ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 13
“ท่านราชาแห่งมนุษย์… ครั้งนี้ข้าจะถือว่าผู้หญิงคนนั้นกับประเทศของท่านเป็นคนละเรื่องกัน ข้าไม่มีเจตนาประจานเหยื่อที่ถูกมารจำแลงล่อลวงอีกต่อไป”
“จริงหรือ ท่านราชาปีศาจ…?! คำพูดนั้น… ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก… แต่ว่า มารจำแลงที่ท่านพูดถึงคือ…?”
องค์ราชาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่สะดุดกับคำคำหนึ่งที่แองเจิ้ลพูดออกมาจึงได้ถามกลับไป ข้าเดาได้ในทันที แองเจิ้ลเป็นราชาผู้ช่ำชองเกมการเมืองจริงๆ เขาจะชักจูงให้ผู้หญิงคนนั้นถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด
ข้าแสดงท่าทางสงสัยเหมือนต้องการถามว่า ‘พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ?’ และมองไปทางแองเจิ้ล
“ความจริงแล้ว เรมิเลียได้รับสืบทอดความทรงจำของสตรีผู้กอบกู้โลก เพียงแต่ในความทรงจำไม่ได้ปรากฏให้เห็นมารตนนี้… ใช่ไหม เรมิเลีย?”
“ค่ะ… ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าสิ่งนั้นคือมาร… แต่ข้ารู้มาว่าตัวตนที่อยู่ในร่างนั้นไม่ใช่วิญญาณที่แท้จริงของหญิงสาวแห่งดวงดาว แต่เป็นบางอย่าง… สิ่งมีชีวิตอันเลวร้าย”
ตัวจริงอาจจะเป็นผู้หญิงธรรมดาก็ได้ หรือจะเป็นมารอะไรก็แล้วแต่ที่มาจากโลกเดียวกับเอมิ ใช่แล้ว แค่ดูจากนิสัยของเธอเพียงอย่างเดียวก็เรียกว่าเลวร้ายจริงๆ…
พูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ข้าไม่รู้เลยว่าวิญญาณดั้งเดิมของหญิงสาวแห่งดวงดาวในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง อื่ม ถึงจะคิดแต่ข้าก็ไม่ได้เป็นห่วง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับข้า แต่เอมิต้องสนใจอยากรู้แน่ เอาไว้จบเรื่องแล้วค่อยตรวจสอบดูก็แล้วกัน
“เรื่องที่เกิดขึ้นจริงได้ต่างออกไปจากคำพยากรณ์ เรมิเลียถูกใส่ร้ายและถูกขับไล่ออกจากสถาบันด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อ… ‘อดีต’ คู่หมั้นและ ‘อดีต’ เพื่อนสมันเด็กของนางที่ควรมีส่วนร่วมในการกอบกู้โลกด้วยกันกลับผันตัวไปรับใช้มารตนนั้น เรมิเลียจึงต้องออกผจญภัยด้วยตัวคนเดียว เข้าพิชิตดันเจี้ยนทั้วโลก ฟื้นฟูหมู่บ้านร้างให้กลายเป็นเมือง และช่วยชีวิตผู้คนมากมาย ท่านไม่รู้เลยหรือ?”
“…ข้าได้รับรายงานแค่ว่านางมักเข้าท้าทายดันเจี้ยนอยู่บ่อยครั้งเพื่อหาเงินทุนให้หมู่บ้านในเขตปกครองของเรมิเลีย แต่ข้าไม่รู้เลยว่านางออกเดินทางกอบกู้โลกเพียงลำพัง…”
“เท่ากับท่านไม่เคยรู้เลยว่านางมีหัวใจอันบริสุทธิ์จนเทพธิดาบุตรสาวของเทพแห่งการสร้างชื่นชม ทำให้ได้รับพรแห่งเทพมากมาย และด้วยความไม่รู้นั้น ท่านได้ขับไล่หญิงสาวผู้ที่สมควรถูกยกย่องให้เป็นนักบุญของประเทศ ด้วยข้อหาที่ไม่เป็นความจริง”
“ข้าละอายใจเหลือเกิน…”
ก็ไม่แปลก ถึงแม้จะมีคนจับตาดู แต่พวกเขาไม่มีความสามารถพอที่จะตามข้าเข้าไปในดันเจี้ยนที่มีระดับความยากสูง ข้าจึงตบตาพวกเขาด้วยการใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายออกจากดันเจี้ยนไปทำภารกิจอื่นรอบโลก
“หลังจากเรมิเลียได้รับพรแห่งการชำระล้างก็เดินทางไปยังโลกปีศาจเพียงคนเดียวโดยไม่เกรงกลัว ทั้งที่มนุษย์ทั้งหลายยังคงมีอคติกับเผ่าปีศาจ ข้ากับเรมิเลียจึงร่วมมือกันกำจัดเทพมารผู้เป็นปฏิปักษ์กับเทพแห่งการสร้างได้สำเร็จ และอย่างที่ทราบกันว่าเทพมารตนนั้นเป็นผู้สร้างเผ่ามารออกมาสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อปีศาจและมนุษย์… มารพวกนั้นไม่ได้มีเพียงใช้กำลังเข่นฆ่าทำลาย แต่ยังมีตัวตนอันชั่วร้ายที่มาพร้อมกับพลังแห่งการหลอกลวงถูกส่งมาที่โลกมนุษย์เพื่อหาสาวกมาร่วมมือกำจัดเรมิเลีย ผู้ที่จะทำการชำระล้างตัวมันเองในอนาคต”
“อะไรกัน!”
“ส่วนที่น่าเห็นใจของท่านมกุฎราชกุมารก็คือ เขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าคำสาปของมารตนนั้นทำให้ความรักในจิตใจของเขาไขว้เขว…”
“น- นั่นสินะ… คำสาปของมารตนนั้นทำให้ข้าทรยศเรมิเลียสินะ…?”
ข้าส่งสายตาเศร้าหมองไปทางวิลเลียดที่ดูเหมือนสำนึกผิดอยู่ตรงนั้น เพิ่งจะรู้ตัวเอาป่านนี้เนี่ยนะ เพราะโง่ถึงได้ถูกหลอก ทั้งที่มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเอมิแต่กลับเลือกที่จะเชื่อผู้หญิงคนนั้นมากกว่า
แม้จะเป็นแค่การคาดเดาแต่ข้าก็ก็คิดว่าเข้าใจเจตนาของแองเจิ้ลแล้ว ในขณะที่ข้าแสร้งทำตัวเหมือนตามเรื่องไม่ทัน
เช่นเดียวกับที่เขาสร้างเรื่องเทพมารอีกตนให้กับเผ่าปีศาจ เขาพยายามจะผูกเรื่องให้พีน่ากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งบาปให้ผู้คนในประเทศนี้เข้าใจได้ง่ายๆ โดยให้เธอแบกรับเรื่องเลวร้ายทั้งหมดเพื่อกลบฝังความจริง
พีน่ามีความทรงจำจากชาติที่แล้วทำให้ได้รู้ว่าเทพแห่งการสร้างที่เผ่าปีศาจบูชาได้ร่วงหล่นจนกลายเป็นเทพมารที่หวังทำลายโลกทั้งใบ และตัวจริงของมารก็คือปีศาจที่ถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำ เขาจึงคิดลบล้างอดีตที่ตามหลอกหลอนเผ่าปีศาจไปพร้อมกับชีวิตของพีน่า
ไม่ได้นะ แองเจิ้ล ผู้หญิงคนนั้นเป็นเหยื่อของข้า เธอจะต้องผู้คนตราหน้าว่าเป็นคนบาปและมีชีวิตอย่างน่าอนาถ ถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมจนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ทุกข์ทรมานแสนสาหัสก่อนจะค่อยๆตายให้ช้าที่สุด จะฆ่าตอนนี้ไม่ได้ และต้องทำให้แน่ใจด้วยว่าจะไม่ตายเร็วๆนี้
ประเด็นสำคัญคือการทำให้ ‘เสียใจ’ โดยที่ข้าไม่ต้องการให้ ‘สำนึกผิด’ หรือ ‘กลับใจ’ ข้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่านิสัยอันบิดเบี้ยวของเธอจะไม่มีวันเปลี่ยน เธอจะต้องถูกความรู้สึก ‘ไม่น่าทำเรื่องพวกนั้นกับเรมิเลีย’ ฝังลึกลงไปในหัวใจ ข้าต้องการให้เธอเกลียดตัวเองในอดีตไปจนตาย
ถ้าข้าแสดงความเมตตาและพูดกับแองเจิ้ลว่า ‘ไม่อยากให้มีการลงโทษถึงชีวิต ข้าหวังให้นางได้มีโอกาสชดใช้ความผิด’ ก็น่าจะทำให้เธอมีชีวิตต่อไปได้
อา ศาลากลางสวนนี้น่าคิดถึงจริงๆ ข้าจำได้ว่าเอมิ วิลเลียด โคลด เดวิด และสเตฟาน เคยมาจัดงานเลี้ยงน้ำชาที่นี่บ่อยๆ
“เรมิเลีย ไม่สิ…เรมี่ ตอนที่พวกเรายังเป็นนักเรียน ข้าไม่รู้ตัวเลยว่าพีน่า…มารจำแลงตนนั้นทำการควบคุมข้า… เพราะอย่างนั้น ข้าถึงได้ไม่เชื่อใจเจ้า และทำร้ายเจ้าลงไปแบบนั้น… ทั้งที่เจ้าเป็นคนที่สำคัญที่สุดของข้า…”
“ข้าทราบดีค่ะ… ในตอนนั้นข้าเสียใจมากเพราะเชื่อว่าพวกเราสามารถไว้ใจกันและกันได้… แต่ก็ไม่มีใครฟังเสียงของข้า… โดยที่เชื่อคำกล่าวหาของคุณพีน่าในทันที และทุกคนก็ร่วมกันประณามข้า เรียกข้าว่าคนโกหก…”
“…เรื่องนั้นข้าเองก็เสียใจเหมือนกัน”
“ก่อนหน้านี้แองเจิ้ลได้บอกกับข้า… ว่าคำสาปนั้นไม่ได้ลบล้างความมีเหตุผลหรือบงการการกระทำ มันแค่ทำให้เกิดความรู้สึกหลงรักคุณพีน่าเท่านั้น… ท่านวิล ทั้งหมดนั้นคือความต้องการที่มาจากใจของท่านเอง ท่านตัดสินใจทำเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง ทั้งที่ท่านรู้จักข้าดีกว่าใคร แต่ใจจริงของท่านก็เลือกที่จะเชื่อคุณพีน่ามากกว่าไม่ใช่หรือ…?”
“เรมี่! ไม่ใช่นะ ข้าน่ะ… ข้าแค่อิจฉาเจ้า อิจฉาพรสวรรค์อันมากมายที่ข้าไม่มี… อิจฉาจนคิดว่าตัวข้าต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเจ้า ทำให้จิตใจของข้าพยายามปรับสมดุลโดยไม่รู้ตัว จึงได้หลงเชื่อคำหลอกลวงของมารร้าย… แต่ข้ารักเจ้าจริงๆ… เรมี่ ได้โปรด…!”
“ลาก่อน ฝ่าบาทวิลเลียด”
“เรมี่!!”
ในวันนี้ ข้าถูกฝ่าบาทเชิญมาวังหลวง หลังจากงานเลี้ยงจบลงก็ผ่านมาอีกหลายวันจนเหตุการณ์วุ่นวายในตอนนั้นเริ่มสงบลง โดยที่หญิงสาวแห่งดวงดาวเป็นตัวปลอม..ทำให้เข้าใจว่าเป็นตัวปลอม และข้ากลายเป็นที่โปรดปรานของแองเจิ้ล พวกเขาต้องรู้สึกเสียดายตัวข้าแน่ ทั้งวีรกรรมที่ข้าได้ช่วยเหลือเทพแห่งการสร้าง เป็นเทพีแห่งการชำระล้าง สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ การเยียวยารักษา ความเจริญรุ่งเรือง และได้รับพรจากเทพหลายองค์ เพราะรู้ว่าเอมิเคยหลงรักวิลเลียดจากใจจริง เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด การพบกันครั้งนี้จึงถูกจัดขึ้นมาด้วยความหวัง เป็นการสร้างโอกาสโดยมีข้ออ้างคือการขอโทษอย่างไม่เป็นทางการ
ข้าส่งรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อยไปให้วิลเลียด กล่าวลาและลุกเดินจากไป เบื้องบนต้องโง่ขนาดไหนถึงกล้าส่งวิลเลียดมาเอาชนะใจข้า ทั้งที่ชื่อเสียงของวิลเลียดตกต่ำถึงขั้นมีข่าวลือว่าถูกตัดสิทธิ์ในราชบัลลังก์
ข้าเดินไปตามซุ้มทางเดินของสวนที่เอมิกับวิลเลียดเคยมาเล่นด้วยกันบ่อยๆในตอนเด็ก แองเจิ้ลที่แอบตามมาอยู่ใกล้ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ข้างข้า
“…ดูเหมือนเจ้าจะจบมันได้อย่างสมบูรณ์เลยนะ”
“ค่ะ ในวันที่ความเชื่อใจทั้งหมดของข้าถูกหักหลัง… รักแรกของ ‘เรมิเลีย’ ก็ได้จบลงไปแล้ว”
ไม่รู้ว่าเอมิจะได้ยินเสียงสะอื้นของวิลเลียดทีร้องไห้อยู่ตอนนี้ด้วยหรือเปล่า
“เรมี่… เรมี่…”
ถ้าเสียงร้องไห้คร่ำครวญถึงสิ่งที่เสียไปของคนโง่นั้นช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในหัวใจของเอมิได้ก็คงดีไม่น้อย
แล้วยังมีโคลด เดวิน สเตฟาน ในตอนที่ได้เจอกันครั้งล่าสุด
เดวิดคุกเข่าลงต่อหน้าข้า ก้มหัวลงถูกับพื้น สารภาพว่าการที่เขาได้เห็นเรมิเลียแสดงความหึงหวงในตัวเขา ทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้นมา จึงคิดใช้พีน่าเพื่อการนั้นต่อไป แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ไม่กล้าปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นและกลัวว่าจะถูกเธอเกลียด
ส่วนสเตฟาน ดูเหมือนเขาจะเชื่อว่าถ้าวิลเลียดกับเรมิเลียผิดใจกัน เอมิจะหันไปพึ่งพาเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้อย่างเขา… ข้าสงสารเอมิเหลือเกิน ต้องมาเจ็บปวดเพราะเป็นเพื่อนกับผู้ชายไร้สมองหลงตัวเองพวกนี้
และโคลดที่สังเกตเห็นตั้งแต่แรกว่าความรักของวิลเลียดเริ่มเอนเอียงไปหาพีน่า เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวแห่งดวงดาว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปจะทำให้ข้าถูกถอนหมั้น จึงเกิดเป็นความปรารถนาอันไม่บริสุทธิ์ใจว่าพี่สาวผู้อกหักจากการถูกราชวงศ์ทอดทิ้งจะกลับคืนมาเป็นของเขา เขาอ้อนวอนกับข้า ‘ขอเรียกว่าพี่สาวเหมือนที่ผ่านมา’
แน่นอนว่าข้าปฏิเสธ และเรียกเขาว่า ‘บุตรแห่งดยุกราปเนอร์’ เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะข้าเป็นต้นตระกูลใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับดยุกกราปเนอร์อีกต่อไป และข้าก็เห็นเขาทำหน้าสิ้นหวัง ท้อแท้ เคว้งคว้างเหมือนถูกทอดทิ้ง ข้าหัวเราะในใจ ทั้งที่เขาเป็นคนทอดทิ้งเอมิก่อนแท้ๆ
ถ้าเสียใจกันมากนักก็ไม่ควรหักหลังเอมิตั้งแต่แรก… อา น้ำตาแห่งความทุกข์ระทมที่หลั่งไหลออกมาจากพวกเขาช่วยปลอบประโลมหัวใจที่สูญเสียเอมิของข้าได้เล็กน้อย
ถึงอย่างนั้น ผลลัพธ์ก็ทำให้ข้าพอใจ ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ตัว ข้าได้แอบผลิตยาสารภาพที่ออกฤทธิ์ผ่านการสูดดมโดยอาศัยเพียงแค่รายระเอียดในเรื่องของรสชาติไอเทมที่บอกไว้ในเกม… หากมันมีความสมบูรณ์กว่านี้อีกสักหน่อยนี้ การใช้มันกับพีน่าก็คงน่าสนุกไม่น้อย
คำขอร้องของให้ไว้ชีวิตพีน่าได้รับการยอมรับ เธอยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่นั้นมา และข้าก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม… ไม่มีจริงๆนะ เชื่อไหม? ผลจากการตัดสินโทษทำให้ภายในลำคอของเธอถูกเผา สูญเสียความสามารถในการออกเสียง ความจริงที่ว่าเธอเป็นหญิงสาวแห่งดวงดาวก็ถูกลบออกไปเช่นกัน เธอถูกใช่งานอย่างหนักเพื่อเพิ่มผลผลิตจากเหมืองในแถบชายแดนที่ใช้แรงงานนักโทษเป็นหลัก
ในฐานะเรมิเลีย ข้าบอกไปว่า ‘ไม่มีใครต้องตาย ข้าไม่คิดมากกับเรื่องที่ถูกกระทำในครั้งนั้นแล้ว’ ด้วยท่าทางเหมือนเป็นห่วง พวกเขาให้ข้อมูลกับข้าแค่ ‘ผู้หญิงคนนั้นถูกขังไม่ให้เป็นแสงเดือนแสงตะวัน’ ข้าจึงต้องลงมือตรวจสอบที่เหลือด้วยตัวเอง
ลูกชายของพัศดีประจำคุกที่เธอเป็นนักโทษอยู่เคยเป็นหนึ่งในองครักษ์ของมกุฎราชกุมารที่กลายเป็นสมุนของพีน่าจนหมดสิ้นอนาคต เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็น่าจะเดากันได้แล้วว่าเขาจะสั่งให้ผู้คุมปฏิบัติอย่างไรกับผู้หญิงคนนั้นใช้ไหม?
ข้าได้รู้มาว่ามีผู้ที่โกรธแค้นพีน่าคนหนึ่งมาขอเยี่ยมเธอที่คุก จากนั้นเขาก็เผาใบหน้าของเธอจนเป็นแผลไฟไหม้น่าเกลียด จากการที่ข้าส่งข้ารับใช้ไปตระเวนดูตามสถานที่ที่ใช้แรงงานนักโทษ ในที่สุดข้าก็ได้เห็นเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเลวร้ายเกินกว่าจะพูดออกมา โดยที่ผู้คุมก็แสร้งทำเป็นไม่รับรู้เหตุการณ์ ข้าถึงกับจำเธอไม่ได้หากไม่ได้เห็นไฝที่สะโพกของเธอ เสียงไม่เป็นคำพูดที่ออกมาจากลำคอที่เสียหายของเธอนั้นก่นด่าเรมิเลียเป็นระยะ มีขุนนางอีกหลายตระกูลที่ต้องเปลี่ยนตัวผู้สืบทอดหรือตัดสิทธิ์มรดกลูกชายและลูกสาวของพวกเขาเพราะถูกเปิดเผยว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีปรักปรำ ‘เรมิเลีย’ ข้าเดาได้เลยว่ามีขุนนางจำนวนไม่น้อยที่เกลียดพีน่าถึงขั้นอยากฆ่าให้ตาย แต่แองเจิ้ลกำชับหนักแน่นว่าห้ามปล่อยให้เธอตายเพราะ ‘เรมิเลียจะเสียใจ’ จึงมีการใช้ยารักษาจากโลกปีศาจทุกครั้งที่เธออยู่ในสภาพปางตาย เธอจึงอยู่ในสภาพที่เหมือนกับผ่านนรกมาแล้วหลายครั้ง ด้วยเหตุนั้น เธอได้สูญเสียความสามารถในการตั้งครรภ์และถูกมองเป็น ‘เครื่องมือระบายอารมณ์ที่จะเอาไปเล่นอย่างไรก็ได้ตราบใดที่ไม่ถึงตาย’ จากคนรอบตัว
ตอนที่ข้าบอกว่าไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมคือไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยจริงๆ เข้าใจหรือเปล่า? ไม่ได้เสนอบทลงโทษใดๆให้เธอทั้งสิ้น ถึงเอมิจะอยากให้เธอได้ชดใช้ความผิดแต่ก็ไม่ต้องการทำร้ายใครด้วยการลงโทษ คนที่ตัดสินใจจัดการคือแองเจิ้ลกับคนรอบตัวของข้า และราชวงศ์ที่เต็มใจตอบสนองต่อความต้องการของแองเจิ้ล ข้าไม่สนว่าพวกเขาจะตัดสินใจกันอย่างไรบ้าง แต่ชั่วชีวิตของข้าจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำร้ายเอมิอย่างแน่นอน
ยาสารภาพอยู่ในระดับที่ใช้งานได้จริงแล้ว… แต่ข้ากังวลว่าการใช้ยาแรงๆที่ออกฤทธิ์ต่อสมองบ่อยเกินไปจะมีผลข้างเคียง ดังนั้นข้าต้องพัฒนาเวทมนตร์ที่สามารถอ่านใจได้สมบูรณ์แบบออกมา มันจะหมดสนุกหากเธอกลายเป็นบ้าเพราะใช้ยาเกินขนาดไปก่อน ข้าอยากรู้จากเธอโดยตรงว่าเธอรู้สึกเสียใจ สิ้นหวัง เคียดแค้นข้าขนาดไหน
ใช่แล้ว ไปดูกันปีละครั้งดีกว่า ‘ถ้าคุณพีน่าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ข้าอยากยกโทษให้เธอ’ ถ้าข้าไป แองเจิ้ลต้องเป็นห่วงและตามไปด้วยอยู่แล้วใช่ไหม? คนที่เธอชื่นชอบมากที่สุดมาอยู่เคียงข้างข้า ปกป้องข้าจากเธอ และบอกกับเธอว่า ‘หากสำนึกในบาปและปรารถนาที่จะชดใช้ความผิดจากใจจริงเมื่อใดก็จะได้พบกับเส้นทางที่แตกต่าง’ แบบนี้ก็น่าสนุก ข้าจะคอยดูก็แล้วกัน
รายได้ของตระกูลดยุกก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกไม่กี่ปีเขาจะไม่เหลือเงินเอาไว้รักษาหน้าตาให้ดูดีได้อีกต่อไป ไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ และมีชีวิตที่เต็มไปด้วยหนี้สิน ธุรกิจและการลงทุนทุกอย่างของเขาถูกข้าขัดขวางไม่ให้ประสบความสำเร็จ และข้าจัดการอยู่เบื้องหลังให้ผู้ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับเขาเป็นคนในสังกัดขุนนางฝ่ายตรงข้าม
ประเทศนี้กำลังถูกกัดกร่อนอย่างช้าๆด้วยน้ำมือของข้า ผู้ที่เคยช่วยเหลือพีน่าโดยการให้การเท็จทุกคนแม้พวกเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอโดยตรงก็ถูกข้าปิดตายอนาคตจนหมดสิ้น จะขุนนางหรือพวกที่ไต่เต้ามาจากสามัญชนก็สูญเสียฐานะของพวกเขา ถูกย้ายไปตำแหน่งที่ไม่มีความสำคัญหรือถูกปลดออกจากอาชีพตามความรุนแรงของคำโกหกที่เคยให้การ ด้วยความผิดทางวินัยที่ว่า ‘ผู้ที่เคยก่ออาชญากรรม ไว้ใจไม่ได้’ ก็เรียกได้ว่าพวกเขาทำตัวเองนั่นแหละ
หนทางยังอีกยาวไกลกว่าข้าจะเข้าครอบครองได้อย่างเบ็ดเสร็จ …แต่ต้องให้ราชาองค์ปัจจุบันสละราชบัลลังก์โดยเร็ว ใครเล่าจะอยากได้ราชาผู้โง่เขลาขนาดแยกคำโกหกของผู้หญิงตัวเล็กๆไม่ออก? จำเป็นต้องปฏิรูปการศึกษาภาคบังคับของบรรดาลูกหลานขุนนางและชนชั้นสูง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าอย่างในกรณีของเอมิอีก
ขณะเดินไปตามทางในสวน แองเจิ้ลหยุดยืนอยู่กับที่ หันหน้ามาอย่างช้าๆดูไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาสีทองสะท้อนแสงดวงอาทิตย์สว่างไสวคู่นั้นจ้องมองมาที่ข้าด้วยท่าทางจริงจัง
“ข้าตั้งใจจะบอกหลังจากเจ้าตัดใจจากเจ้าชายองค์นั้นได้แล้ว… เรมิเลีย… แต่งงานกับข้าเถอะ”
“แองเจิ้ล…!”
“แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์กับอายุขัยอาจเป็นอุปสรรค์อยู่บ้าง… แต่ถึงอย่างไรข้าก็รักเรมิเลีย ผู้ที่กล้าเผชิญหน้าข้าด้วยตัวคนเดียว… ทั้งที่เจ้าเป็นผู้หญิงอ่อนโยนและบอบบาง แต่เรมิเลียก็ไม่เคยปล่อยให้ใครต้องทนทุกข์ ข้าชอบเจ้าที่เป็นแบบนั้น ทำให้ข้ารู้สึกว่าต้องปกป้องเรมิเลียเอาไว้ให้ได้… และถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะเป็นคนที่ทำให้เรมิเลียได้พบกับความสุข”
คำพูดเหล่านั้น ทำให้ข้ามีความสุขเหลือล้น
เขารัก ‘เรมิเลีย’ ของเอมิ ผู้อ่อนโยน บอบบาง ใจดีเกินกว่าจะปล่อยให้ใครพบกับความทุกข์ เขาสารภาพความในใจว่าเขาต้องการทำให้ ‘เรมิเลีย’ ได้พบกับความสุข ใช่แล้ว… เอมิที่เป็น ‘เรมิเลีย’ คือผู้หญิงที่อ่อนโยนขนาดร้องไห้เสียใจในความตายของเรมิเลีย…ที่เป็นจอมวายร้าย แม้วิลเลียดและคนอื่นๆจะทำให้เธอต้องลำบากหลายต่อหลายครั้งก็ยังเชื่อว่าการไม่ทำในสิ่งที่ทำได้นั้นเท่ากับทอดทิ้งพวกเขา เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษที่พูดออกมาอย่างเต็มใจว่า ‘ฉันจะทำอะไรสักอย่างเอง’ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ
ข้ารู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวตนที่สำคัญที่สุดสำหรับข้าถูกยอมรับ น่ายินดีจนน้ำตาหลังไหลออกมา
“แองเจิ้ล ข้าดีใจเหลือเกิน… ที่ได้แต่งงานกับท่าน… ข้าเชื่อว่าจะมีความสุขร่วมกับท่านได้แน่”
“เรมิเลีย… อืม ใช้แล้ว ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขได้อย่างแน่นอน…”
แองเจิ้ลเข้ามากอดข้าไว้เมื่อรู้ว่าคำพูดของข้าไม่ได้โกหก แม้ว่าเขาจะมีท่าทีเขินอายอยู่บ้างแต่ก็เชื่อมั่นในตัวของผู้หญิงที่เขารัก และเขาก็โล่ใจขนาดแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้า
อา ดีจริงๆ แองเจิ่ลรักข้าที่เป็น ‘เรมิเลีย’ ของเอมิ ดังนั้นข้าจึงรักแองเจิ้ลที่รัก ‘เรมิเลีย’ ของเอมิเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น มันคือฉากจบอย่ามีความสุขกับแองเจิ้ลที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามไขว่คว้า เธอชื่นชอบแองเจิ้ลอย่างมาก ไม่ใช่เพียงในเกมเท่านั้น เธอยังซื้อนิยายเนื้อเรื่องเสริมที่มีแองเจิ้ลเป็นตัวละครหลัก ติดตามฟังบทสัมภาษณ์ของทีมงานผู้พัฒนาตามรายการต่างๆที่พูดถึงแองเจิ้ล จดจำทุกข้อความรายระเอียดรวมถึงตัวเลือกและบทพูดทั้งหมดของแองเจิ้ลในทุกเหตุการณ์ ข้อมูลการออกแบบ ของสะสม เธอกล้าพูดได้เต็มปากว่ารู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับแองเจิ้ล แม้กระทั่งในเรื่องที่ไม่มีกล่าวไว้ในแฟนบุ๊ค
และแองเจิ้ลคนนี้ก็ได้กลายมาเป็นของข้า เรื่องนี้จะต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บใจเป็นที่สุด ไม่มีอะไรน่าสนุกยิ่งการจินตนาการถึงปฏิกิริยาของผู้หญิงคนนั้นในตอนที่เธอรู้ว่าข้าได้แต่งงานกับแองเจิ้ลอย่างมีความสุข
ท่ามกลางดอกไม้หลากสีภายในสวนอันงดงามของพระราชวัง ในสถานที่ที่วิลเลียดมีความทรงจำดีๆร่วมกันมากมาย… เรมิเลียมอบจูบแรกให้กับแองเจิ้ล ขณะมองไปทางศาลาที่วิลเลียดยังอยู่ในสายตา
นี่ เอมิ วิญญาณของเอมิยังอยู่ในตัวข้าหรือเปล่า ข้าเชื่อว่ายังอยู่ ข้ารู้ว่ายังอยู่ เพียงแค่หลับใหล ไม่รับรู้และไม่โต้ตอบใดๆ แต่ข้าก็รู้ว่าวิญญาณดวงนี้ยังอยู่ในตัวข้าเสมอ
อันดับแรกข้าต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับอายุขัยของข้าก่อน ในบรรดาตัวละครที่สามารถนำมาเป็นพวกได้ มีนักเล่นแร่แปรธาตุผู้หวาดกลัวความตายจึงได้แสวงหาหนทางสู่ความเป็นอมตะ ข้าจะต้องหาคนคนนั้นให้เจอเพื่อทีจะได้ขอความร่วมมือจากเขา หากข้าแก้ปัญหาเรื่องอายุขัยได้แล้วข้าก็จะมีเวลาเหลือเฟือเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับวิญญาณ เอมิจะต่อต้านการสับเปลี่ยนวิญญาณเพื่อใช้ร่างของคนอื่นหรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้นข้าอาจจะต้องคิดค้นตุ๊กตาที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ขึ้นมา ไม่สิ ไม่ใช่ตุ๊กตา หรือว่าโฮมุนครุสจะเหมาะสมกว่า? ไม่รู้สิ ข้าต้องสื่อสารกับเอมิให้ได้ก่อนจะทำการตัดสินใจ บางที่เธออาจจะบอกว่า ‘อยากเป็นแมวจังเลยน้า’ เหมือนที่เคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว
แต่สัญชาตญาณก็บอกกับข้าว่าทางที่ดีที่สุดคือร่างของมนุษย์ตามธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นภายในร่างกายของข้าเอง… พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ ข้าต้องตั้งครรภ์กับแองเจิ้ล และย้ายวิญญาณของเอมิเข้าไปในตัวอ่อนก่อนที่วิญญาณดวงอื่นจะเข้าไปสถิต
อืม เป็นความคิดที่เข้าท่า แน่นอนว่าข้าจะตั้งชื่อเธอว่าเอมิอีกครั้ง และจะเลี้ยงดูเอมิผู้เกิดใหม่อย่างบริสุทธิ์โดยไม่ให้รู้ถึงความทรงจำอันเจ็บปวดจากการถูกวิลเลียดกับคนอื่นๆหักหลัง ข้าจะรักและเอ็นดูเอมิให้มากที่สุด ปฏิบัติให้เหมือนกับแม่ของเธอในความทรงจำ อาจมีทะเลาะกันบ้างในบางเวลา แต่พวกเราจะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น
ดั่งคำสาบานที่เอมิเคยให้ไว้ในตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าจะทำให้เอมิเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก
MANGA DISCUSSION