที่ 9 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 09 มีนาคม 14, 2023
- ตอนที่ 8 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 08 มีนาคม 9, 2023
- ตอนที่ 7 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 07 มีนาคม 9, 2023
- ตอนที่ 6 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 06 มีนาคม 3, 2023
- ตอนที่ 5 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 05 มีนาคม 3, 2023
- ตอนที่ 4 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 04 กุมภาพันธ์ 28, 2023
- ตอนที่ 3 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 03 กุมภาพันธ์ 28, 2023
- ตอนที่ 2 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 02 กุมภาพันธ์ 28, 2023
- ตอนที่ 1 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 01 กุมภาพันธ์ 28, 2023
MANGA DISCUSSION